หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
ประหยัดเวลาด้วยวิธีการวางแผน
ประหยัดเวลาด้วยวิธีการวางแผน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
คนเรามีเวลาเท่ากัน 24 ชั่วโมงต่อหนึ่งวัน 365 วันต่อ 1 ปี แต่คนที่มีประสิทธิภาพมักจะสร้างผลงานหรือมีผลงานออกมามากกว่าคนที่ไม่มีประสิทธิภาพ อาจจะมีหลายปัจจัยที่ทำให้ผลงานออกมาแตกต่างกัน เช่น เรื่องของสติปัญญา เรื่องความรู้ความสามารถ เรื่องของประสบการณ์ และเรื่องของการบริหารเวลา
การบริหารเวลา ถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต แต่การจะบริหารเวลาให้ได้ผลดี การวางแผนถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ แต่ปัญหาส่วนใหญ่ก็คือ คนเป็นจำนวนมากมักไม่ชอบวางแผน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องการดำเนินชีวิต และการวางแผนเรื่องของการใช้เวลา การวางแผนการใช้เวลาจะทำให้เราประหยัดเวลาไปได้มาก ซึ่งการวางแผนการใช้เวลามีดังนี้
1.สร้างเป้าหมายประจำปี ประจำเดือน ประจำสัปดาห์และประจำวัน การมีเป้าหมายจะทำให้เรารู้ทิศทางที่เราต้องการจะเดินหรือมุ่งไป ตัวอย่าง อาชีพนักขาย เราควรกำหนดเป้าหมายเป็นยอดขายว่าปีนี้เราต้องการยอดขายเท่าไร เมื่อทราบเป้าหมายประจำปีแล้วจึง เฉลี่ยเป็นรายเดือน รายสัปดาห์และรายวัน ต่อไป เช่น เป้าหมายรายปี เท่ากับยอดขาย 12,000,000 บาท เป้าหมายรายเดือนเท่ากับ 12,000,000 บาทหารด้วย 12 เดือน เท่ากับ 1,000,000 บาท เป้าหมายรายวัน ก็นำเอา 1,000,000 บาท หารด้วย 30 วัน
2.ใช้เวลา 30 นาทีในการวางแผนการทำงานในแต่ละสัปดาห์และใช้เวลา 15 นาทีในการวางแผนการทำงานในแต่ละวัน การใช้เวลาเพียง 15-30 นาที ในการวางแผนงานเป็นรายสัปดาห์และการวางแผนเป็นรายวันจะทำให้ท่านประหยัดเวลาได้อีกเป็นจำนวนมาก เพราะจากงานวิจัยพบว่า การวางแผนเพียงแค่ 8 นาทีต่อวัน จะทำให้เราประหยัดเวลาในการทำงานถึงวันละ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว
3.สร้างระบบหรือเครื่องมือในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น สร้างตารางการทำงาน , การใช้ไดอารี่ การใช้สมุดพก ฯลฯ ทั้งนี้การสร้างระบบหรือเครื่องมือในการทำงานของแต่ละท่านอาจไม่เหมือนกัน ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับลักษณะของการทำงาน นิสัย พฤติกรรมของแต่ละบุคคล
4.อย่าเปิดไปรษณีย์ที่ไม่สำคัญหรือหากเป็นงานที่ไม่สำคัญมากนัก ก็ขอให้ผู้อื่นทำแทน การเปิดจดหมาย การไปฝากเงินธนาคาร การไปส่งของยังสถานีต่างๆ อาจจะทำให้ท่านเสียเวลา หากต้องการมีเวลาในการทำงานมากขึ้น สิ่งที่ไม่สำคัญหรืองานที่ไม่สำคัญควรให้ผู้อื่นไปทำกิจกรรมนั้นแทน
5.จัดการงานด้านเอกสารทีละเรื่อง ไม่ควรทำที่ละ 2-3 อย่าง และไม่ควรสะสมงานที่ทำไม่เสร็จเป็นดินพอกหางหมู การทำงานที่ละ 2-3 อย่างจะทำให้เราไม่มีสมาธิในการทำงาน หากท่านต้องการทำงานให้รวดเร็วขึ้น อีกทั้งมีประสิทธิภาพ ท่านควรทำงานที่ละอย่าง จนเสร็จหมดทุกอย่างไม่ควรทำงานให้ค้างไว้หรือสะสมไว้มากๆ จนทำไม่ไหว
6. ขนงานบางชิ้นที่สามารถทำได้หรือหนังสือที่ต้องการอ่าน ไปทำหรือไปอ่านด้วย เช่น เมื่อเลิกงานทำไม่เสร็จท่านสามารถขนงานบางชิ้นที่สามารถทำได้หรือเร่งด่วนไปทำที่บ้าน หรือหนังสือที่ต้องการอ่านไปอ่านระหว่างการรอรถโดยสารประจำทาง หรือ ระหว่างรอเครื่องบินที่สนามบิน
ดังนั้น การวางแผนสำหรับประหยัดเวลาจึงมีประโยชน์และมีความสำคัญ เมื่อท่านมีการวางแผนท่านจะประหยัดเวลาได้มาก การทำงานของท่านจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ท่านจะมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น ท่านจะเหลือเวลาในการทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น จงสร้างเป้าหมาย จงวางแผนการทำงานในแต่ละวัน จงสร้างระบบหรือเครื่องมือ จงหาผู้ช่วยช่วยทำงานที่ไม่มีความสำคัญ จงทำงานทีละเรื่อง และจงขนงานบางชิ้นหรือหนังสือไปอ่านยังสถานที่ต่างๆ หากท่านลองนำวิธีดังกล่าวไปปฏิบัติกระผมเชื่อว่าเวลาในชีวิตของท่านจะมีเวลามากขึ้นกว่าเก่าอย่างแน่นอน
...
