หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
เพศกับวัยรุ่น
ปัญหาเรื่องเพศของวัยรุ่นไทย

โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)

นับวันปัญหาของวัยรุ่นไทย นับวันยิ่งมีมากขึ้น รุนแรงขึ้น กว่าในอดีต ไม่เป็นจะเป็นเรื่องของการใช้ความรุนแรง การขายตัว การใช้จ่ายฟุ่มเฟือย การหนีเรียน การติดเกมส์ การติดเพื่อน และ การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ฯลฯ


ถ้าจะให้กระผมเขียนถึงปัญหาต่างๆ ของวัยรุ่นไทย คงต้องใช้พื้นที่สื่อจำนวนมากและไม่สามารถเขียนบรรยายได้ครอบคลุมทั้งหมด เนื่องจากปัญหาหนึ่งมีความเกี่ยวโยงกับอีกปัญหาหนึ่งเหมือน เชือกที่มีปม หลายปม ติดกัน แก้ปมหนึ่ง ออกก็ติดอีกปมหนึ่ง


ในวันนี้กระผมของพูดเพียงปัญหาเดียว คือ ปัญหาเรื่องเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นไทย ซึ่งนับวันจะรุนแรง และซับซ้อนขึ้นทุกขณะ

ดังเช่น เรามักจะเห็นในข่าวหน้าหนึ่งทางหน้าหนังสือพิมพ์ และสื่อต่างๆ เมื่อวันก่อน

- “ รวบ 3 นักศึกษาสาว ขายตัวทาง HI5 อ้างหลงผิด-ใช้เงินฟุ่มเฟือย ”


- รายการ คม ชัด ลึก ประจำวันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ ตอน "ขายตัว สวิงกิ้ง-ความเหลวแหลกวัยรุ่น" ได้หยิบยกปัญหาดังกล่าวมาพูดกันในรายการ เพื่อร่วมเสนอทางออกของปัญหา


- รวบแม่เล้าสาว ม.2พาเพื่อนส่งเสี่ยขายตัว จากหนังสือพิมพ์รายวัน เชียงใหม่นิวส์


- และมีอีกหลากหลายข่าวตามสื่อต่างๆ


ปัญหาเหล่านี้ มักทำให้ผู้ปกครองของเด็กวัยรุ่นโดยเฉพาะวัยรุ่นตอนต้น กังวัลใจซึ่งวัยรุ่นตอนต้น(อายุประมาณ 12-15 ปี) ซึ่งในทางวิชาการ วัยรุ่นหญิงจะมีพัฒนาการทางเพศเร็วกว่าวัยรุ่นชายเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นตอน 12 ปี มักเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ เช่น เริ่มมีประจำเดือน เต้านมมีขนาดใหญ่ขึ้น น้ำเสียงเริ่มใสและเล็กลง สะโพกผาย สำหรับเพศชายก็เริ่มตอนอายุ 14 ปี มักจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเพศ คือ องคชาต อัณฑะ เริ่มมีการผลิต น้ำกามจากต่อมลูกหมาก เริ่มมีอสุจิจากอัณฑะ


จากสถิติปี 2549 พบว่า มีอัตราการติดเชื้อเอดส์ในหญิงตั้งครรภ์อายุ 15-19 ปี ร้อยละ 0.44 ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่เคยพบ


ปี 2550 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี และ ผู้ป่วยเอดส์ในประเทศประมาณ 1,102,628 ราย เสียเชีวิตแล้ว 558,895 ราย


และพบว่า นักเรียนระดับมัธยมทั้งชายและหญิงมีเพศสัมพันธ์กันมากขึ้น(ที่มา จากหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์)


ดังนั้น ผู้ปกครองควรให้ความรู้และสร้างความเข้าใจกับลูกๆ ที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนต้น ซึ่งในภาวะปัจจุบัน มีความน่ากลัวมากสำหรับเรื่องเพศในวันรุ่น เช่น ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อ กามโรค หนองใน โดยเฉพาะโรคเอดส์ ซึ่งกำลังแพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบัน


รวมทั้งควรเฝ้าระวัง สื่อต่างๆ ที่เป็นสิ่งเร้าที่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ เช่น อินเตอร์เน็ต VCD DVDรวมทั้งหนังสือลามกต่างๆ


อีกทั้งระวังเรื่องของการจ่ายเงินที่ฟุ่มเฟือยเพื่อซื้อสิ่งของที่ไม่เป็นประโยชน์ และเป็นภัยต่อร่างกาย เช่น โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้าที่ทันสมัย เหล้า บุหรี่ รวมไปถึงยาเสพติด เพราะถ้าเด็กมีความต้องการสิ่งเหล่านี้มากๆ ถ้าไม่มีเงินก็จะไปขายตัวเพื่อมาซื้อสิ่งเหล่านี้ได้




...
  
ประชาคมอาเซียน : ความท้าทายใหม่ทางวิชาชีพการโรงแรมและการท่องเที่ยว
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ ประชาคมอาเซียน : ความท้าทายใหม่ทางวิชาชีพการโรงแรมและการท่องเที่ยว ให้แก่ นิสิตสาขาการโรงแรมและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ณ โรงแรม เดอะแกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวชั่น ...
  
