หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
การทำงานเป็นทีม
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " การทำงานเป็นทีม" ให้แก่หัวหน้างานและพนักงานของบริษัทสินธานี ณ ห้องประชุมของบริษัทสินธานี ...
  
สื่อการตลาด
สื่อการตลาด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ในการทำการตลาด สื่อมีความสำคัญและมีความจำเป็นเป็นอันมาก เพราะสื่อสามารถทำให้ลูกค้าหรือผู้บริโภค รับรู้ถึง ข้อมูล ข่าวสาร ความเคลื่อนไหว ความก้าวหน้า ของบริษัท ของผลิตภัณฑ์ ของตนเองดังนั้น นักการตลาดที่ต้องการที่จะประสบความสำเร็จจะต้องให้ความสำคัญกับการใช้สื่อเป็นอย่างยิ่ง
สื่อในยุคปัจจุบัน มีหลากหลาย มีความทันสมัย มีความรวดเร็ว อีกทั้งยังมีราคา มีค่าใช้จ่ายที่ถูกลงกว่าอดีตเป็นอย่างยิ่ง เหตุเพราะยุคปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง มนุษย์เราสามารถคิดค้นสื่อใหม่ๆ ที่มีคุณภาพทั้งเสียงและภาพดีขึ้นมาเรื่อยๆ
อีกทั้งสื่อก็มีลักษณะที่ผสมผสานกัน เช่น เราสามารถดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ เล่นอินเตอร์เน็ต ดูภาพยนตร์ ดูหนังสือพิมพ์ โดยผ่านโทรศัพท์มือถือ และ เราสามารถใช้สื่อที่เราผลิตขึ้นมากระจายไปยังสื่อต่างๆได้อีกมากมาย เช่น เราทำรายการวิทยุ เราก็สามารถถ่ายทอดผ่านจานดาวเทียม ผ่านอินเตอร์เน็ต ผ่านไปยังสถานีวิทยุต่างๆทั่วประเทศโดยมีการเชื่อมโยงกันผ่านระบบเครือข่าย ฉะนั้นเราจึงควรที่จะเรียนรู้สื่อให้มากขึ้น สำหรับสื่อการตลาดมีดังนี้
1.โทรศัพท์มือถือสื่ออำนาจใหม่ โทรศัทพ์มือถือถือว่าเป็นสื่อที่กำลังมาแรงเป็นอย่างยิ่ง เพราะโทรศัทพ์มือถือสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง อีกทั้งยังสามารถพกพาไปไหนได้สะดวก มีความเล็กกะทัดรัด และราคาก็ไม่สูงมากนัก โทรศัทพ์มือถือสามารถรับและส่งข้อมูลได้หลายวิธี เช่น การรับและส่ง SMS การใช้ไลน์ การใช้ Facebook การชำระเงินผ่านมือถือ การใช้มือถือนำทางโดยผ่านโปรแกรมต่างๆ ฯลฯ
2.สื่อออนไลน์ สนามรบใหม่ การสร้างเว็บไซค์ การสร้างข้อมูลผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ถือว่าจำเป็นจะต้องมีถ้าเราต้องการที่จะเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันทางด้านการตลาด ซึ่งสื่อออนไลน์มีลักษณะที่พิเศษหลายอย่าง เช่น ราคาถูก สามารถปกปิดตัวตนของตนเองได้ เป็นการเพิ่มช่องทาง เป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า อีกทั้งยังมีความรวดเร็วอีกด้วย หากเกิดอะไรขึ้นเราสามารถรับรู้ได้เพียงเสี้ยววินาที เพราะถ้ารอหนังสือพิมพ์ กับ ข่าวโทรศัพท์ก็ต้องใช้เวลาที่นานกว่า
3.ฟุตบอลเป็นสื่อ ในยุคนี้ เราจะเห็นได้ว่ามีบริษัทใหญ่ๆของประเทศไทยเราหลายบริษัทที่เข้าไปเป็นผู้สนับสนุนกีฬาฟุตบอลในสโมสรอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ช้าง เบียร์สิงห์ เพราะกีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่คนทั่วโลกนิยมดูโดยเฉพาะฟุตบอลของสโมสรฟุตบอลของประเทศอังกฤษ
4.สื่อทางด้านวัฒนธรรม เมื่อโลกมีควมเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น เราก็จะเห็นสินค้าทั่วโลกมีลักษณะที่คล้ายกัน อีกทั้งรสนิยมของผู้บริโภคเริ่มมีความคล้ายคลึงกันมากขึ้น คนทั่วโลกเริ่มมีการใส่เสื้อสูทมากขึ้น เริ่มมีการบริโภคที่คล้ายคลึงกัน เราเริ่มมีการรับประทานอาหารประเภทสะดวกซื้อสะดวกทานกันมากขึ้น เช่น แฮมเบอร์เกอร์ กาแฟสด โดนัส
5.สื่อตราสินค้า การสร้างตราสินค้าไม่ว่าจะเป็นชื่อ สัญลักษณ์ สี เป็นสิ่งที่ต้องสร้างและจะต้องนำไปจดลิขสิทธิ์ เพราะหากไม่จด เมื่อสินค้า ผลิตภัณฑ์ อื่นๆเลียนแบบหรือมีการจดก่อน เราก็จะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ ทั้งๆที่เราได้สร้างตราเหล่านั้นขึ้นมาก่อน เพราะการใช้สื่อตราสินค้าจะทำให้มีลูกค้าประจำและมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มยอดขายอีกด้วย
