หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
จงเรียนรู้ตลอดชีวิต
จงเรียนรู้ตลอดชีวิต
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
โลกยุคปัจจุบันเป็นโลกยุคของการแข่งขัน เป็นยุคของการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วตามกระแสโลกาภิวัฒน์ ทั้งในเรื่องของ เทคโนโลยี(IT) , ระบบการทำการค้าธุรกิจ , สภาพการเมือง , สภาพสังคม , สภาพทางเศรษฐกิจ ฯลฯ บุคคลที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตจึงต้องเป็นบุคคลที่มีนิสัยรักการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตจะทำให้ท่านมีมันสมองที่เฉียบคมและสามารถมองปัญหา วิเคราะห์ปัญหาได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างรวดเร็วกว่าคนที่ไม่มีนิสัยเรียนรู้ตลอดชีวิต
คนหลายคนมักคิดว่าตนเองเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ไม่ต้องเรียนอีกก็ได้ แต่ในความเป็นจริงการเรียนรู้นอกห้องเรียนหรือการเรียนรู้ในชีวิตจริงๆ มีความสำคัญมากกว่าการเรียนรู้ในห้องเรียนเสียอีก เราสามารถสร้างนิสัยการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ดังนี้
1.จงมีความใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา ในชีวิตของคนๆหนึ่ง เราไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้ทั้งหมด พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ว่า ธรรมะที่พระองค์รู้เปรียบเสมือนใบไม้แค่หนึ่งกำมือ ก็ขนาดธรรมะที่พระองค์ถ่ายทอดยังมีแค่หนึ่งกำมือแล้วความรู้ต่างๆทั่วโลกจะมีมากมายขนาดไหน ดังนั้นถ้าหากท่านหยุดเรียนรู้ แต่ในขณะที่คนอื่นๆ เรียนรู้ ท่านก็จะกลายเป็นคนล้าหลังทันที จงเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในทุกๆวัน ตลอดเวลา
2.จงเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคุณ ศาสตร์ในโลกนี้มีมากมายหลากหลาย เราไม่สามารถเรียนรู้ได้ทั้งหมด คนที่ประสบความสำเร็จมักจะเรียนรู้ตลอดเวลาในสิ่งที่ตนเองถนัดหรือตนเองชอบ เช่น อเล็กซานเดอร์ เกแฮม เบลล์ เป็นนักประดิษฐ์ท่านทุ่มเทคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ตลอดเวลา ท่านไม่เคยทุ่มเทเสียเวลามากมายไปกับเรื่องที่เกี่ยวกับงานประพันธ์ เรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง ท่านสนใจในงานประดิษฐ์และเรียนรู้ตลอดชีวิตจนท่านสามารถคิดค้นวิธีสร้างโทรศัพท์ เป็นต้น
3.จงทำรายการหรือออกแบบเครื่องมือ ตรวจสอบการเรียนรู้ เช่น คุณอาจจะจดบันทึกทุกๆวัน ว่าในแต่ละวันคุณได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้น ลองสำรวจ ตรวจสอบ ความก้าวหน้าในทุกๆ วัน หากวันไหนไม่ได้เรียนรู้หรือพัฒนาตนเองเพิ่มเติมแล้วเราจะมีวิธีการปรับปรุง แก้ไขอย่างไร