โมติเวท : คิดแบบเศรษฐี
โมติเวท : คิดแบบเศรษฐี
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เศรษฐีกับคนธรรมดาโดยทั่วไปมักมีอะไรๆที่ไม่แตกต่างกัน เช่น ร่างกาย จิตใจ การแต่งตัว แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างเศรษฐีกับคนธรรมดาก็คือเรื่องของความคิด เช่น
1.เศรษฐีมักกุมชะตาชีวิตของตนเอง สร้างโอกาส มากกว่ารอคอยโชคชะตาหรือความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่คนธรรมดาโดยทั่วไปมักปล่อยชีวิตให้ไปเป็นตามกรรมหรือโชคชะตา เศรษฐีหรือมหาเศรษฐีมักเป็นนักสร้างโอกาสเพราะในโลกนี้เต็มไปด้วยโอกาส ความสำเร็จหรือโอกาสทุกอย่าง เป็นสิ่งที่เศรษฐีต้องเดินไปหามัน ไม่ใช่ให้ความสำเร็จหรือโอกาสมาหาเรา
2.เศรษฐีมักปลดปล่อยศักยภาพของตนเองออกมาอย่างเต็มที่ เขาจะเป็นคนที่ทุ่มเทเพื่อความสำเร็จ ส่วนคนธรรมดาโดยทั่วไปมักไม่ยอมเอาศักยภาพออกมาใช้อย่างเต็มกำลัง ความสามารถ
3.เศรษฐีมักเลือกคบคนที่ประสบความสำเร็จ มองโลกในแง่ดี ตรงกันข้ามกับคนธรรมดาโดยทั่วไปมักอยู่กับคนที่ชอบมองโลกในแง่ร้ายหรือเป็นคนล้มเหลว ดังนั้นการเลือกคบคนจึงมีความสำคัญ ดังคำกล่าวที่ว่า “ เราจะมีนิสัยและพฤติกรรมคล้ายคลึงกับคนที่เราคบจำนวน 5 คนที่เราสนิทด้วย”
4.เศรษฐีมักสนใจในเรื่องของมูลค่าทรัพย์สิน เขาจะใช้เงินลงทุนซื้อทรัพย์สินต่างๆ เช่น ที่ดิน หุ้น บ้านเพื่อให้เช่า พันธบัตร ทองคำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำรายได้ให้เศรษฐีมากมายมหาศาล แต่ตรงกันข้ามกับ คนธรรมดาโดยทั่วไปมักเลือกที่จะหารายได้จากการทำงาน แทนที่จะเลือกให้เงินทำงานแทน
5.เศรษฐีมักชอบเรียนรู้ พัฒนาตนเอง ตลอดเวลา เขาจะเอาจริงเอาจัง เช่น เขาจะเป็นคนที่อ่านหนังสือมาก ฟังเทปมาก เข้ารับการอบรมเรื่องการเงินและการพัฒนาตนเองเป็นประจำ จึงทำให้เขาเจริญเติบโต ร่ำรวย มีเวลาว่างมากขึ้น แต่คนโดยทั่วไปมักคิดว่าตนเองรู้ดีแล้ว จึงไม่ยอมที่จะพัฒนาตนเอง
6.เศรษฐีมักชอบเสี่ยง ชอบทำงานโดยมุ่งไปข้างหน้าแม้ทางข้างหน้าจะมีความเสี่ยงภัย เขากลัวก็จริงแต่เขาไม่หยุดยั้ง ตรงกันข้ามกับคนธรรมดามักปล่อยให้ความกลัวมาครอบงำเขาจึงไม่กล้าเดินหน้าต่อไป
7.เศรษฐีมักชอบนำเสนอตนเอง โฆษณาตนเอง เพราะเขามีความคิดที่บวก แต่คนธรรมดามักมองในแง่ลบต่อคนที่นำเสนอตนเอง โฆษณาตนเอง ดังนั้น เขาจึงไม่ค่อยจะกล้านำเสนอตนเองหรือโฆษณาตนเอง
8.เศรษฐีมักมองปัญหาต่างๆเป็นเรื่องเล็กน้อย สามารถแก้ไขได้ และเขาจะจดจ่อต่อเป้าหมายมากกว่าคิดถึงแต่เรื่องของปัญหาอุปสรรค แต่ตรงกันข้ามคนธรรมดามักมองปัญหาเพียงเล็กน้อยแล้วคิดว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่ ไม่สามารถแก้ไขได้ และมักจะจดจ่ออยู่กับตัวของปัญหาอุปสรรคมากกว่าเป้าหมายที่ตนเองต้องการหรือคนธรรมดาส่วนใหญ่มักเป็นคนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต
9.เศรษฐีมักมีความคิดใหญ่ คิดบวก มองโลกในแง่ดี คนธรรมดาทั่วไปมักคิดเล็ก ไม่ค่อยมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ มองโลกในแง่ร้าย คิดลบ
ดังนั้น เศรษฐีกับคนธรรมดามีข้อแตกต่างกันดังข้อความข้างต้น เราทุกคนสามารถเป็นเศรษฐีหรือประสบความสำเร็จได้ หากว่าเรามีความต้องการมันอย่างจริงจัง อีกทั้งต้องหมกมุ่นถึงมันบ่อยๆ มีการวางเป้าหมายที่ชัดเจนถึงสิ่งที่เราต้องการ แล้วท่านก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นเศรษฐีและประสบความสำเร็จในชีวิตดังสิ่งที่ท่านหวัง

...
  