6.สื่อหนังสือพิมพ์ ถึงแม้ปัจจุบันสื่อสมัยใหม่จะมีเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ แต่หนังสือพิมพ์ก็ยังคงเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมอยู่ดี เนื่องมาจากว่ายังมีคนอีกจำนวนมากที่ยังเข้าไม่ถึงสื่อใหม่ๆ เพราะมีราคาที่แพงกว่า มีความยุ่งยากในการใช้กว่า อีกทั้งยังมีข้อจำกัดเช่นหากไม่เครือข่ายอินเตอร์เน็ตก็ไม่สามารถดูได้ หนังสือพิมพ์จึงเป็นที่นิยมของประชาชนกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง
7.สื่อวิทยุ สำหรับประเทศไทยเรา ยังคงเป็นที่นิยมในสังคมชนบท โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ที่ชอบพกวิทยุไปฟังเพลง ฟังข่าวสารข้อมูลในขณะทำงาน ยิ่งในยุคปัจจุบันมีวิทยุชุมชน วิทยุผ่านดาวเทียม ยิ่งเป็นการเพิ่มช่องทางให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น
8.สื่อโทรทัศน์ มีทั้งภาพและเสียง ซึ่งแตกต่างกับวิทยุที่รับฟังแต่เสียง การโฆษณาผ่านโทรทัศน์จึงสามารถโน้มน้าวใจได้ดีกว่า เพราะสามารถเห็นภาพ เห็นตัวอย่างของสินค้า แต่สื่อโทรทัศน์อาจมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่า ตัวเครื่องรับโทรทัศน์ก็แพงกว่าเครื่องรับวิทยุ
9.สื่อภาพยนตร์ หรือ เรียกเป็นภาษาพูดว่า “หนัง” เป็นสื่อที่สร้างความบันเทิง และสามารถนำไปใช้โฆษณาชวนเชื่อได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสื่อภาพยนตร์ในยุคปัจจุบัน เราไม่มีความจำเป็นจะต้องไปดูที่โรงภาพยนตร์เหมือนในอดีต แต่เราสามารถชมภาพยนตร์ ในบ้าน ในรถยนต์ ในที่สาธารณะได้อย่างง่ายดายโดยผ่าน “หนังแผ่น” ผ่านทางโทรศัพท์ ผ่านทางโทรทัศน์
10.สื่อเคลื่อนที่ เป็นสื่อทางการตลาดที่สามารถเคลื่อนไหวได้ เคลื่อนย้ายได้ เช่น ป้ายโฆษณาที่ติดตามรถยนต์ ติดตามเครื่องบิน ติดตามรถไฟฟ้าบนดินหรือใต้ดิน ติดตามรถเข็น
11.สื่อที่วางไว้ ณ จุดขาย เช่น สติกเกอร์ ป้ายโฆษณา ใบปลิว ต่างๆที่ติดไว้อยู่ชั้นวางสินค้า หรือภายในร้านหนังสือก็จะมีการโฆษณาหนังสือติดตามหน้าร้าน
12.สื่อปากต่อปาก เป็นสื่อบุคคลที่มีคุณภาพและอนุภาพมาก เป็นเครือข่ายที่ยากจะมองเห็นและเป็นเครือข่ายการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล เพราะคำพูดที่พูดออกไปทำให้เกิดการซื้อสินค้าและบริการ ในขณะเดียวกันคำพูดที่พูดออกไปทำให้เกิดการทำลายภาพพจน์ความน่าเชื่อถือของสินค้าและบริการเช่นกัน
13.สื่อเน็ตเวิร์ก เป็นการใช้สื่อแบบเครือข่ายหลายชั้น ทำให้เกิดการแพร่กระจายข่าวสารข้อมูลทางการตลาดได้อย่างดี เช่นเดียวกับธุรกิจเครือข่าย MLM ของบริษัทต่างๆ การสื่อสารทางการตลาดแบบเน็ตเวิร์กจึงทำให้เกิดการแพร่กระจายสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็ว
14.สื่อคนดัง การใช้คนดังเป็นสื่อในการขายสินค้าและบริการ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน อีกทั้งในยุคปัจจุบัน คนที่เป็นเจ้าของสินค้าและบริการถึงกับลงมาเล่นหรือออกมาสื่อสารขายสินค้าและบริการด้วยตนเอง ทำให้เกิดการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคลกับการสร้างแบรนด์ของสินค้าและบริการไปพร้อมๆกัน
ฉะนั้นการใช้สื่อการตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ความจริงยังมีอีกหลายๆสื่อการตลาดที่กระผมยังไม่ได้กล่าวถึง แต่นักการตลาดจะประสบความสำเร็จในการใช้สื่อการตลาดหรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น หากสินค้ามีความเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน อีกทั้งการใช้สื่อการตลาดก็ไม่มีความแตกต่างกัน ก็คงประสบความสำเร็จได้ยากกว่า คู่แข่งที่มีการสร้างความแตกต่างของสินค้าและบริการ อีกทั้งยังมีความสามารถในการใช้สื่อการตลาดที่มีความแตกต่างโดดเด่น เหมาะสมกับสถานการณ์
สิ่งที่สำคัญสำหรับนักการตลาด หากต้องการใช้สื่อการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ ก็ควรสร้างแตกต่าง อีกทั้งต้องอาศัยความคิดที่สร้างสรรค์ จังหวะในการออกสินค้าและบริการ จังหวะในการออกสื่อแต่ละตัวก็มีความสำคัญบางครั้งออกโฆษณาไปก่อน ในขณะที่ยังไม่มีตัวสินค้าขายตามร้าน ก็ทำให้สูญเสียเวลาและค่าใช้จ่าย สื่อทางการตลาดต้องมีความเหมาะสมกับตัวของสินค้าและบริการจึงจะประสบความสำเร็จ
...
  