  
ข้อห้ามสำหรับเจ้าหน้าที่ในการจัดการแสดงสินค้า
ข้อห้ามสำหรับเจ้าหน้าที่ในการจัดการแสดงสินค้า
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การจัดการแสดงสินค้า การออกบูธแสดงสินค้า การออกงานนิทรรศการต่างๆ คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ พนักงานประจำบูธหน้าร้าน มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อภาพลักษณ์ขององค์กร ของสถาบัน ของหน่วยงาน และมีความสำคัญเป็นอันมากต่อการจัดงานแสดงสินค้าในครั้งนั้นๆ ซึ่งในตอนนี้เราจะมาพูดเรื่อง ข้อห้ามสำหรับพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ในการจัดการแสดงสินค้า คือ
1.Don’t Sit คือ ห้ามนั่ง การนั่งทำงานหรือนั่งประจำหน้าร้านที่จัดการแสดงสินค้า บูธขายสินค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ไม่มีความกระตือรือร้น ขี้เกียจ อีกทั้งลูกค้ามีความรู้สึกว่าไม่อยากรบกวนและอาจเข้าใจว่า พนักงาน เจ้าหน้าที่ รู้สึกเหนื่อย อยากที่จะนั่งพักผ่อน ดังนั้น การยืนประจำหน้าร้านการจัดการแสดงสินค้า จึงดีกว่าการนั่ง ยิ่งในวันที่มีคนเดินไปเดินมามาก พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ควรยืนเรียกหรือเชิญชวนให้ผู้มาชม เข้ามาทดลองใช้สินค้า หรือรู้จักตัวสินค้า ในทางจิตวิทยา การยืนจะทำให้เกิดการกระตือรือร้นมากกว่าการนั่ง
2.Don’t Smoke คือ ห้ามสูบบุหรี่ เพราะจะเป็นการรบกวนลูกค้าหรือบุคคลอื่นๆ อีกทั้งการสูบบุหรี่ในยุคสมัยปัจจุบัน สังคมมักจะไม่ให้การยอมรับเหมือนสมัยก่อน ดังจะเห็นได้ว่า สถานที่ต่างๆในปัจจุบัน จะจัดที่สูบบุหรี่ให้สำหรับคนที่สูบบุหรี่ ไม่ให้สูบบุหรี่ในสถานที่ต่างๆ ได้อย่างเสรีและทั่วไปเหมือนในอดีต
3.Don’t Read คือ ห้ามอ่าน การอ่านหนังสือต่างๆ ในขณะที่ทำงานภายในการจัดการแสดงสินค้าหรือการออกบูธแสดงสินค้า เมื่อลูกค้าพบเห็นมักเกิดความไม่ประทับใจในตัวของพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ประจำร้าน ดังนั้น หากต้องการอ่านหนังสือพิมพ์หรืออ่านหนังสือต่างๆ คงต้องเก็บไว้อ่านในตอนที่มีเวลาว่าง หรือในตอนที่มีโอกาสจะเหมาะสมกว่าการนำไปอ่านในการจัดการแสดงสินค้า
4.Don’t Ignore Prospects คือ ห้ามแสดงอาการไม่สนใจลูกค้าหรือผู้ชม บางครั้งลูกค้าหรือผู้ชมอยากจะถามรายละเอียดของตัวสินค้า แต่พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ แสดงท่าที ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ลูกค้าหรือผู้ชม ทำให้ลูกค้าแทนที่จะสั่งซื้อสินค้า กลับต้องเดินผ่านหน้าร้านไปอย่างน่าเสียดาย
5.Don’t Eat คือ ห้ามกิน การนั่งกินหรือยืนกินอาหาร ขนมต่างๆ ในขณะที่ทำหน้าที่อยู่ภายในร้านการจัดแสดงสินค้า ทำให้เกิดความสกปรก เกิดกลิ่น เกิดความไม่สุภาพ เมื่อลูกค้าพบเห็นก็ไม่อยากเข้าไปในร้าน เพราะเห็นเจ้าหน้าที่หรือพนักงานกำลังกินอาหาร ดื่มเครื่องดื่ม จึงไม่กล้าเข้าไปรบกวนพนักงานที่กำลังทานอาหารอยู่ ดังนั้น หากเป็นไปได้ควรไปรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม นอกร้านหรือสถานที่ ที่เขาหรือเจ้าของงานจัดไว้ให้ทานจะเป็นการเหมาะสมกว่า
6.Dont’t Talk on the Telephone คือ ห้ามพูดโทรศัพท์นาน ห้ามพูดเสียงดังหรือขณะที่กำลังติดต่องานกับลูกค้าอยู่ เพราะบางคนพูดโทรศัพท์กับแฟนหรือคู่รัก นานมากภายในร้าน ก็จะทำให้ลูกค้าไม่อยากเข้าไปซักถามตัวสินค้า ดังนั้น ควรใช้โทรศัพท์เท่าที่จำเป็นภายในเวลาทำงาน ภายในร้านที่จัดการแสดงสินค้า
อีกทั้งมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ เช่น ความสะอาด ความเป็นระเบียบ การจัดฉาก การจัดรูปแบบร้าน การนำเสนอของพนักงานเจ้าหน้าที่ สื่อ เอกสารต่างๆที่แจกให้แก่ลูกค้า บุคลิกภาพพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นปัจจัยที่สามารถดึงดูด ให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าภายในร้านได้เช่นกัน

...