การจัดการเวลา 8+8+8
จัดการเวลา 8+8+8
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ภายในชีวิตของคนเรามีเวลาเท่ากันกล่าวคือ วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมงเท่ากันทุกๆคน ไม่ว่าเราจะประกอบอาชีพอะไร ไม่ว่าเราจะมีชนชาติใด ไม่ว่าเราจะมีฐานะร่ำรวยสักปานใด เราก็มีเวลาเท่ากันทุกๆคน ภายในโลกกลมๆนี้
การจัดการเวลาหรือการบริหารเวลา จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งการจัดการเวลามีหลากหลายรูปแบบ และมีเทคนิคที่หลากหลาย แต่ในบทความฉบับนี้ จะกล่าวในเรื่องของการจัดการเวลาในรูปแบบ 8+8+8
8 ชั่วโมงสำหรับการนอน การพักผ่อน 8 ชั่วโมงสำหรับการทำงาน และ 8 ชั่วโมงสำหรับการทำกิจกรรมอื่นๆ เช่นการเดินทาง การกิน การพูดคุย การเล่น Facebook เป็นต้น
ซึ่งการจัดการในรูปแบบ 8+8+8 นี้ เราสามารถยืดหยุ่นได้ อีกทั้งเราสามารถลด เพิ่ม เวลาในด้านต่างๆ เช่น หากเราลดเวลานอนลงไปให้น้อยกว่า 8 ชั่วโมง สมมุติเหลือ 6 ชั่วโมง เราจะมีเวลาสำหรับการทำงานหรือการทำกิจกรรมต่างๆได้มากขึ้นอีก 2 ชั่วโมง หรือ บางคนอาจมีเวลาทำงานถึง 12 ชั่วโมง ก็โดยการลดเวลาด้านการนอนและลดเวลาด้านการทำกิจกรรมอื่นๆ ลง เพื่อให้ได้มีเวลาในการทำงานมากขึ้น
ทั้งนี้ การจัดการเวลาในรูปแบบ 8+8+8 นี้ ไม่มีหลักเกณฑ์ในการแบ่งเวลาแบบตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลจะนำไปประยุกต์ใช้ อีกทั้งหากว่าเวลาในด้านใดน้อยจนเกินไป เราก็สามารถหาเทคนิคต่างๆเข้ามาใช้ เช่น บางคนใช้เวลานอนน้อยเกินไป จนทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เราก็อาจจะใช้เทคนิค การงีบ การหยุดพักผ่อน เข้าช่วย
อดีตประธานาธิบดี หลายๆท่าน ใช้เวลาทำงานและใช้เวลาในการทำกิจกรรมอื่นๆมาก เช่นต้องเดินทางไปในที่ต่างๆเพื่อหาเสียง เพื่อบริหารบ้านเมือง ทำให้มีเวลานอนน้อยลง เขาจึงใช้วิธีการงีบ เป็นช่วงๆ เช่น งีบบนเครื่องบินในระหว่างเดินทางไปในที่ต่างๆ , งีบตอนพักเที่ยง เป็นต้น
ฉะนั้น ถ้าอยากจัดการในรูปแบบ 8+8+8 ให้ได้ดีต้อง มีการวางแผน มีเครื่องมือช่วย อีกทั้งยังต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
มีการวางแผน เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและมีความสำคัญมากในการจัดการเวลา เพราะหากไม่มีการวางแผน เราคงไม่มีทิศทาง ไม่มีเป้าหมาย เราจะใช้เวลาไปวันๆ แต่มีผลงานน้อยกว่า บุคคลที่มีแผนการในการทำงาน บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน เช่น วางแผนรายวัน วางแผนรายสัปดาห์ วางแผนรายปี วางแผนราย 3 ปี วางแผนราย 5 ปี วางแผนราย 10 ปี เป็นต้น
มีเครื่องมือช่วย เช่น ไดอารี่ , สมุดบันทึก , ใบแผนปฏิบัติงาน , คอมพิวเตอร์ , โทรศัพท์ และอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีความทันสมัย สามารถช่วยให้เราทำงานได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก็มีส่วนสำคัญ ในการจัดการเวลา เพราะการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะทำให้เพิ่มหรือลดเวลาของเราได้ เช่น ในกรุงเทพฯมีปัญหาเรื่องรถติด ทำให้หลายๆคนต้องเสียเวลาเดินทางไปทำงานตอนเช้าและเสียเวลาเดินทางกลับ เป็นจำนวน 2-3 ชั่วโมงต่อวัน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการตื่นให้เช้าขึ้น เดินทางให้เช้ามากขึ้น เพื่อลดปัญหาในการเดินทางที่เกิดจากการจราจรติดขัด หรือ เราอาจจะเดินทางกลับจากที่ทำงานถึงบ้าน ช้าลงอีก โดยใช้เวลาทำงานอยู่ในที่ทำงาน ก็จะทำให้เรามีเวลาทำงานเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเสียเวลาเดินทางน้อยลง
พฤติกรรมการเล่น Facebook และพฤติกรรมการเล่น Social Network ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้การจัดการเวลาของเราไม่ดีเท่าที่ควรหรือขาดความสมดุล เพราะบางคนเล่นมากจนเกินไปทำให้ขาดการพักผ่อน อีกทั้งทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดน้อยลงไป หากต้องการการจัดเวลาให้ดีขึ้น เราควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ เช่น เราจำเป็นจะต้องมีวินัยมากขึ้น บังคับตัวเอง สร้างตารางเวลาการจัดการเวลาให้แก่ตนเอง ตัวอย่าง เราจะใช้ Social Network ทุกวันไม่เกิน 30 นาที เป็นต้น
ดังนั้น การจัดการเวลา 8+8+8 จึงเป็นการจัดการเวลารูปแบบหนึ่ง ที่เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ง่าย สำหรับปัจจัยที่ทำให้การจัดการเวลาไม่มีประสิทธิภาพ คงขึ้นอยู่กับ สภาพแวดล้อม (รถติด,ฝนตก,น้ำท่วม,ไฟดับ,แผ่นดินไหว) ขึ้นอยู่กับบุคคลอื่นๆ(เจ้านาย,ลูกน้อง,พ่อแม่,ลูก)และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้การจัดการเวลาไม่มีประสิทธิภาพก็คงขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง


...
  