ผู้บริหารกับประชาสัมพันธ์
ไม่ได้เรียนมาด้านการประชาสัมพันธ์ แต่ผู้บริหารก็เป็นนักประชาสัมพันธ์ได้
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

ในยุคปัจจุบัน เป็นยุคที่มีการแข่งขันรุนแรง จึงทำให้ทุกธุรกิจ ทุกองค์กร จำเป็นจะต้องทำงานในเชิงรุกและรับ อีกทั้งมีความจำเป็นต้องดูแลภาพลักษณ์ขององค์กรให้ดูดีอยู่เสมอ ฉนั้นทุกองค์กรจึงมีความจำเป็นจะต้องมีหน่วยงานที่จัดตั้งมาเพื่อดูแลงานด้านนี้ หน่วยงานนั้น เรียกว่า หน่วยงานด้านประชาสัมพันธ์


พอพูดถึง งานประชาสัมพันธ์ บางคนอาจคิดว่าเป็นคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ Information คอยชี้ทางห้องน้ำอยู่โน้น แผนกตั๋วอยู่นี่ แผนกเครื่องใช้สำนักงานอยู่นั่น อันนี้ไม่ใช่งานประชาสัมพันธ์ครับ แต่งานประชาสัมพันธ์มีความสำคัญมาก


ดังนั้นคนที่เป็นผู้บริหารและต้องทำงานด้านประชาสัมพันธ์ จะต้องมีความสามารถหลายอย่าง เช่น ความสามารถในด้านการติดต่อประสานงานเพราะเป็นงานที่ต้องคอยติดต่อกับคน เช่น นักข่าว ลูกค้า , นักประชาสัมพันธ์จำเป็นจะต้องเป็นนักการตลาดในภาวะปัจจุบันที่มีการแข่งขันรุนแรง นักประชาสัมพันธ์จะต้องเป็นนักวางแผนและสร้างสรรค์งานใหม่ๆ และสำหรับยุคปัจจุบันเป็นยุคการค้าไร้พรมแดน นักประชาสัมพันธ์ จึงจำเป็นจะต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี


มาถึงตรงนี้ ผู้อ่านที่ต้องการเป็นผู้บริหารอาจท้อใจ โอ้ ถ้าเก่งหลายด้านอย่างนี้ ตัวเองคงเป็นไปได้ยาก และไม่ได้เรียนมาทางด้านประชาสัมพันธ์ด้วย ความจริงผู้เขียนอยากบอกว่า การเป็นนักประชาสัมพันธ์ เป็นได้ไม่ยากและไมง่ายครับ ถ้ามีใจรัก มีการใฝ่หาความรู้ อีกอย่างหนึ่งไม่จำเป็นหรอกครับ ที่จะต้องเรียนจบด้านการประชาสัมพันธ์มาจะทำงานด้านประชาสัมพันธ์เก่ง อย่างตัวผู้เขียนเองไม่ได้เรียนจบมาทางด้านประชาสัมพันธ์มาเลย จบปริญญาตรีรัฐศาสตร์ ปริญญาโท บริหารธุรกิจ แต่ก็สามารถเป็นหัวหน้างานด้านประชาสัมพันธ์ของ มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยาได้ หรือ อย่างคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เอง ไม่ได้เรียนจบทางด้านการประชาสัมพันธ์ แต่เรียน จบนิติศาสตร์ แต่ก็สามารถเป็นผู้บริหารและหัวหน้างานประชาสัมพันธ์ ของบริษัทโตโยต้า ประเทศไทย จนสร้างชื่อเสียง จนกระทั่งบัดนี้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการ บริษัท อสมท. หรือแม้แต่บางหน่วยงาน เช่น บริษัทการบินไทย เป็นบริษัทระหว่างประเทศ


คือทำธุรกิจสายการบินระหว่างประเทศ หน่วยงานด้านประชาสัมพันธ์ของบริษัทการบินไทยเอง ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้จบ สาขาประชาสัมพันธ์โดยตรง แต่จะรับคนที่เก่งภาษาต่างประเทศเป็นหลักก่อน


ดังนั้น ท่านผู้อ่านที่มีใจรักต้องการเป็นผู้บริการและต้องรู้งานด้านประชาสัมพันธ์ ถึงแม้ท่านจะไม่ได้เรียนจบมาทางด้านการประชาสัมพันธ์ แต่ท่านก็สามารถทำงานด้านประชาสัมพันธ์ได้ อาจจะทำได้ดีกว่าคนที่เรียนมาทางด้านประชาสัมพันธ์เสียอีก ถ้าท่านมีใจรัก มีความขยัน มีความอดทน มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีการใฝ่หาความรู้ในงานด้านประชาสัมพันธ์อยู่เสมอ ท่านก็สามารถทำงานด้านประชาสัมพันธ์และจะประสบความสำเร็จในงานด้านประชาสัมพันธ์ในที่สุด





...
  