  
การประชาสัมพันธ์บนอินเตอร์เน็ต
การประชาสัมพันธ์บนอินเตอร์เน็ต
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
อินเตอร์เน็ต(Internet) หรือ Inter-connecting Network เป็นสื่อสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยมเป็นอันมากในปัจจุบันและในโลกแห่งการสื่อสารในอนาคต เราสามารถรับข้อมูลต่างๆ ผ่านอินเตอร์เน็ตในรูปแบบต่างๆ เช่น ภาพ ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหว ฯลฯ ได้อย่างรวดเร็ว
นักประชาสัมพันธ์ จริงต้องให้ความสำคัญกับการทำประชาสัมพันธ์ผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต อินเตอร์เน็ตได้ถือกำเนิดมาเมื่อปี 2512 สำหรับเมื่อไทยนำเข้ามาใช้เมื่อปี 2530 โดยสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย(AIT) แล้วขยายตัวมาเรื่อยๆจนปัจจุบัน คนรุ่นใหม่เกือบทุกคนใช้อินเตอร์เน็ตเป็น
ข้อดีของการใช้สื่ออินเตอร์เน็ตในงานประชาสัมพันธ์
1.สามารถเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสาร ได้ทั่วโลก
2.อินเตอร์เน็ต สามารถให้ข้อมูลที่ใกล้เคียงกับความจริงได้มากกว่าหลายๆสื่อ เช่น คลิปจาก Youtube ทำให้เห็นภาพเคลื่อนไหว (ข่าวน้ำท่วม แผ่นดินไหว) ซึ่งใกล้เคียงกันกับอยู่ในสถานที่จริงได้มากกว่า การอ่านข่าวหรือเห็นภาพจากหนังสือพิมพ์
3.อินเตอร์เน็ต มีค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ถูกกว่าสื่ออื่นๆ หรือ อาจจะไม่เสียค่าใช้จ่ายเลยก็ได้
4.การใช้สื่ออินเตอร์เน็ตทำให้ภาพลักษณะของสินค้าและภาพพจน์ขององค์กรมีความทันสมัย
5.อินเตอร์เน็ต สามารถสร้างกลุ่มแฟนคลับหรือสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ง่ายขึ้น เช่น Facebook
6.อินเตอร์เน็ต รับการตอบสนองได้ไวกว่าสื่ออื่นๆ (Feedback) เช่น มีการถามตอบได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลารอ
7.อินเตอร์เน็ต สามารถค้นหาข้อมูลต่างๆทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย เช่น การใช้ Search Engine (Google)
ข้อจำกัดของสื่ออินเตอร์เน็ต คือ ผู้ใช้มีอย่างจำกัด เพราะต้องใช้กับคอมพิวเตอร์ มือถือรุ่นใหม่ ต้องมีอุปกรณ์ต่อพ่วง มีสัญญาณเครือข่าย ถึงจะสามารถเล่นอินเตอร์เน็ตได้ อีกทั้งคนรุ่นเก่าเป็นจำนวนมากที่ไม่สามารถเล่นอินเตอร์เน็ตเป็นก็ไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้เหมือนกับคนรุ่นใหม่
นักประชาสัมพันธ์จะใช้สื่อนี้ให้เกิดประสิทธิภาพได้อย่างไร
นักประชาสัมพันธ์จำเป็นจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับสื่ออินเตอร์เน็ตให้มากขึ้น เพื่อให้เข้าใจถึงการใช้สื่อ เช่น การสร้างเว็บไซค์ , การใช้ Youtube , การรับส่งอีเมล์(E-mail) , การเชื่อมโยงหรือลิงค์(links) เป็นต้น
การสร้างเว็บไซค์ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะ เว็บไซค์ เปรียบเสมือนหน้าร้าน แต่เป็นหน้าร้านทางอินเตอร์เน็ต หากหน้าร้านดูไม่สวย ไม่ทันสมัย ไม่ดูดี ผู้ชมก็ไม่สนใจติดตามชม อีกทั้งภายในเว็บไซค์ ควรมีข้อมูลให้ครบถ้วนด้วย เช่น ชื่อองค์กร , ประวัติ ,ที่ตั้ง , ผลิตภัณฑ์,สินค้า, บริการ ,ข่าวประชาสัมพันธ์, ที่อยู่ , เบอร์โทรศัพท์ ฯลฯ
การใช้อีเมล์(E-mail) ก็มีความสำคัญ เราสามารถรับส่งข้อมูลผ่าน E-mail ทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้เวลาแค่วินาทีเดียว ซึ่งแตกต่างกันอดีต หากว่าต้องการส่งข้อมูลข่าวสารไป อเมริกา เราต้องเสียเวลาเป็น อาทิตย์ ข้อมูลข่าวสารจึงจะไปถึงผู้รับ แต่ปัจจุบัน เราแค่ใช้นิ้วกด วินาทีเดียว ก็ส่งถึงยังผู้รับได้อย่างง่ายดาย
ทั้งนี้ การประชาสัมพันธ์บนอินเตอร์เน็ต จะประสบความสำเร็จหรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ผู้บริหารให้ความสำคัญและให้ความร่วมมือหรือไม่ , ผู้บริหารเข้าใจสื่ออินเตอร์เน็ตมากน้อยแค่ไหน,ความร่วมมือภายในองค์กรมีมากน้อยแค่ไหน เพราะต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานหรือฝ่ายอื่นๆด้วย (นักประชาสัมพันธ์ กับ ฝ่ายเทคโนโลยี และฝ่ายตลาด,ฝ่ายอื่นๆที่ต้องทำงานร่วมกัน)
...