การสร้างพลังในตัวคุณ
การสร้างพลังในตัวคุณ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การสร้างพลังหรือการสร้าง Energy เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง สำหรับบุคคลที่ปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จ เพราะ หลายๆคนเมื่อทำงานไปก็รู้สึก อ่อนล้า เบื่อหน่าย หมดพลัง บางคนถึงกับท้อแท้ท้อถอย แล้วลาออกจากงานไปเลยก็มี
สำหรับคำว่า Energy นี้ พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ แปลว่า “ ความไม่หวาดหวั่นต่อความยากลำบาก” แต่สำหรับกระผมขอแปลว่า “ พลังในตัวเราเอง ” ซึ่งการสร้างพลังในตัวเราเอง สามารถสร้างได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น
1.สร้างโดยผ่านทางความคิด คนเราที่ประสบความสำเร็จในระดับสูง มักมีพลังความคิดที่ดี เช่น พลังในการคิดบวก , พลังในการคิดสร้างสรรค์ , พลังในการคิดเชิงวิเคราะห์ในการแก้ไขปัญหา , พลังในการคิดเชิงกลยุทธ์ , พลังในการคิดเชิงวิพากษ์ ฯลฯ
2.สร้างโดยผ่านทางการกระทำ บุคคลที่ประสบความสำเร็จ ถ้าหากพวกเราลองสังเกตดู เขามักจะเป็นคนที่เคลื่อนไหวแบบกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง ว่องไว เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าที่จะแสดงออก กล้าที่จะตัดสินใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ฯลฯ
3.สร้างโดยผ่านการพูด คนที่มีพลังในตัวเองสูง มักเป็นคนที่พูดบวก การพูดของเขาจะเต็มไปด้วยความมั่นใจ พูดชัดถ้อยชัดคำ แต่ละคำพูดมักมีพลัง ดังเราจะสังเกตเห็นได้ชัดๆ จากการพูดต่อหน้าที่ชุมชนของเขา เขาจะแสดงออกอย่างเต็มเสียง เต็มอารมณ์และเต็มอาการ
4.สร้างโดยผ่านการให้กำลังใจตนเอง ผู้ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่มีกำลังใจในตนเองสูง กล้าที่จะทำในสิ่งที่แตกต่างออกไปหรือทำในสิ่งที่คนทั่วไปมักจะไม่กล้าทำ ซึ่งการจะทำสิ่งเหล่านี้ได้ กำลังใจเป็นสิ่งที่จะต้องมี เพราะการกระทำบางอย่าง อาจถูกดูถูกจากคนทั่วไป โดนต่อว่า นินทา ให้ร้าย แต่บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีกำลังใจที่มั่นคง หนักแน่น
5.สร้างโดยผ่านการจินตนาการ จินตนาการเป็นนามธรรม ไม่สามารถจับต้องได้ แต่มีความสำคัญเป็นอันมาก หากท่านได้อ่านประวัติบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของโลก เขาเหล่านั้นมักมีความเป็นศิลปิน อีกทั้งชอบจินตนาการสิ่งต่างๆ เช่น อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เขามักนั่งจินตนาการอยู่ที่ขอบหน้าต่างเป็นเวลานาน ซึ่งจินตนาการส่วนใหญ่ของเขามักจะเกี่ยวกับเรื่องของการพูด การปกครอง ในประเทศเยอรมัน , อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวว่า “ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” เขามักจินตนาการเกี่ยวกับเรื่องของตัวเลข คณิตศาสตร์ เป็นต้น
6.สร้างโดยผ่านพลังแห่งความเชื่อ “ หากท่านเชื่อว่าท่านทำได้ ท่านก็จะทำได้” เป็นวลีคำพูดประโยคทองของ นโปเลียน ฮิลล์ ซึ่งได้มีการอ้างอิงไปทั่วโลก เขาเป็นที่ปรึกษาของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐหลายท่าน ความเชื่อ ความศรัทธาทำให้เกิดพลังในตัวเราขึ้นมาอย่างมากมาย เช่นความเชื่อในหลักศาสนา , ความเชื่อในคำสอนของศาสดา , ความเชื่อในพระเจ้า , ความเชื่อในสิ่งศักดิ์ ฯลฯ
7.สร้างโดยผ่านพลังของแรงดึงดูด มีหนังสือหลายเล่มได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องความดึงดูด ซึ่งมีหลักว่า หากว่าเราคิดเรื่องบวกเรื่องที่ดีๆ สิ่งที่ดีๆก็จะดึงดูดเข้ามาหาเรา แต่ตรงกันข้ามหากว่าเราคิดแต่เรื่องร้ายๆ เรื่องลบ ซึ่งร้ายๆก็จะเข้ามาหาเรา ฉะนั้น จงพูดดี ทำดี คิดดี แล้วชีวิตของท่านก็จะดีตามไปด้วย อีกทั้งยังก่อนให้เกิดพลังแก่ตัวท่านเองด้วย
จากข้อความข้างต้น เราจะเห็นได้ว่าเทคนิคในการสร้างพลังในตัวเรา มีหลายวิธี ทั้งนี้ คงขึ้นอยู่กับการปรับใช้ การประยุกต์ใช้ และความชอบของแต่ละบุคคล ถ้าท่านต้องการเปลี่ยนแปลง ท่านคงต้องลงทุน ในการศึกษาเพิ่มเติม อีกทั้งต้องลงมือกระทำอย่างจริงจัง เพราะ ถ้าหากท่านอ่านแล้วไม่ได้ลงมือทำ ท่านก็จะได้แค่รู้ แต่หากท่านได้อ่านแล้ว ท่านได้นำไปลงมือทำอย่างจริงจัง ผลลัพธ์ก็คือความสำเร็จก็จะเกิดขึ้นกับตัวของท่านเอง
“ ขอให้ท่านเชื่อว่า ท่านสามารถประสบความสำเร็จ ท่านก็จะประสบความสำเร็จ”

...
  