ทำไมท่านถึงไม่ประสบความสำเร็จในการทำงาน
ทำไมท่านถึงไม่ประสบความสำเร็จในการทำงาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ทำงานแล้วไม่ประสบความสำเร็จในที่ทำงาน ก็เนื่องมาจากหลายสาเหตุ เช่น
1.ไม่มีเป้าหมาย คนที่มีเป้าหมายมักจะเป็นคนที่กระตือรือร้นในการทำงานมากกว่าคนที่ไม่มีเป้าหมาย ซึ่งเป้าหมายอาจจะเป็นเรื่องของ ตำแหน่ง , ความก้าวหน้า , การพัฒนางานของตนเอง เป็นต้น
2.มีข้ออ้างตลอดเวลา ผมเคยเห็นคนแขนขาทั้งสองข้าง ว่ายน้ำได้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แต่ตรงกันข้าม คนแขนดีทั้งสองข้าง หลายคนว่ายน้ำไม่เป็นก็เนื่องมาจากการไม่ยอมที่จะลงมือกระทำและฝึกฝน แต่ตรงกันข้ามเขามักมีข้ออ้างต่างๆ มากมาย เช่น เขาไม่มีเวลา , การว่ายน้ำต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงเมื่อเทียบกับการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง , ไม่ได้ฝึกว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็กหากฝึกมาตั้งแต่เด็กตอนนี้ก็คงเก่งแล้ว ฯลฯ คำพูดต่างๆเหล่านี้ ฟังดูแล้วอาจดูดี แต่บุคคลที่ประสบความสำเร็จเขามักจะไม่มีข้ออ้าง แต่เขาจะลงมือกระทำอย่างจริงจังเพื่อก่อให้เกิดผลงานที่สามารถจับต้องได้
3.ขาดความมั่นใจในตนเอง บางคนมีความรู้มาก แต่ขาดซึ่งความเชื่อมั่นในตนเอง เขามักไปไม่ได้ไกล แต่คนที่มีความรู้น้อยแต่คนๆนั้นมีความเชื่อมั่นในตนเอง เขาก็จะสามารถนำพาตนเองให้ประสบความสำเร็จได้มากกว่าคนซึ่งมีความรู้มากกว่า หากท่านต้องการที่จะประสบความสำเร็จท่านจำเป็นจะต้องพัฒนาตนเองให้เกิดความมั่นใจในตนเอง
4.ไม่ทำงานด้วยความมุ่งมั่น ไม่ขยัน ไม่มีความพยายาม ทำงานไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ บุคคลที่ประสบความสำเร็จ เขามักจะเป็นคนที่ทุ่มเทในการทำงาน บางคนทำงานตั้ง 12 ชั่วโมงต่อวันเลยก็มี เขาจึงประสบความสำเร็จมากกว่าคนทั่วไปที่ทำงานเพียงแค่วันละ 8 ชั่วโมง อีกทั้งการทำงาน 8 ชั่วโมง ของคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ยังขาดซึ่งคุณภาพและประสิทธิภาพอีกด้วย
5.มองหาแบบอย่างที่ดีๆมากๆ คนที่ประสบความสำเร็จ มักมองหาต้นแบบในการทำงาน เขาจะเรียนรู้ เขาจะศึกษาจากตำรา เขาจะซักถามบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ว่าคนที่ประสบความสำเร็จเขาทำงานอย่างไร ถึงได้ผลลัพธ์มากมายถึงขนาดนั้น แล้วเขาก็ถอดแบบ เลียนแบบ บุคคลต้นแบบเพื่อใช้เป็นทางลัดในการที่เขาจะประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วขึ้น
6.ไม่มีการพัฒนาตนเอง คนที่ไม่ประสบความสำเร็จ เขามักจะเป็นคนที่เหมือนถ้อยชาที่มีน้ำอยู่เต็มแก้ว เติมเพิ่มไม่ได้แล้ว เพราะเขาคิดว่าตนเองรู้ทุกเรื่องแล้ว ใครสอนอะไร ใครบอกอะไร เขาก็มักจะไม่เชื่อ
7. ไม่เรียนรู้ ไม่หาวิธีการใหม่ๆ โลกในยุคปัจจุบัน เป็นโลกในยุคของการแข่งขัน การแก้ไขปัญหาและการทำงานจะต้องหาวิธีการทำงานใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทันกับคู่แข่งขันและการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น หากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน ขอให้ท่านจงได้ขจัดสิ่งเหล่านี้ออกไป แล้วท่านก็จะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน
...
  
เทคนิคการพูดและการเป็นพิธีกรในงานประชาสัมพันธ์
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยาย ณ วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปทุมธานี หัวข้อ " เทคนิคการพูดและการเป็นพิธีกรในงานประชาสัมพันธ์" ...
  