  
พูดให้คิด
เป็นหนังสือของ สุขพัฒน์ ทองเพ็ง เป็นหนังสือแจกเป็นธรรมวิทยาทาน ภายในเล่มเป็นการแต่งและเรียบเรียง จากพุทธภาษิต โดยเขียนขึ้นเป็นข้อๆ มีจำนวน 365 ข้อ
ดังตัวอย่างเช่น
- อยู่อย่างต่ำ ทำอย่างสูง เป็นลักษณะอย่างหนึ่งของบัณฑิต
- มีลูกอกตัญญูร้อยคน สู้มีไม้เท้าอันเดียวไม่ได้
- พฤติกรรมคือการแสดงออกทางกายวาจา นี่แหละคือ เงาใจ
- ...
  
คดีแพ่งและคดีอาญา
20
...
  
คิดบวก สูตรแห่งความสำเร็จ 3
20
...
  
ความสำเร็จในงานเขียน
ความสำเร็จในงานเขียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
งานเขียนเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ศาสตร์คือสามารถศึกษาได้ เรียนรู้ได้ ศิลป์คือเป็นเทคนิควิธีการรูปแบบเฉพาะของแต่ละบุคคล ดังนั้นงานเขียนจึงเป็นศาสตร์และศิลป์ ที่สามารถฝึกฝนพัฒนาได้ กล่าวคือ หากอยากเขียนเก่ง ท่านจะต้องเขียนบ่อยๆ เขียนมากๆ เมื่อเขียนบ่อยๆ เขียนมากๆ งานเขียนของท่านก็จะเกิดการพัฒนาให้ดีขึ้น
งานเขียนจึงไม่แตกต่างกับการเล่นดนตรี การว่ายน้ำ การปั่นรถจักรยาน หากท่านเล่นดนตรีบ่อยๆ หากท่านว่ายน้ำบ่อยๆ หากท่านปั่นรถจักรยานบ่อยๆ ท่านก็จะเกิดการเรียนรู้และพัฒนาได้เช่นกัน สำหรับข้อแนะนำที่จะทำให้งานเขียนของท่านเกิดการพัฒนา หากท่านสามารถทำเป็นนิสัยหรือทำได้ทุกๆวันจะเป็นการดี มีดังนี้
1.จงเขียนให้มากๆ หากท่านต้องการเป็นนักพูดท่านต้องขึ้นไปพูด หากท่านต้องการเป็นนักขายท่านต้องลงไปขาย หากท่านต้องการเป็นนักเขียนไม่มีวิธีอื่นใด ท่านจะต้องเขียนให้มากๆ เขียนได้ทุกวันยิ่งเป็นการดี หากไม่รู้จะเขียนอะไรก็ขอให้เขียนบันทึกประจำวันว่าท่านทำอะไรไปบ้างในแต่ละวัน เล่าเหตุการณ์ต่างๆในแต่ละวัน หรือในยุคปัจจุบันเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร โลกของอินเตอร์เน็ตท่านสามารถเขียนเหตุการณ์ต่างๆ มุมมองของท่านต่อข้อมูลข่าวสารต่างๆ เช่นเรื่องของการเมือง , เรื่องของเศรษฐกิจ ,เรื่องของสังคม ฯลฯ ในปัจจุบัน เพื่อเผยแพร่ให้เพื่อนๆในอินเตอร์เน็ต โดยท่านอาจใช้เวลาเขียนเพียงแค่สักวันละ 20-30 นาที โดยทำต่อเนื่องให้ได้ทุกๆวัน ก็จะทำให้งานเขียนของท่านพัฒนาได้ โดยท่านต้องทำอย่างต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลา 21 วัน (ทำต่อเนื่องทุกๆวัน จนกลายเป็นนิสัยต้องทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 21 วัน วันที่ 22 จะกลายเป็นนิสัย จากงานวิจัยของต่างประเทศชิ้นหนึ่ง) ท่านก็จะเกิดนิสัยในการรักการเขียนขึ้น
2.จงอ่านให้มากๆ หากท่านต้องการเป็นนักเขียน แต่ท่านมีข้อมูลไม่มาก การอ่านจะเป็นตัวช่วยเพิ่มข้อมูลในคลังสมองของท่าน จงอ่านหนังสือให้มากเพื่อเป็นการสะสมความรู้ ท่านควรอ่านหนังสือประเภทต่างๆให้มากๆ เพื่อเป็นการช่วยให้ท่านเกิดแง่มุมความคิดใหม่ๆ ขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่องานเขียนของท่าน หากท่านไม่ได้เป็นนักอ่าน ท่านก็ไม่ควรริเป็นนักเขียน เพราะการอ่านจะทำให้ท่านรู้เทคนิคต่างๆ ในการเขียนมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการอ่านงานของนักเขียนดังๆ อีกทั้งนักเขียนดังๆ ในอดีตก็มีนิสัยรักการอ่านมากๆ อ่านหนังสือทุกประเภทจนกระทั่งอ่านเนื้อหาในถุงใส่กล้วยทอดก็เคยมี