4.เลือกบุคคลที่เป็นต้นแบบ บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่มีแรงบันดาลใจ แรงบันดาลใจนั้นอาจมาจากบุคคลที่เป็นต้นแบบ จึงได้ลอกเลียนแบบ พัฒนา เรียนรู้ ตามบุคคลที่เป็นต้นแบบจนประสบความสำเร็จ กล่าวคือ คนบางคนอยากจะเป็นนักเขียนแบบทมยันตี เลยศึกษาประวัติของทมยันตี ศึกษาวิธีการทำงาน ศึกษาวิธีใช้ชีวิต แล้วจึงเลียนแบบวิธีการเขียนหนังสือ จนพัฒนาเป็นนักเขียนชื่อดังแบบทมยันตี หรือ บางคนอยากจะเป็นนักพูดแบบอาจารย์จตุพล ชมพูนิช จึงลอกเลียนแบบวิธีการพูด วิธีการฝึกการพูดของอาจารย์จตุพล ชมพูนิช จนในที่สุดก็เป็นนักพูดที่มีชื่อเสียงขึ้นมาได้ เป็นต้น
5.จงปลดแอกตัวเองจากความคิดเดิมๆ จงเปลี่ยนวิธีคิดชีวิตเปลี่ยน ชีวิตของคนส่วนใหญ่มักไม่ชอบเรียนรู้สิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ เนื่องจากมีวิธีคิดแบบเดิมๆ เช่น ไม่คิดถึงอนาคตของตนเอง , ไม่มีเป้าหมายของชีวิต , คิดว่าตนเองเกิดมาไม่เก่ง , ไม่รู้จะดิ้นรนไปทำไม ฯลฯ บุคคลที่มีความคิดในลักษณะนี้มักจะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ดังนั้นท่านต้องปลดแอกตัวเองจากความคิดเดิมๆ อาจจะต้องคิดใหม่ เช่น คิดถึงเรื่องของเป้าหมายในชีวิต , คิดถึงอนาคตที่ก้าวหน้าของตนเอง เป็นต้น ก็จะทำให้ท่านเปลี่ยนนิสัยรักการเรียนรู้ขึ้นมาได้
ชีวิต คือ การเรียนรู้ ดังนั้น หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการเป็นคนที่มีนิสัยรักการเรียนรู้ตลอดชีวิต ท่านลองปฏิบัติตามคำแนะนำในข้างต้นนี้ แล้วชีวิตของท่านจะเกิดการพัฒนาหลายๆ ด้านขึ้นมา เช่น เรื่องของการทำงาน , เรื่องของการพัฒนาตนเอง , เรื่องของการรักษาสุขภาพ , เรื่องของมนุษย์สัมพันธ์ ฯลฯ จงรักการเรียนรู้แล้วชีวิตของท่านจะดีขึ้นมาอย่างแน่นอนครับ

...
  
เทคนิคการทำให้ผู้อ่านสนใจ
เทคนิคการทำให้ผู้อ่านสนใจ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
งานเขียนโดยมากมักมีความยาวและถ้าเป็นงานเขียนในเชิงวิชาการด้วยแล้ว อาจทำให้ผู้อ่านโดยทั่วไปเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นได้ ดังนั้นถึงแม้งานเขียนของเราจะมีสาระ เนื้อหา แง่มุมดีขนาดไหน แต่ถ้าผู้อ่านไม่มีความสนใจอยากที่จะอ่านหรือไม่อ่าน งานเขียนของเราเลย งานเขียนนั้นก็ไร้ค่า สู้งานเขียนที่มีสาระน้อยกว่า แต่คนหยิบอ่านไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไรให้งานเขียนของเราเป็นที่สนใจของผู้อ่าน เราสามารถสร้างความสนใจในงานเขียนของเราได้ด้วยวิธีดังนี้
1. การใช้รูปภาพประกอบ การใช้รูปภาพประกอบจะทำให้ผู้อ่านเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น เพราะเนื้อหาบางอย่าง