จุดเริ่มต้นอาเซียน และ เป้าหมายการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
จุดเริ่มต้นอาเซียน และ เป้าหมายการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
Asean ย่อมาจาก Association of South East Asian Nations หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 21 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ได้มีการเปลี่ยนแปลงวันเปิดประชาคมอาเซียนจากวันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ซึ่งวันดังกล่าวนับว่าเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของประเทศไทย
จุดกำเนิดอาเซียน ก่อตั้งโดยมีปฏิญญากรุงเทพ(Bangkok Declaration) เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510 คนไทยที่ถือว่าเป็นผู้ก่อตั้งอาเซียนคนแรกคือ ดร.ถนัด คอมันต์ สำหรับคนไทยที่ได้เป็นเลขาธิการสมาคมอาเซียนคนแรกคือ นายแผน วรรณเมธี อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
ประเทศที่ถือว่าเป็นสมาชิกร่วมก่อตั้งมี 5 ประเทศ ในปี 2510 คือ ไทย , มาเลเซีย,อินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์,สิงคโปร์ ต่อมาได้มีการรับสมาชิกเพิ่มเติมอีก 5 ประเทศคือ ปี 2527 ประเทศบรูไนได้เข้าร่วม,ปี 2538 ประเทศเวียดนามเข้าร่วม,ปี 2540 ประเทศลาวและประเทศพม่าได้เข้าร่วม และในปี 2542 ประเทศกัมพูชา ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียน
ด้านวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งอาเซียนมีหลายวัตถุประสงค์ด้วยกัน เช่น การส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศสมาชิก,การธำรงสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง,การเสริมสร้างเศรษฐกิจและความกินดีอยู่ดีของประชาชนและการพัฒนาสังคม วัฒนธรรม อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมความร่วมมือกับภายนอก องค์การระหว่างประเทศต่างๆ
เราจะเห็นได้ว่าประเทศทั้ง 10 ประเทศมี ภาษาที่แตกต่างกัน มีวัฒนธรรม มีประเพณีที่แตกต่างกัน แต่ก็ต้องอยู่รวมกันภายใต้ Asean ซึ่งทำให้เกิดข้อตกลงร่วมกัน อยู่หลายประการ เช่น ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาอาเซียน , มีการใช้คำขวัญ AEC ร่วมกันคือ One Vision , One Identity , One Community หรือ หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม , มีการกำหนดวันอาเซียนซึ่งตรงกับวันที่ 8 สิงหาคม ของทุกปี
มีการกำหนดใช้ธงชาติและดวงตราอาเซียนร่วมกัน ซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นรูปรวงข้าวสีเหลืองบนพื้นสีแดงล้อมรอบด้วยวงกลมสีขาวและสีน้ำเงิน รวงข้าว 10 ต้น หมายถึง ประเทศสมาชิก 10 ประเทศ
สีเหลือง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง ,สีแดงหมายถึง ความกล้าหาญและความก้าวหน้า,สีขาวหมายถึง ความบริสุทธิ์และสีน้ำเงินหมายถึง สันติภาพและความมั่นคง
ประเทศไทยเรามีกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด กฎบัตรอาเซียน(ASEAN CHARTER) จึงเปรียบเสมือนธรรมนูญของอาเซียน ซึ่งใช้เป็นข้อตกลงในทางการปฏิบัติร่วมกัน
หลายคนมักตั้งคำถาม ถามกระผมว่า ทำไมถึงต้องมีการร่วมเป็นอาเซียน การร่วมตัวเป็นอาเซียนมีหลายเหตุผลด้วยกัน หนึ่งปัจจัยใหญ่ๆเกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของสถานการณ์โลก เช่น ปัจจุบันกระแสโลกาภิวัตน์ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เกิดการค้าเสรี เกิดการร่วมตัวทางด้านเศรษฐกิจ
เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองจากยุคสองขั้วอำนาจเหลือยุคขั้วเดียวและกำลังก้าวสู่ยุคหลายขั้ว
ภูมิภาคต่างๆมีการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียมีการเติบโตที่สูงและความยากในเรื่องการบริหารจัดการทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม อาหาร พลังงาน และสิ่งแวดล้อมของโลก
เมื่อรวมเป็นอาเซียนแล้ว แน่นอนย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อที่มีความแตกต่างกันแต่ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ เช่น ความแตกต่างทางด้านศาสนาวัฒนธรรม ประเทศเวียดนาม,สิงคโปร์ ส่วนใหญ่มีวัฒนธรรมขงจื้อ ประเทศไทย พม่า ลาว กัมพูชา ส่วนใหญ่มีวัฒนธรรมพุทธ ประเทศมาเลเซีย,อินโดนีเซีย,บูรไน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามและประเทศฟิลิปปินส์นับถือศาสนาคริสต์ เป็นต้น
สำหรับ 3 เสาหลักในการอยู่ร่วมกันในประชาคมอาเซียนคือ เสาการเมืองและความมั่นคงจะเน้นเรื่องความมั่นคง เสาเศรษฐกิจจะเน้นเรื่องความมั่งคั่ง และเสาสังคม วัฒนธรรมจะเน้นเรื่องเอื้ออาทรกัน
เสาการเมืองและความมั่นคง มีวัตถุประสงค์คือ ช่วยส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เกิดสันติภาพและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติวิธี ภายแผนงานอย่างเป็นระบบ มีกฎกติกา ความรับผิดชอบ มีปฏิสัมพันธ์กันภายในและโลกภายนอก
เสาเศรษฐกิจ จะเน้นการสร้างสินค้า บริการ การลงทุน รวมถึงการเคลื่อนย้ายแรงงาน
(ในเบื้องต้นมีการตกลงเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือ เช่น ทันตแพทย์ แพทย์ พยาบาล วิศวกรรม สถาปัตยกรรม บัญชี และการสำรวจ) เงินทุนอย่างเสรี เพิ่มการแข่งขันกับภูมิภาค สร้างจุดยืนบนเวทีการค้าโลก อีกทั้งในอนาคตจะจัดให้มีการจัดตั้ง ASEAN Stock Exchange Board และ จัดตั้งกองทุนการเงินซึ่งมีลักษณะคล้ายกับกองทุน IMF เป็นต้น
เสาสังคมและวัฒนธรรม มีจุดประสงค์คือ มุ่งหวังให้ประชาชนในอาเซียนอยู่ดีกินดี ปราศจากโรคภัย มีสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นสังคมที่มีลักษณะเอื้ออาทร แบ่งปัน และมีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
โดยมีแผนงานคือมีความร่วมมือกัน 6 ด้านในประเทศอาเซียน คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม การคุ้มครอง สวัสดิการสังคม ความยุติธรรมและสิทธิ การสร้างอัตลักษณ์อาเซียนและการลดช่องว่างทางการพัฒนา ร่วมกันเป็นต้น
แล้วประเทศไทยเราพร้อมหรือยังในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ว่าไทยเรารู้จักธงอาเซียนและการก่อตั้งอาเซียนเมื่อใด มาเป็นอันดับสุดท้ายคืออันดับ 10 และ อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับอาเซียนมากเพียงใดมาเป็นอันดับ 7
ทั้งนี้ สิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการเข้าร่วมอาเซียน ซึ่งทุกเวที ทุกหน่วยงานที่จัดการอบรมสัมมนา พูดถึงเมื่อกันว่า เรื่องที่ควรพัฒนาเป็นอันดับแรกๆ คือเรื่องของการใช้ภาษาอาเซียนคือการใช้ภาษาอังกฤษนั้นเอง

...
  
หัวใจงานบริหาร
เสมอต้นเสมอปลาย คือหัวใจของงานบริหาร


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมพ่ายแพ้ความสม่ำเสมอ


เคยมีคนกล่าวไว้ว่า 3 สิ่งนี้ ต้องการความเสมอต้นเสมอปลาย


“การกิน การเรียน และ ความรัก”


การกิน คนเราต้องกินตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะไม่มีใครกินแค่มื้อเดียวแล้วอยู่ได้ตลอดชีวิตหรือตลอดปี ดังนั้นช่วงชีวิตของคนเรา ย่อมเสียเวลาไปกับการกิน คนเรากินมื้อ เช้า กลางวัน


เย็น และถ้าใครเข้ารับการอบรม สัมมนา เสวนาต่างๆ ก็อาจมี อาหารว่าง ช่วงเช้า ช่วงบ่าย อีกต่างหาก