3.จงฟังมากๆ หากท่านเป็นคนที่อ่านหนังสือน้อยหรือมีเวลาอ่านหนังสือน้อย การฟังก็เป็นทักษะอีกอย่างหนึ่งที่สามารถทำให้ท่านได้ ข้อมูล องค์ความรู้ เพื่อใช้ในงานเขียน หากท่านทำงานประจำ โดยมีงานเขียนเป็นงานอดิเรก ทำให้มีเวลาน้อยลงในการอ่าน การเขียน การฟังจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้ท่านประหยัดเวลาได้มาก ท่านสามารถฟังเทป MP3 ได้ ในระหว่างการขับรถยนต์ ในระหว่างการนั่งในรถโดยสารประจำทาง ในระหว่างนั่งโดยสารบนเครื่องบิน หรือฟังระหว่างการวิ่งหรือเดินไปยังสถานที่ต่างๆ การฟังก็เป็นอีกทางหนึ่งที่สามารถทำให้ท่านนำข้อมูล องค์ความรู้ เข้าคลังสมองได้อีกวิธีหนึ่ง
4.จงรู้จักผู้อ่านมากๆ บางครั้งนักเขียนเขียนได้ดีมากๆ แต่มีคนซื้อหนังสือหรืออ่านหนังสือน้อยมาก ก็เพราะนักเขียนผู้นั้นขาดความรู้ทางด้านการตลาด ซึ่งหากนักเขียนต้องการให้มีผู้ซื้อหนังสืออ่านมากๆ ผู้เขียนควรพัฒนาหนังสือของตนให้เป็นที่ต้องการของลูกค้า โดยการหมั่นสำรวจความต้องการทางด้านการตลาดในธุรกิจหนังสือ มีการวิเคราะห์ว่ากลุ่มผู้อ่านของเราคือใคร มีการโฆษณา มีประชาสัมพันธ์หนังสือของตนเอง อีกทั้งหนังสือที่เราผลิตจะต้องคำนึงถึงสิ่งต่างๆดังนี้ การออกแบบปก , ราคาหนังสือ , การสร้างความแตกต่างของหนังสือ เป็นต้น
ดังนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จในงานเขียน ท่านจงเขียนมากๆ ท่านจงอ่านมากๆ ท่านจงฟังมากๆ และท่านจงทำความรู้จักกับผู้อ่านให้มากๆ ท่านก็จะเป็นอีกผู้หนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการเป็นนักเขียน
...
  
คุณก็เป็นผู้นำที่ดีได้
คุณก็เป็นผู้นำที่ดีได้
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
มักมีคนเคยถามผมเกี่ยวกับคำว่าผู้นำ เช่น ผู้นำสามารถสร้างได้หรือไม่ , อะไรคือ ตัวกำหนดความเป็นผู้นำ , ผู้นำหมายถึงอะไร , ถ้าหน่วยงานไม่มีผู้นำอะไรจะเกิดขึ้น ฯลฯ ในบทความฉบับนี้ เราจะมาแลกเปลี่ยนความรู้กันกับคำว่าผู้นำ
คำว่า “ผู้นำ” มีความหมายที่แตกต่างกันไปหรือบางคนอาจให้ความหมายที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้แล้วแต่ใครที่จะนิยาม เช่น
-พจนานุกรมฉบับของราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายของคำว่า “ ผู้นำ ” คือ หัวหน้า , คนชักจูงให้คนอื่นทำตาม
-อานันท์ ปันยารชุน ได้ให้ความหมายว่า “ ผู้นำ” คือ ผู้ที่คนอื่นอยากเดินตาม
- บุญทัน ดอกไธสง ได้สรุปคำว่า ผู้นำ (Leader) คือ
1. ผู้มีอิทธิพล มีศิลปะ มีอิทธิพลต่อกลุ่มชน เพื่อให้พวกเขามีความตั้งใจที่จะปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายตามต้องการ
2. เป็นผู้นำและแนะนำ เพราะผู้นำต้องคอยช่วยเหลือกลุ่มให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดตามความสามารถ
3. ผู้นำไม่เพียงแต่ยืนอยู่เบื้องหลังกลุ่มที่คอยแต่วางแผนและผลักดัน แต่ผู้นำจะต้องยืนอยู่ข้างหน้ากลุ่ม และนำกลุ่มปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมาย
สำหรับคุณสมบัติของผู้นำที่ดีนั้น มีดังนี้
1.ผู้นำที่ดีต้องมีเป้าหมาย เป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญและมีความจำเป็นต่อความสำเร็จ ถ้าหากไม่มีเป้าหมายหรือทิศทาง จะทำให้ผู้นำและผู้ตามเกิดความสับสน ดังนั้นหากท่านได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้นำ ท่านจงกำหนดเป้าหมายหรือทิศทางให้ชัดเจน เพื่อท่านและผู้ตามในองค์กรของท่านจะได้ก้าวเดินไปในทิศทางเดียวกัน
2.ผู้นำที่ดีต้องมีคุณธรรม ทั้งทางด้านความประพฤติ การปฏิบัติ ซึ่งหลักธรรมตามพุทธศาสนา ที่ผู้นำสามารถนำไปปรับใช้ได้คือ พรหมวิหาร 4 (เมตตา,กรุณา,มุทิตาและอุเบกเขา) อีกทั้งผู้นำที่ดีต้องให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ตามหรือลูกน้อง ซึ่งอาจจะมีปัญหาบ้างในทางปฏิบัติเนื่องจากสังคมไทยเป็นสังคมอุปถัมภ์การทำงานจึงมีระบบเส้นสาย
3.ผู้นำที่ดีต้องมีความคิดที่ริเริ่มสร้างสรรค์ ในโลกยุคปัจจุบันเป็นโลกยุคของการแข่งขัน การเป็นผู้นำสมัยปัจจุบันจึงต้องพบกับการแข่งขันที่เป็นไปอย่างรุนแรงและรวดเร็ว การที่ผู้นำไม่ยอมเปลี่ยนแปลงหรือไม่ยอมรับต่อสิ่งใหม่ๆ ผู้นำคนนั้นก็มักจะล้าหลัง ฉะนั้นผู้นำในยุคปัจจุบันจึงต้องมีความคิดที่ริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ขึ้นมา
4.ผู้นำที่ดีต้องกล้าตัดสินใจ การเป็นผู้นำมักต้องมีเรื่องให้ตัดสินใจเสมอ หากผู้นำตัดสินใจผิดพลาดก็มักจะทำให้องค์กรหรือหน่วยงานเกิดความเสียหาย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้จะตัดสินใจถูกหรือตัดสินใจผิด การเป็นผู้นำก็ต้องกล้าตัดสินใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งลงไป
5. ผู้นำที่ดีต้องทุ่มเท มุ่งมั่นในการทำงาน การเป็นผู้นำจะต้องเสียสละ ในบางครั้งการเป็นผู้นำจะต้องทำงานมากกว่าคนอื่นหรือทำงานหนักกว่าคนอื่นๆ สำหรับผู้นำบางคนที่ไม่ทุ่มเท ไม่มุ่งมั่นในการทำงาน ผู้นำคนนั้นมักขาดเป้าหมาย อีกทั้งมีความเห็นแก่ตัวในการทำงาน
6.ผู้นำที่ดีต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ การเป็นผู้นำมีความจำเป็นจะต้องทำงานร่วมกับผู้ตามหรือลูกน้อง กล่าวคือต้องทำงานร่วมกับคนที่มีความหลากหลาย ผู้นำที่มีมนุษย์สัมพันธ์จึงเป็นผู้นำที่ผู้ตามหรือลูกน้อง รักและอยากทำงานด้วย การเอาใจใส่ผู้อื่น การไม่มีความเย่อหยิ่งถือตัว จะสร้างเสน่ห์ให้แก่ผู้นำ
7.ผู้นำที่ดีต้องมีการประเมินผล ติดตามงาน ผู้นำที่ดีจะต้องรู้จักควบคุม ประเมินผล ติดตามงาน หากผู้นำได้ตัดสินใจสั่งการไปแล้ว แล้วไม่มีการประเมินผล ติดตาม ก็อาจจะเกิดความเสียหาย เนื่องจากผู้ตามบางคนได้กระทำเกินเลยหรือผู้ตามบางคนอาจละเว้นการกระทำ จึงทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรได้ ผู้นำที่ดีจึงต้องรู้จักประเมินผล ติดตามการทำงาน
ทั้งหมดข้างต้นนี้เป็นคุณสมบัติบางประการที่ผู้นำที่ดีควรมีอยู่ในตัวเอง คุณก็สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้ เพียงแต่ลงมือทำแล้วแก้ไขพัฒนาตนเอง อย่างไม่หยุดยั้ง ท่านก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่ผู้ตามให้การยอมรับ


...