การบริหารเวลากับการวิเคราะห์งาน
การบริหารเวลากับการวิเคราะห์งาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
บุคคลที่ประสบความสำเร็จ มักจะบริหารเวลาอย่างมีศิลปะ เพราะคนเรามีเวลา 24 ชั่วโมง เท่ากัน แต่บุคคลที่ประสบความสำเร็จ มักใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่ามากกว่าบุคคลโดยทั่วไป การวิเคราะห์งานเป็นปัจจัยหนึ่งของการใช้เวลาอย่างมีศิลปะ
ภายใน 24 ชั่วโมง ของคนเรา มักมีการใช้เวลาที่แตกต่างกัน การทำงานก็มีความแตกต่างกัน บางคนประกอบธุรกิจส่วนตัว บางคนเป็นนักเขียน บางคนเป็นวิทยากร บางคนรับราชการ บางคนทำงานเอกชน บางคนเป็น นักเรียน นิสิต นักศึกษา ฯลฯ
นักเรียน มักจะใช้เวลาเรียนตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์
นักศึกษา นิสิต ภาคปกติมักเรียน จันทร์-ศุกร์ ส่วนภาคพิเศษหลายแห่งอาจเรียน เสาร์ – อาทิตย์
ข้าราชการ พนักงานของรัฐ ส่วนใหญ่มักทำงาน จันทร์-ศุกร์
พนักงานบริษัท ส่วนใหญ่ทำงาน จันทร์-เสาร์
พนักงาน 7-11 , พนักงานห้างสรรพสินค้า มักทำงานเป็นกะ
นักเขียนหลายคนทำงานช่วงกลางวัน และอีกหลายคนทำงานช่วงกลางคืน
บางคนมีหลากหลายอาชีพ เช่น ตัวของกระผมมีหลายอาชีพ อาชีพที่ 1 อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย , อาชีพที่ 2 เขียนหนังสือขาย , อาชีพที่ 3 ทนายความ , อาชีพที่ 4 วิทยากร , อาชีพที่ 5 เจ้าของธุรกิจ(สถานีวิทยุและจัดรายการวิทยุ) เป็นต้น
ฉะนั้นการแบ่งแยกงานเพื่อทำการวิเคราะห์จึงทำให้เราสามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ช่วงเช้ามืด 5:00-8:00 น. ผมมักใช้เวลาในการเตรียมงานวิทยากรและงานเขียน, ช่วง 9:00-16:00 น. ผมมักใช้เวลาเพื่อสอนหนังสือในอาชีพอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย , ช่วงเวลาตอนเย็น16:00-19:00 น.ส่วนใหญ่ผมมักจะใช้เวลาในการเตรียมงานทนายความหรืออ่านหนังสือทางด้านกฏหมาย, ช่วงเวลาค่ำ 19:00-20:00 น. ผมมักใช้เวลาในการจัดรายการวิทยุ ,ช่วงเวลากลางคืน 20:00-23:00 น. ผมจะใช้เวลาในการเขียนหนังสือ เป็นต้น
การวิเคราะห์ลักษณะงาน จึงทำให้เราเป็นคนใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ทำไมผมถึงต้องใช้เวลา ช่วงเช้ามืด 5:00-8:00 น. ผมมักใช้เวลาในการเตรียมงานวิทยากรและงานเขียน และ 20:00-23:00 น. ผมจะใช้เวลาในการเขียนหนังสือ เพราะงานเขียน เป็นงานที่ต้องใช้สมาธิ ใช้เวลา เป็นอันมาก
อีกทั้งการบริหารเวลาที่ดี เราควรวางแผนเป็นปีๆ เพราะจะทำให้เราเห็นภาพรวมได้ชัดยิ่งขึ้น เช่น งานอาชีพวิทยากร ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม ของแต่ละปี จะไม่ค่อยมีมากนักโดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นหน่วยงานราชการ เพราะเป็นช่วงต้นงบประมาณ(ตุลาคมของทุกปี) ทำให้อาชีพวิทยากรของผมได้พักผ่อนแล้วได้มีโอกาสใช้เวลาในการเขียนหนังสือมากยิ่งขึ้น
ฉะนั้น การวิเคราะห์ลักษณะงานกับการบริหารเวลา จึงทำให้เราสามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนการใช้เวลาของกระผมข้างต้น หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วจะเอาเวลาไหน ไปเดินทาง แล้วเวลากิน เวลาคุย เวลาเล่น ละ อยู่ไหน เนื่องจากกระผมเชื่อว่า การบริหารเวลาเป็นศิลปะ ผู้บริหารเวลาจึงควรมีการยืดหยุ่น การใช้เวลาเพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
...
  