การเรียน คนเราต้องหมั่นเรียน เขียน อ่าน ท่องตำรา หนังสืออยู่เป็นประจำ มิเช่นนั้น ความรู้จะไม่เพิ่มพูนขึ้นมาได้ ไม่ใช่ อ่านกันปีละครั้ง ย่อมมีความรู้ที่ล้าสมัย แต่คนที่ประสบความสำเร็จจำเป็นต้อง อ่านมาก ศึกษามาก เรียนในวิชาการต่างๆในสาขาอาชีพของตน จึงประสบความสำเร็จ


ความรัก ต้องอาศัยความสม่ำเสมอ ทั้งช่วง ก่อนรัก กำลังรัก หลังแต่งงาน หรือ เมื่อมีครอบครัว มีลูก ก็ต้องสม่ำเสมอในความรักที่มีต่อครอบครัว ต่อลูก





และอีกอย่างหนึ่งต้องอาศัยความสม่ำเสมอ คือ งานด้านบริหาร ต้องอาศัยความสม่ำเสมอ ทั้งก่อนการได้รับมอบหมายให้บริหาร ขณะบริหาร เพื่อให้ลูกน้องและลูกค้าเกิดความมั่นใจ ฉะนั้นผู้บริหาร จำเป็นจะต้องใส่ใจลูกน้องและ ก็ต้องขยันออกไปเจอลูกค้าบ้าง เพื่อไม่ให้งานเกิดความเสียหายขึ้น และเพื่อถามปัญหาเกี่ยวกับสินค้าและบริการ หรือ เพื่อขายสินค้าเพิ่มได้อีก ขยันสำรวจตลาดบ้าง ดูว่ามีคู่แข่งเกิดขึ้นมาใหม่ไหม สินค้าของเราสู้คู่แข่งได้ไหม ทั้ง ราคา บริการ ตัวสินค้า สถานที่ การส่งเสริมการตลาด ขยันไปหาลูกน้องและทีมบ้าง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ทีมงาน จะได้รู้ปัญหาการทำงานของลูกทีมหรือทีมงานของเรา ปีใหม่หรือวันสำคัญ ก็ต้องมีของไปฝากไปเยี่ยมเยือนเขาบ้าง ไม่ใช่ขายประกันชีวิตให้เขาแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่เอาหน้าไปให้เขาดูอีกเลย ก็ใช้ไม่ได้


นักบริหารที่ดี จำเป็นจะต้องประพฤติตนให้เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ทุจริต มาทำงานตรงเวลา ไม่เอาเปรียบองค์กร ฯลฯ ถ้าทำอย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้ลูกน้องเอาเป็นเยี่ยงอย่าง


นักบริหารที่ดี จำเป็นจะต้องหาความรู้สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะมีเทคโนโลยีออกใหม่ต้องตามให้ทัน เพราะถ้าลูกน้อง รู้ไวกว่ารู้มากกว่า เราก็อาจมีความคิดไม่ทันสมัย ไม่ก้าวหน้า ไม่ทันเหตุการณ์


นักบริหารที่ดี จำเป็นจะต้องควบคุมอารมณ์ของตนเอง ให้ได้ เมื่อมีเหตุการณ์รุนแรงบางอย่าง ต้องไม่หลุด เพราะถ้าอารมณ์หลุด ก็จะทำให้ตนเองและองค์กร เกิดความเสียหายขึ้นมาได้


คนที่เดินก้าวยาว...ถึงก่อน คนที่เดินเร็ว...ถึงก่อน แต่คนที่เดินไม่หยุด...ถึงก่อนคนอื่นๆ ดังนั้น ผู้บริหารที่ดี จะต้องมีความเสมอต้นเสมอปลาย ในการเอาใจใส่ลูกน้องและลูกค้า


ฉะนั้น งานด้านบริหาร จำเป็นจะต้องมีกิจกรรมที่นักบริหาร ทุกคนพึงยึดถือปฏิบัติไม่ใช่ดีต้น ปลายเสีย


ดังนั้น 3 สิ่งเบื้องต้น ต้องการความสม่ำเสมอฉันใด การบริหารก็ต้องมีหัวใจที่สม่ำเสมอฉันนั้น


กินทุกวัน เรียนสม่ำเสมอ


รักอย่างยืดยาว บริหารด้วยความใส่ใจ










...
  
บัญญัติ 20 ประการทะยานสู่ความสำเร็จในการทำงาน
บัญญัติ 20 ประการทะยานสู่ความสำเร็จในการทำงาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
1.ต้องตั้งเป้าหมายในชีวิตการทำงาน
2.เดินไปหาเป้าหมายที่ตนเองตั้งเอาไว้
3.ฝึกฝน เรียนรู้ ทักษะ ทางด้านการบริหารเวลา
4.จงคิด ริเริ่ม สร้างสรรค์ ผลงานใหม่ๆ
5.มองโลกในแง่บวกให้มากขึ้น
6.จงพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
7.จงเข้ารับการฝึกอบรม การอ่านหนังสือ การฟังวิชาการอยู่เสมอ
8.จงใช้ศักยภาพของตนเองให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ในการทำงานทุกๆชิ้น
9.จงพูดให้กำลังใจตนเอง พูดบวกกับตัวเองอยู่เสมอ
10.จงกล้าที่จะล้มเหลว เพราะทุกความล้มเหลวจะทำให้เราเข้มแข็งและฉลาดขึ้น
11.จงจินตนาการถึงเป้าหมายที่ตนเองต้องการอยู่บ่อยๆ
12.จงเขียน จงวางแผนและทบทวน สิ่งที่ตนเองต้องการในชีวิตอย่างแท้จริง
13.จงหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งการช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เป็นประจำ
14.ต้องรักษาสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายของตนเอง อย่าได้ประมาท
15.จงลงมือทำทันทีหรือ ททท. ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ดินพอกหางหมู
16.จงให้ความสำคัญและรู้จักคุณค่าของคน จงสร้างมนุษยสัมพันธ์กับผู้อื่น
17.เมื่อประสบความสำเร็จ เมื่อมีเวลาก็ควรช่วยเหลือสังคมบ้าง
18.จงกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวา ในการทำงาน
19.จงเรียนรู้ที่จะให้อภัยแก่ตัวเองและรู้จักให้อภัยแก่ผู้อื่น
20.จงเป็นตัวของตัวเอง อย่าได้เลียนแบบใคร หรือ ทำตามใคร
...
  