  
เทคนิคการแสวงหาโอกาส
เทคนิคการแสวงหาโอกาส
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
โอกาสคือ ที่ว่าง , ช่อง , ทาง , หนทาง ,เวลาที่เหมาะ , โชค, ความนิยม (ความหมายจากพจนานุกรมฉบับของราชบัณฑิตยสถานเรียบเรียงโดย มานิต มานิตเจริญ)
โอกาสจึงมีอยู่ในทุกๆที่ ทุกๆแห่ง ทุกๆเวลา ทุกๆ สถานการณ์ เพียงแต่เราไม่เรียนรู้ที่จะแสวงหามัน บางคนเมื่อไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ก็มักจะใช้คำพูดว่า ขาดโอกาส ไม่มีโอกาส แต่แท้จริงแล้วเราสามารถสร้างโอกาสเล็กๆน้อยๆได้โดยวิธีดังนี้
1.ควรมีสมุดจดบันทึกเล็กๆ ติดตัวเสมอ เนื่องจากโอกาสดีๆหรือสิ่งๆดีในชีวิตมักเกิดจากความคิด นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ความคิดค้นหายารักษาโรค นักเขียนได้ใช้ความคิดในการแต่งนิยาย นักบริหารได้ใช้ความคิดในการแก้ไขปัญหาต่าง ฯลฯ ซึ่งบางครั้งความคิดดีๆ มักจะเกิดตอนที่เราไม่ได้ตั้งใจ เช่น คิดอะไรใหม่ได้ในห้องน้ำ คิดแนวทางในการแก้ไขปัญหาตอนขับรถ คิดโครงเรื่องนิยายได้ตอนนั่งบินเครื่องบิน ฯลฯ ดังนั้นหากมีความคิดที่ดีๆขึ้น ควรหาสมุดจดบันทึกเล็กๆ จดทันทีไม่ควรใช้ความจำเพราะความจำนั้นจะค่อยๆ สูญหายไปตามกาลเวลา คติพจน์ของจีนจึงกล่าวไว้บทหนึ่งว่า “ ความจำที่ดีนั้นสู้หมึกเพียงหนึ่งหยดไม่ได้”
2.สมัครเป็นสมาชิกสิ่งพิมพ์เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร จดหมายข่าว ที่เราสนใจ เพื่อจะได้รับข้อมูล ข่าวสาร ความเคลื่อนไหว ในแวดวงอาชีพของเรา การมีข้อมูลจะทำให้เราได้เปรียบในการแข่งขัน การมีข้อมูลจะทำให้เราได้รับโอกาสเพิ่มมากขึ้น เช่นได้รับการอบรม การสัมมนา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย การมีข้อมูลทำให้เราได้รู้จักคนในแวดวงของเราเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งสิ่งพิมพ์บางฉบับยังเปิดโอกาสให้เราได้ลงรูปข่าว รูปกิจกรรมของธุรกิจของเรา ในสิ่งพิมพ์แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย
3.ไปงานแสดงสินค้าหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ จะทำให้เราเกิดทราบความเคลื่อนไหว ทราบความก้าวหน้า ทราบนวัตกรรมที่เกิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่ทันสมัย การไปดูการแสดงสินค้าหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ อาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ประกอบธุรกิจใหม่ๆ ขึ้น หรืออาจมีคู่ค้าที่ให้การช่วยเหลือเรามากยิ่งขึ้น
4.สมัครเป็นสมาชิกขององค์กรต่างๆ เช่น สโมสรฝึกการพูด สมาคมผู้ประกอบการ ชมรมผู้สูงอายุ เครือข่ายเพื่อน ฯลฯ การเป็นสมาชิกขององค์กรต่างๆ จะทำให้เรามีโอกาสรู้จักคนมากขึ้น หรือในบางกรณีรัฐบาลอาจให้งบประมาณแก่ชมรมผู้สูงอายุ เมื่อเราเข้าเป็นสมาชิกชมรมผู้สูงอายุ เราก็จะได้สิทธิหรือมีโอกาสได้รับความช่วยเหลือก่อน ผู้ไม่ได้เข้าชมรม เป็นต้น
5.นำสิ่งของเก่าๆ มาประยุกต์ ปรับปรุง พัฒนา ใช้ใหม่ ตัวอย่าง สิ่งพิมพ์เก่าๆหรือหนังสือเก่าๆ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นขยะ เราสามารถนำมาแปลงเป็นเงินได้ นักเขียนที่มีชื่อเสียง ร่ำรวย มีผลงานต่างๆมากมายในยุคปัจจุบัน หลายๆท่านได้ไปซื้อหนังสือเก่าๆ จากแหล่งต่างๆ แล้วนำมาปรับปรุง แก้ไข เปลี่ยนแปลง เป็นภาษา เป็นคำพูดของตนเอง หรือ นักประดิษฐ์หุ่นยนต์ หลายๆท่านก็สามารถประดิษฐ์หุ่นยนต์ในต้นทุนที่ต่ำ ก็เนื่องมาจากการไปรับซื้อเศษเหล็กเก่าๆ ที่คนไม่ใช้แล้วมาดัดแปลงเป็นหุ่นยนต์ที่ทันสมัย
6. ทดลองทำอะไรที่แตกต่างกว่าเดิม เช่น หาวิธีการใหม่ๆ ในการทำงาน , หาเทคโนโลยีใหม่ๆมาช่วยในการทำงาน, ปรับปรุงดัดแปลงห้องทำงานบ้าง , หาเส้นทางไปสู่เป้าหมายใหม่ๆ ฯลฯ การทดลองทำอะไรที่แตกต่างกว่าเดิมจะทำให้เรา สามารถคิดสิ่งใหม่ๆ ปรับปรุงสิ่งเก่าๆ ให้ดีขึ้น เป็นการสร้างโอกาส สร้างการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอีกหนทางหนึ่ง
7.การใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เต็มที่ เราลองพิจารณาดูว่าเรามีทรัพย์สินต่างๆในปัจจุบันนี้เป็นจำนวนมาก เราได้ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินเหล่านี้อย่างเต็มที่แล้วหรือยัง หากยังแล้วมีวิธีการใดบ้างที่จะนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ได้อย่างเต็มที่เพื่อก่อประโยชน์กับตนเองและองค์กร เช่น เรามีคอมพิวเตอร์เราใช้มันอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง บางคนใช้คอมพิวเตอร์แค่ 5 วัน ต่อเดือนหรือแทบไม่ได้ใช้งานเลย แต่ตรงข้ามกับบางคนที่หาโอกาสสร้างรายได้มากมายมหาศาลจากคอมพิวเตอร์ เช่น รับจ้างพิมพ์งาน รับตัดต่อคลิปวีดีโอ รับจ้างออกแบบหน้าปกหนังสือ นำคอมพิวเตอร์ไปใช้งานในการจัดรายการวิทยุ หรือนำเสนองานต่างๆ ฯลฯ
ทั้งหมดข้างต้นนี้ คือ การพกสมุดบันทึกติดตัวเสมอ,การสมัครเป็นสมาชิกสิ่งพิมพ์,การไปงานแสดงสินค้าหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ,การสมัครเป็นสมาชิกขององค์กรต่างๆ,การนำสิ่งของเก่าๆมาประยุกต์ ปรับปรุง พัฒนา ใช้ใหม่,การทดลองทำอะไรที่แตกต่างกว่าเดิมและการใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เต็มที่ เป็นเทคนิคในการแสวงหาโอกาส หากท่านเป็นคนหนึ่งที่อยากจะมีโอกาสมากขึ้น ท่านลองนำเอาเทคนิคต่างๆดังกล่าวไปปฏิบัติแล้วโอกาสของท่านก็จะมีมากยิ่งขึ้น
...