เตรียมพูด
จะพูดให้ได้ดี ต้องมีการเตรียมตัว

โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

ม.นเรศวร พะเยา



ถ้าท่านมีโอกาสท่านลองสอบถามนักพูดที่มีชื่อเสียงว่า ทำอย่างไรถึงจะพูดได้ดี นักพูดที่มีชื่อเสียงส่วนมากมักจะบอกท่านว่า “ท่านต้องเตรียมตัวให้ดีก่อนพูดทุกครั้ง” การเตรียมตัวนี้ มักจะรวมไปถึงการศึกษาว่างานนั้นเป็นงานอะไร ใครเป็นผู้จัด ใครเป็นผู้ฟัง ต้องการอะไรจากคนพูด ซึ่งการเตรียมตัวอาจแบ่งได้ดังนี้


1. เตรียมจิตใจ หมายถึง ทุกครั้งที่จะขึ้นพูดต้องทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส และต้องพักผ่อนให้เพียงพอ จะทำให้การพูดนั้นออกมาดี ถึงแม้การพูดบางกรณีคนอาจจะไม่ฟังหรือพูดแล้วไม่เป็นดั่งใจ ถ้าเราเตรียมจิตใจแล้วรักที่จะเป็นนักพูด เราก็จะเกิดความทนทานมากกว่าปกติ คือครั้งนี้ล้มเหลว ครั้งนั้นไม่ได้ดังใจแต่ฝันเรายังอยู่


2. เตรียมข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของผู้จัด คนฟังมีกี่คน ห้องบรรยายเป็นอย่างไร ห้องแอร์ไหม เขาจะให้เราพูดกี่ชั่วโมง มีวิทยากรท่านอื่นไหม เราต้องเตรียมตัวให้มากขึ้น ศึกษาข้อมูลให้มากขึ้น คนเราต้องมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่เขาเชิญทีก็หาข้อมูลทีอ่านหนังสือที อย่างนี้ก็ใช้ไม่ได้ อาจารย์คึกฤทธิ์เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ เคยมีนักข่าวถามท่านว่าทำไมท่านถึงบรรยายเก่ง พูดเก่ง ในการพูดแต่ละครั้งท่านใช้เวลาเตรียมตัวนานเท่าไหร่อาจารย์คึกฤทธิ์อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยพูดว่า “กระผมใช้เวลาเตรียมตัวสำหรับหัวข้อหนึ่งๆ กระผมใช้เวลาชั่วชีวิต” เห็นไหมท่านใช้เวลาชั่วชีวิตในการเตรียมตัว ท่านถึงเป็นนักปราชญ์ เพราะการบรรยายแต่ละครั้งท่านต้องมีข้อมูล จะเห็นได้ว่าอาจารย์คึกฤทธิ์ท่านจะอ่านหนังสือทุกวัน และเขียนบทความทุกวันลงในหนังสือพิมพ์ “สยามรัฐ” และท่านยังมีผลงานการเขียนอีกมากมาย เกิดมาจากท่านได้อ่านมากนั่นเอง


3. เตรียมเรื่องที่จะพูด การเตรียมเรื่องที่จะพูดสามารถอธิบายง่ายๆ คือท่านจะต้องสร้างโครงเรื่อง ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอน คือ1. คำนำ 2. เนื้อเรื่อง 3. สรุปจบ หรือจำง่ายๆ “ขึ้นต้นต้อง ตื่นเต้น กลางต้องกลมกลืน และสรุปจบต้องจับใจ” กระผมขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้


- คำนำหรือการขึ้นต้นที่ดีนั้น ท่านต้องทำให้เร้าใจผู้ฟัง เพื่อผู้ฟังจะได้ติดตามคำพูดของท่าน เช่น การขึ้นต้นพาดหัวข่าว การขึ้นต้นแบบบทกวี หรือคำพูดของคนที่มีชื่อเสียง การขึ้นต้นด้วยอารมณ์ขัน จะทำให้ผู้ฟังติดตามฟังท่าน


- เนื้อเรื่อง หรือ การดำเนินเรื่อง ต้องลำดับเรื่องที่จะพูดให้ดี ทำให้ผู้ฟังเข้าใจ เช่น พูดตามลำดับของเหตุการณ์ เวลา สถานที่ หรือ มีจุดหมายของการพูด แล้วใส่ถ้อยคำ น้ำเสียง ภาษา ท่าทาง สายตา ลงไปให้เข้ากับเนื้อเรื่อง


- สรุป หรือ ลงท้าย ต้องทำให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจ การสรุปจบที่ดีจะต้องมีความหมายที่ชัดเจน ไม่เลื่อนลอย กะทัดรัด สัมพันธ์กับเรื่องและคำนำ การสรุปจบที่ได้ผล เช่น จบแบบฝากให้ไปคิดต่อ จบแบบสรุปความ จบแบบเรียกร้องหรือชักชวน จบแบบคำคม สุภาษิต คำพังเพย


นี่เป็นหลักการเตรียมตัว ที่นักพูดทั้งหลายควรนำไปปฏิบัติ และท้ายนี้ผมขอฝากบทประพันธ์ไว้ให้ท่านผู้อ่านดังนี้


“จงพูดดี มีมากล้น คนชื่นชอบ ตามระบอบต้นตื่นเต้น เห็นเหมาะสม


ให้กลมกลืน ลื่นกลาง ช่างน่าชม จบให้คม สมรับ จับจิตใจ”








...
  