สาธารณสุขไทยกับอาเซียน
สาธารณสุขไทยกับอาเซียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
31 ธันวาคม 2558 ไทยเรากับอีก 9 ประเทศต้องเข้าสู่อาเซียน กระทรวงสาธารณสุขไทย จึงต้องเผชิญกับความท้าทาย และต้องมีการเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่อาเซียน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขต้องเตรียมตัวหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
อาชีพที่สามารถเคลื่อนย้ายไปทำงานในอาเซียนได้ ได้แก่ ทันตแพทย์ แพทย์ พยาบาล วิศวกรรม สถาปัตยกรรม บัญชี และการสำรวจ จึงเป็นหน้าที่ของมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ต้องเร่งผลิตวิชาชีพเหล่านี้ อีกทั้งจุดอ่อนที่สำคัญของระบบการศึกษาของประเทศไทยก็คือ เรื่องของภาษาอังกฤษ คนที่จบหลักสูตรเหล่านี้และหลักสูตรต่างๆ ที่ผ่านมา มักไม่สามารถทำให้ผู้เรียนสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้
ฉะนั้นนี่คือจุดอ่อนที่สำคัญของคนไทย คนไทยมักมีปัญหาเรื่องของการสื่อสารโดยเฉพาะการใช้ภาษาอังกฤษ หากเทียบกับประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศสิงคโปร์ ประเทศมาเลเซีย และอีกหลายประเทศในอาเซียน อาจเป็นเพราะประเทศไทยและคนไทยบางส่วน มัวแต่ภูมิใจว่าประเทศไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร ฉะนั้นภาษาอังกฤษไม่ต้องฝึกก็ได้ แต่แท้จริงแล้ว ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือ เป็นอาวุธ เป็นกุญแจ ที่จะทำให้เราเกิดความรู้ เกิดการสร้างเครือข่าย เกิดการเชื่อมโยง ระหว่างคนทั่วโลก
อีกทั้งอาเซียนยังตกลงให้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาอาเซียน ดังนั้น เวลามีปัญหา มีเรื่องกัน ขึ้นศาล หรือติดต่อราชการต่างๆในประเทศอาเซียนจะต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ
แพทย์เป็นอาชีพที่ขาดแคลนในประเทศอาเซียน สำหรับหลายประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะ แพทย์ บางประเทศขาดแคลนมากจนมีอัตราเฉลี่ย แพทย์ 1 คน ต่อประชากร 100,000 คน สำหรับประเทศไทยจากตัวเลขของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2554 แพทย์ 1 คนต่อประชากร 2,893 คน
สำหรับการผลิตแพทย์ มหาวิทยาลัยต่างๆในประเทศไม่ได้ผลิตแพทย์เพื่อคนไทย 60 กว่าล้านคน แต่ต้องผลิตให้กับอาเซียน 600 ล้านคน ตลาดจะใหญ่ขึ้น อีกทั้งมหาวิทยาลัยต่างๆที่ผลิตแพทย์ต้องยกระดับมาตราฐานคุณภาพของแพทย์ให้สูงขึ้นเพื่อให้เป็นมาตราฐานเดียวกับอาเซียน และในอนาคตก็ควรยกระดับมาตราฐานการผลิตแพทย์ให้มีมาตราฐานในระดับโลก เพื่อรองรับคนในโลก 7,200 ล้านคน และในปี 2559 คาดว่าจะมีประชากรโลก 9,000 ล้านคน และคาดว่า 2560 จะมีประชากรถึง 10,000 ล้านคน สำหรับปัจจัยที่ทำให้มีประชากรโลกเพิ่มมากขึ้น ก็เนื่องมาจากคนเรามีอายุที่ยืนยาวขึ้นนั้นเอง
สำหรับอาชีพพยาบาล ก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งซึ่งขาดแคลนและสามารถเคลื่อนย้ายไปทำงานในอาเซียนได้อย่างเสรีมากขึ้น ซึ่งพยาบาลมีจุดดีคือเรื่องของกิริยา มารยาท ความสุภาพ ความอ่อนโยน อดทน และมีความสามารถในการช่วยเหลือผู้ป่วย จึงทำให้หลายประเทศได้มีการจ้างงานพยาบาลไทยในค่าใช้จ่ายที่สูง อีกทั้งในด้านสถาบันการศึกษาก็มีความสามารถในการผลิตได้ดีมีคุณภาพในอันดับต้นของอาเซียน จนมีหลายประเทศส่งคนมาเรื่องรู้การพยาบาลจากไทย เช่น พม่า ลาว ภูตาล ฯลฯ
ผลกระทบต่อสาธารณสุขเมื่อเปิดอาเซียน ประเทศไทยเราจะมีการลงทุนสร้างสถานบริการด้านสุขภาพและโรงพยาบาลมากขึ้นเพื่อรองรับ ลูกค้าในกลุ่มประเทศอาเซียน ปัญหาเรื่องยาเสพติด ปัญหาสังคม ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาโรคติดต่อต่างๆและการเผชิญกับโรคอุบัติใหม่(โรคติดเชื้ออุบัติใหม่ หรือ โรคติดเชื้ออุบัติซ้ำ (Emerging Infectious Diseases, EID) คือโรคที่เกิดจากสาเหตุการติดเชื้อโรคหรือโรคที่ติดต่อกันได้ ที่มีการอุบัติเกิดเพิ่มมากขึ้นในช่วงระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา และมีการคาดการณ์ว่าจะเป็นภัยคุกคามมากขึ้นแก่มนุษยชาติในอนาคตต่อไป “ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี” )
กระทรวงสาธารณสุขต้องนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ สำหรับเทคโนโลยีที่มีอยู่ ก็ต้องนำมาใช้อย่างเต็มที่ เพราะเครื่องมือบางอย่างสามารถทำงานได้มากมาย แต่เรานำไปใช้กับงานเล็กๆน้อยๆ
ฉะนั้น กระทรวงสาธารณสุขเป็นกระทรวงหนึ่งที่ต้องทำงานหนัก เป็นกระทรวงที่จะต้องเตรียมความพร้อมที่จะเข้าสู่อาเซียน เป็นกระทรวงหลักกระทรวงหนึ่งที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญ ให้ความเอาใจใส่

...
  