  
การประชาสัมพันธ์งานประชุม
การประชาสัมพันธ์งานประชุม
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
การจัดประชุม สัมมนา เมื่อผู้จัดได้ติดต่อประสานงานทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าติดต่อสถานที่ วิทยากร รถรับส่ง และอื่นๆ สิ่งที่ควรทำอีกอย่างหนึ่งก็คือ การประชาสัมพันธ์งานประชุม เพราะหากว่าทุกอย่างสมบูรณ์ แต่คนเข้าร่วมประชุม สัมมนา มีจำนวนน้อยหรือน้อยมาก ก็อาจจะทำให้การประชุม สัมมนา นั้น ไม่ประสบความสำเร็จได้
สำหรับผู้เข้าร่วมประชุม เราต้องคำนึงถึงเป้าหมายว่า เราต้องการเชิญกลุ่มเป้าหมายใดมาร่วมประชุม สัมมนา เมื่อเราทราบแล้ว เราจึงดำเนินการขั้นต่อไปคือ การวางแผนการประชาสัมพันธ์ การหาช่องทางในการส่งข้อมูลไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ
การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เช่น
1.การออกจดหมายเวียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นเป้าหมายของการเข้าร่วมประชุม สัมมนา และถ้าจะให้ดีและมีประสิทธิภาพ เราควรจัดทำใบตอบรับการเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อเป็นการยืนยันว่า หน่วยงานนั้นๆ จะจัดคนเข้าร่วมจำนวนเท่าไร เพื่อเราจะได้มีข้อมูลในการจัดที่นั่ง อาหาร อาหารว่างให้ครบกับจำนวนคน
2.โปสเตอร์และแผ่นพับ ใบปลิว ก็เป็นสื่ออีกรูปแบบหนึ่งที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายจะได้รับข้อมูล อีกทั้งเป็นการสร้างกระแส สร้างความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับงานประชุม สัมมนา ได้อีกด้วย
3.วิทยุชุมชน วิทยุแห่งประเทศไทย โทรทัศน์ เป็นสื่อกระจายเสียงในแนวกว้าง เป็นการประชาสัมพันธ์ให้ผู้คนได้รับรู้ว่าหน่วยงานหรือองค์กรของเรากำลังทำอะไรอยู่ อีกทั้ง กลุ่มเป้าหมายบางส่วนก็จะได้รับข้อมูลด้วย
4.หนังสือพิมพ์ นิตยสาร เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่เราสามารถช่วยกระจายข่าวให้แก่ประชาชนในวงกว้าง และถ้าจะให้ดี เมื่อจัดการประชุมเรียบร้อย ก็ควรจัดทำข่าวส่งไปยัง หนังสือพิมพ์ นิตยสาร เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ
5.สื่ออินเตอร์เน็ต เป็นสื่อสมัยใหม่ ที่ได้รับความนิยม มีความรวดเร็ว ทันสมัย เสียค่าใช้จ่ายน้อยมาก อีกทั้งยังสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยให้เกิดขึ้นกับองค์กรอีกด้วย
6.ป้ายประกาศ ควรติดไว้บนถนนที่ผู้คนสัญจรมากๆ ข้อความควรโดดเด่น กระชับ เข้าใจง่าย อาจจะเป็นป้ายไวนิล ป้ายอิงค์เจ็ต ป้ายผ้า ก็ได้ ถ้าจะให้ดีควรขออนุญาตเจ้าของพื้นที่ด้วย
7.สื่อบุคคลหรือปากต่อปาก เป็นอีกสื่อหนึ่งหรือช่องทางหนึ่งในการประชาสัมพันธ์
สิ่งที่สำคัญในการนำเสนอการประชาสัมพันธ์งานประชุม ก็คือ ข้อมูล ควรเขียนให้ครบถ้วน เช่น วันเวลา สถานที่ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ รายละเอียดของงาน ผู้จัดคือใคร เป็นต้น
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.