19 แนวคิดที่นำไปสู่ความสำเร็จ
19 แนวคิดที่นำไปสู่ความสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
1.จงตั้งเป้าหมาย.... แล้วจงเดินทางมุ่งตรงไปสู่เป้าหมายของคุณทุกๆวัน
2.จงสร้างบอร์ดแห่งความฝันของคุณขึ้นมา....แล้วติดไว้ในจุดที่คุณมองเห็นทุกๆวัน
3.หากไม่มีทางให้คุณเดิน....ก็จงสร้างมันขึ้นมา...
4.ฝึกคิดบวกให้เพิ่มมากขึ้น
5.จงคิดยากๆ....แล้วนำไปปฏิบัติง่ายๆ....แต่อย่าคิดง่ายๆ...แล้วนำไปปฏิบัติยากๆ
6.จงพลิกวิกฤตของชีวิตให้เป็นโอกาส...อย่าผลักโอกาสให้กลายเป็นวิกฤต...
7.ระยะทางแม้จะแสนไกล....ก็ต้องย่อมเริ่มจากก้าวแรกเสมอ...จงกล้าที่จะก้าว
8.หากว่าคุณเห็นโอกาสสู่ความสำเร็จ...ขอให้จงเชื่อมั่นแล้วก้าวไปข้างหน้าอย่าได้ที่จะลังเล....
9.จุดอ่อน...ของผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จคือ ล้มเลิก ยอมแพ้ ก่อนเวลาที่จะประสบความสำเร็จ
10.จงกล้าหาญและอย่าได้กลัว...เพราะความกลัวเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จของชีวิต....
11.จงรักในการพัฒนาตนเองในทุกๆด้านและในทุกๆวัน
12.จงอย่าได้กลัวความล้มเหลว...เพราะความล้มเหลวจะนำพาเราสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
13.อย่าได้ยอมแพ้..หากไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่...
14.จงจดจ่อที่เป้าหมาย...อย่าจดจ่อที่อุปสรรค....
15.นกที่ตื่นแต่เช้า...ย่อมมีหนอนให้กินก่อน.....
16.หากท่านเชื่อมั่นว่าท่านทำได้....ท่านก็จะทำได้...จงเชื่อมั่นในตนเอง
17.ความขยันเป็นปัจจัยที่นำเราสู่ความสำเร็จ
18.บางครั้งคนเราจะดูว่าแพ้หรือชนะกัน...ขอให้ดูที่ความคิด..เพียงแค่เริ่มคิดก็เห็นความแตกต่าง....
19.หากว่าเราหยุดนิ่งอยู่กับที่...เพียงไม่นานเราก็จะตามหลังคนอื่นทันที....
...
  
การใช้สื่อต่างๆประกอบการพูด
การใช้สื่อต่างๆประกอบการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การใช้สื่อต่างๆประกอบในการพูดมีความสำคัญและในบางโอกาสก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะสื่อต่างๆจะทำให้ผู้ฟังเข้าใจได้ง่ายขึ้น อีกทั้งสามารถทำเรื่องที่เป็นนามธรรมให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน การเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับเรื่องที่พูดจึงเป็นเรื่องที่ควรจะพิจารณา ดังจะเห็นจากการอภิปรายในรัฐสภาของบรรดาสมาชิกสภา ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา หากสมาชิกท่านใด ใช้สื่อต่างๆมาช่วยในการประกอบการพูด ก็จะทำให้ผู้ฟังสนใจและเข้าใจในเนื้อหาที่พูดมากยิ่งขึ้น
สื่อต่างๆที่ใช้ประกอบการพูดมีดังต่อไปนี้
1.แผนที่(Maps) ทำให้ผู้ฟังเข้าใจในลักษณะภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศได้ง่ายขึ้น เช่น บางคนไม่ทราบว่าจังหวัดพะเยา อยู่ภาคไหน แต่พอเห็นแผนที่แล้วจะทำให้ผู้ฟังเห็นภาพชัดว่าจังหวัดพะเยาอยู่ภาคเหนือ อยู่ติดกับจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แพร่ น่านและลำปาง
2.แผนภูมิและแผนสถิติ จะแสดงข้อเท็จจริงให้ปรากฏในรูปแบบแผนผัง ซึ่งถ้าหากพูดเป็นตัวเลขซึ่งมีจำนวนมากและหลายจำนวน ผู้ฟังจะไม่เห็นภาพได้ชัด แต่หากนำมาแสดงเป็นแผนผัง แบบเส้น แบบรูปภาพ แบบแท่ง ฯลฯ ผู้ฟังก็จะเข้าใจและเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
3.หุ่นจำลองหรือของจำลอง เป็นสิ่งที่จำลองมาจากของจริง เนื่องจากของจริงมีลักษณะเล็กเกินไป หรือใหญ่มากจนเกินไป ผู้พูดไม่สามารถนำมาใช้ประกอบการพูดได้ เช่น แบบทรงของบ้าน เครื่องบิน รถยนต์ เป็นต้น
4.ภาพถ่าย มีคำกล่าวที่ว่า “ ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดเป็นจำนวนถึง 10,000 คำ ” เพราะภาพบางภาพจะตอบคำถามบางอย่าง ได้ดีกว่าการอธิบายหรือการแก้ข้อกล่าวหาโดยการใช้คำพูดเป็นจำนวนมาก
5.ของจริง การนำของจริงมาประกอบการพูด จะทำให้ผู้พูดไม่ต้องอธิบายความมาก แต่ข้อควรระวัง สำหรับของจริง บางอย่างมีลักษณะที่ใหญ่มาก จึงควรพิจารณาในการนำมาใช้เพื่อประกอบการพูดด้วย
6.ภาพยนตร์หรือโฆษณาภาพยนตร์ จะทำให้ผู้ฟังเกิดความเพลิดเพลินในการฟัง เป็นการสร้างสีสรรในการพูด ทำให้เกิดความดึงดูดใจกับผู้ฟัง
7.เครื่องบันทึกภาพเคลื่อนภาพ วีดีโอเทป ในบางครั้งอาจจะต้องนำมาใช้ประกอบในการพูด เช่น การฝึกปฏิบัติ ในบางครั้งก็มีความจำเป็นที่จะต้องถ่ายหรือบันทึกภาพเก็บไว้ เพื่อนำมาเปิดให้ผู้ฟังเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ตัวอย่าง การให้ผู้ฟังออกมาฝึกพูดหรือฝึกปฏิบัติหน้าชั้น ควรที่จะถ่ายภาพของผู้ฝึกเก็บไว้ เพื่อนำมาเปิดให้เขาได้ดู
8.แผ่นโปสเตอร์ต่างๆ จะช่วยขยายความของเนื้อหาในการพูดได้มาก แผ่นโปสเตอร์มีทั้งเป็นภาพสีและภาพขาวดำ นอกจากนั้นอาจจะมีข้อความสั้นๆ อธิบายภาพเหล่านั้นด้วย
9.กรณีศึกษา เกมส์ กิจกรรม ประกอบการพูด ในกรณีที่ถูกเชิญให้พูดเป็นเวลานาน หลายวัน หลายชั่วโมง ผู้พูดควรนำกรณีศึกษา เกมส์ กิจกรรม มาช่วยประกอบการพูด ก็จะทำให้ผู้ฟังไม่เบื่อ แต่จะสนุกสนานกับ กรณีศึกษา เกมส์ และกิจกรรม นั้นๆ
ฉะนั้น เราจะเห็นได้ว่าสื่อต่างๆที่สามารถนำมาใช้ประกอบการพูด มีจำนวนมากมาย แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้สื่อใดในการประกอบการพูด ให้มีความเหมาะสมกับผู้ฟัง โดยพิจารณาถึงวัย เพศ อายุ อาชีพของผู้ฟัง และคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น สถานที่เหมาะสมกับสื่อนั้นๆหรือไม่ เป็นต้น
...
  