ลิขสิทธิ์
กฎหมายลิขสิทธิ์


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


www.drsuthichai.com


085-0294726


ถ้าพูดถึงเรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ ต้องถือว่าคนไทยจำนวนมากยังไม่ค่อยเข้าใจและหลายคนทำผิดกฎหมายลิขสิทธิ์โดยไม่รู้ตัวหรือตั้งใจ เช่น การคัดลอกถ่ายเอกสารหนังสือ ตำราต่างๆ ตามร้านถ่ายเอกสารเพื่อจำหน่าย , การคัดลอกแผ่น vcd dvd ภาพยนตร์ เพลง ต่าง ๆ , การที่คนหนึ่งถ่ายภาพวัดวาอารามต่างๆ แล้ว ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของผู้ถ่ายแล้วมีคนนำไปใช้โดยไม่ขออนุญาต ฯลฯ สิ่งต่างๆเหล่านี้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ มีความผิดตามกฎหมายแต่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ทราบเพราะเห็นหลายๆคนเขาทำกันในบทความฉบับนี้เราจะมาพูดถึงกฎหมายลิขสิทธิ์กัน


กฎหมายลิขสิทธิ์เป็นกฎหมายที่ให้การคุ้มครองแก่ผู้สร้างสรรค์งานของตนเอง โดยไม่ให้มีผู้อื่นกระทำการผลิตซ้ำ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งงานคุ้มครองเหล่านี้เป็นไปตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 กำหนดงานที่ได้รับการคุ้มครอง คือ งานสร้างสรรค์ประเภท นาฏกรรม ศิลปกรรม วรรณกรรม ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง โสตทัศนวัสดุ ดนตรี งานแพร่ภาพแพร่เสียง ฯลฯ


สำหรับงานด้านวรรณกรรม กระผมขอขยายรายละเอียดเพิ่มเติมได้แก่พวกงานนิพนธ์ทุกชนิด เช่น จุลสาร หนังสือ สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ สุนทรพจน์ คำปราศรัย ปาฐกถา เทศนา รวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สิ่งเหล่านี้จะคุ้มครองลิขสิทธิ์ทันทีเมื่อสร้างเสร็จโดยไม่ต้องมีขั้นตอนทางกฎหมายใดๆ อีกทั้งยังไม่ต้องเผยแพร่แก่สาธารณชนก่อน


ดังนั้น ผู้ใดจะเอาผลงานของเจ้าของลิขสิทธิ์ต้องได้รับการยินยอมก่อน การมีกฎหมายลิขสิทธิ์คุ้มครองทำให้ผู้ผลิตงานมีกำลังใจในการทำงานอีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนได้ ดังเช่น มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกคนหนึ่ง อย่างบิลเกต ซึ่งได้ผลิตซอฟแวร์ไมโครซอฟขึ้นแล้วนำไปขายทั่วโลกจนร่ำรวยขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือ เจ้าของกูเกิ้ล เซริร์ชเอนจินระดับโลก หรือ เจ้าของผลงานหนังสือ แฮรี่ พอลเตอร์ เป็นต้น หากไม่มีกฎหมายลิขสิทธิ์ก็จะทำให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานหมดกำลังใจและไม่อยากสร้างสรรค์ผลงานเพื่อเป็นประโยชน์แก่สังคมและโลก


สำหรับงานที่ไม่มีลิขสิทธิ์นั้น คือ งานที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตก่อนซึ่งจะนำไปใช้ประโยชน์ส่วนรวมหรือส่วนตัวก็ได้ ได้แก่ ข่าวประจำวัน รัฐธรรมนูญ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจงและหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ เป็นต้น


มีคนมักถามผมว่า ลักษณะอย่างไรจึงถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ การกระทำที่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ คือ


การนำผลงานของผู้สร้างสรรค์ไป ขาย ให้เช่า เผยแพร่ต่อสาธารณชน นำหรือสั่งเข้ามาในประเทศ แจกจ่ายในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ ฯลฯ


สำหรับโทษทางกฎหมายมีทั้งทางแพ่งและทางอาญา กล่าวคือ ต้องมีโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หากพฤติกรรมทำละเมิดดังกล่าวเพื่อการค้า ผู้กระทำจะต้องโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ


แต่จากการสังเกตของกระผม ในประเทศไทยเรากฎหมายมีผลบังคับใช้ หรือนำไปปฏิบัติไม่เคร่งครัดเท่าที่ควร หากวิเคราะห์ดูแล้ว หากปฏิบัติกันอย่างจริงจัง เราจะเห็นผู้กระทำผิดกฎหมายลิขสิทธิ์อีกมากมายเลยทีเดียว สำหรับกรณีที่เกิดการฟ้องร้องกันขึ้น ส่วนใหญ่มักมีผลประโยชน์มาก แต่หากมีผลประโยชน์น้อย ผู้ฟ้องอาจไม่คุ้มค่าเนื่องจาก เสียเวลา เสียเงิน และปวดหัวกับการมีเรื่องมีราว จึงไม่มีการฟ้องร้องกันขึ้น


ดังนั้น หากจะคัดลอกผลงานหรือดัดแปลงของใคร ก็ควรจะขออนุญาตเจ้าของผลงานเขาด้วย อีกทั้งควรศึกษาด้วยว่า การกระทำในลักษณะไหนจึงถือว่ามีความผิดกฏหมายที่เกี่ยวกับลิขสิทธิ์







...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.