การบริหารเวลา การตรงต่อเวลา
การบริหารเวลา การตรงต่อเวลา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
จากการสังเกตของกระผม คนไทยเราเป็นจำนวนมากมักมีปัญหาในเรื่องของการตรงต่อเวลา เมื่อถึงเวลานัดหมายมักไปสายหรือไปช้ากว่าเวลาที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นการอบรม การสัมมนา การนัดหมายเพื่อทำธุระส่วนตัว หรือ การเข้าชั้นเรียนของบรรดานิสิต นักศึกษา
การฝึกให้เป็นคนตรงต่อเวลา มีข้อดีหลายอย่าง เช่น จะทำให้เราได้ผลงานเป็นจำนวนมาก ฝึกตนเองให้เป็นคนมีวินัย ฝึกการฝืนใจตนเอง ฝึกการปฏิเสธใจของตนเอง เป็นต้น ตัวอย่าง ถ้าหากคุณเป็นนักเขียน คุณกำหนดเวลาตั้งแต่ 20:00-23:00 น. คุณจะเขียนหนังสือ แต่หากมีเพื่อนชวนไปดูภาพยนตร์หรือชวนไปเดินเที่ยว แล้วคุณไม่มีวินัยหรือไม่กล้าปฏิเสธ ก็จะทำให้เวลาเขียนหนังสือของคุณลดน้อยลงไป ผลงานหนังสือที่ต้องการก็จะไม่ได้ตามกำหนดที่ได้ตั้งไว้ แต่หากว่าเรามีการทำงานที่ตรงต่อเวลา ก็จะทำให้ร่างกาย จิตใจของเราเปลี่ยนสภาพ เตรียมพร้อม เตรียมพลังงานไว้สำหรับเวลานั้นๆ(กำหนดเวลาตั้งแต่ 20:00-23:00 น. เขียนหนังสือ)
การตรงต่อเวลานี้ ยังรวมไปถึง การไม่ยอมส่งงานตามเวลาที่กำหนด ทำให้หลายคนติดนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง ทำให้งานค้างเป็นจำนวนมาก ดังสุภาษิตว่า “ ดินพอกหางหมู ” บางคนงานค้างจนกระทั่ง “ ดินจะพอกตัวของหมูไปอีกต่างหาก” ฉะนั้น หากใครรู้ว่ามีนิสัยผัดวันประกันพรุ่งก็จงแก้ไขโดยเร็ว เพราะการผัดวันประกันพรุ่งจะทำให้งานง่ายเปลี่ยนเป็นงานยากและงานที่ยากอยู่แล้วเป็นงานที่ยิ่งยากขึ้นอีก
ลักษณะการตรงต่อเวลา จึงเป็นนิสัยของคนทำงานเก่ง
พลตรีหลวงวิจิตรวาทการเป็นตัวอย่างเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ท่านเป็นคนที่มีลักษณะตรงต่อเวลา ด้วยความเพียรทำให้ท่านมีผลงานการเขียนมากถึง 200 กว่าเรื่อง
โทมัส อัลวา เอดิสัน ด้วยความเพียรและทำงานตรงต่อเวลาที่ตนเองได้กำหนด ทำให้เขามีสิ่งประดิษฐ์มากกว่า 1,000 ชิ้นซึ่งเขาได้นำไปจดทะเบียนลิขสิทธิ์
ตรงกันข้าม คนที่ไม่ตรงต่อเวลา มักจะเป็นคนที่ขี้เกียจ คนที่ไม่มีระเบียบวินัย เป็นคนที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เช่นการผิดนัดเป็นประจำ(ข้อแนะนำควรไปก่อนเวลานัดสักประมาณ 10 นาที)หรือไม่ยอมส่งงานตามกำหนดเวลาหรือไม่ยอมให้บริการตามเวลาที่กำหนดไว้(ตัวอย่าง สายการบินใด ไม่ตรงต่อเวลา ความน่าเชื่อถือก็จะลดลง) เป็นคนหลีกเลี่ยงงาน ฉะนั้น หากท่านต้องการความสำเร็จ ท่านควรฝึกการวางแผนการใช้เวลา ไม่จะเป็นเวลากิน เวลานอน เวลาทำงานต่างๆ ให้ติดตัวของท่าน อีกทั้งควรหาเครื่องมือช่วย เช่น มีนาฬิกาตั้งเวลาหรือนาฬิกาคอยเตือน , มีหนังสือวางแผนงาน , มีการทบทวน ตรวจสอบการใช้เวลาก่อนเข้านอน เป็นต้น



...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.