อาจซับซ้อน สับสน ซึ่งยากต่อการอธิบาย เช่น การแสดงขั้นตอนต่างๆ ในการผสมพันธ์พืชหรือสัตว์ , ภาพแสดงชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆของยานอวกาศ , ภาพโมเดลกระบวนการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น การใช้ภาพประกอบจึงมีความสำคัญดังคำกล่าวที่ว่า “ ภาพเพียง 1 ภาพ แทนคำพูดเป็น 1,000 คำ)
2. การใช้ตาราง เราสามารถใช้ตารางได้ในกรณีที่เรามีความต้องการเปรียบเทียบข้อมูล เปรียบเทียบตัวเลข การ
ใช้ตารางที่ดีไม่ควรมีความยาวเกิน 1 หน้า กระดาษ แต่หากมีความจำเป็นก็ควรทำตารางให้อยู่ในหน้าที่คู่กัน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความสะดวกในการอ่านของผู้อ่าน
3. การใช้กราฟ แผนภูมิแท่ง ประกอบการเขียน การใช้กราฟ แผนภูมิแท่ง จะทำให้ผู้อ่านทราบทันทีว่า อันไหน
มากกว่าอันไหน อันไหนสูงกว่าอันไหน อีกทั้งยังมีประโยชน์คือ เป็นการดึงดูดความสนใจ ประหยัดเวลา สร้างความแตกต่าง ในการนำเสนออีกด้วย
4. ตัวหนังสือและการเน้นคำ ควรใช้รูปแบบที่อ่านง่าย อีกทั้งยังต่อมีการพิสูจน์คำผิดให้มีการผิดพลาดให้น้อย
ที่สุด เพราะถ้าหากหนังสือมีคำผิดมากๆ ผู้อ่านหรือผู้ซื้อ อาจทักว่าเป็นหนังสือที่ไม่ดี การเน้นคำ ก็มีความสำคัญ ถ้าเราต้องการสื่อให้ผู้อ่านรับรู้ว่า ข้อมูลนี้มีความสำคัญ เราก็ควรเน้นคำให้มีความเด่นชัดขึ้น ซึ่งการเน้นคำให้ผู้อ่านทราบมีเครื่องมือหลายอย่าง เช่น อาจใช้วิธีขีดเส้นใต้ , การทำให้เป็นอักษรตัวทึบหรือแรเงา , การมีสัญญาลักษณ์ต่างๆ(ลูกศร ,ดอกจัน,สี่เหลี่ยม ,วงกลม , จุดกลมทึบ เป็นต้น)
5.ขนาดของหนังสือและกระดาษ มีความสำคัญต่อนักอ่านมาก มีคนตั้งคำถามกับกระผมว่า ขนาดของหนังสือ ขนาดไหนดี กระผมคงตอบให้ไม่ได้ทั้งนี้ก็คงขึ้นอยู่กับ ประเภทของหนังสือเป็นหลัก เพราะถ้าหากเป็นหนังสือดนตรีสำหรับเด็กหรือนิทานสำหรับเด็ก ก็ไม่ควรทำหนังสือให้เล็กจนเกินไป เพราะจะทำให้ตัวโน้ตดนตรีหรืออักษรเล็ก จนเด็กๆ มองไม่เห็นแล้วจะไม่ชอบอ่าน การเลือกกระดาษก็สามารถดึงดูดใจผู้อ่านได้ไม่ใช่น้อย เช่น สีของกระดาษ , ความหนาความบาง , กระดาษสะท้อนแสง เคลือบมัน เป็นต้น แต่สำหรับคนที่เป็นนักการตลาดหรือมีความคิดสร้างสรรค์ อาจจะออกแบบขนาดของหนังสือเอง ซึ่งอาจแตกต่างจากหนังสือทั่วไป ก็สามารถดึงดูดใจผู้อ่านได้ไม่ใช้น้อย เช่น ออกแบบขนาดหนังสือให้ใหญ่กว่าปกติหรือเล็กกว่าปกติ , ออกแบบหนังสือให้มีขนาดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่งสามารถสร้างความแตกต่างหรือทำให้เกิดความแตกต่างของสินค้าคือหนังสือได้
6.ปกหนังสือ ปกหนังสือมีความสำคัญมาก เพราะเป็นประตูด่านแรกที่ทำให้คนอยากเปิดอ่านหนังสือของเราหรือไม่ การออกแบบปกจึงมีความสำคัญ ปกต้องเด่น ชวนให้ผู้อ่านอยากหยิบขึ้นมาอ่านเมื่อได้เห็น ซึ่งการออกแบบปกจะต้องทำให้เกิดความแตกต่างกับปกหนังสือเล่มอื่นๆ ในประเภทเดียวกัน อีกทั้งยังต้องยอมที่จะลงทุนเพิ่ม เนื่องจาก การพิมพ์สี่สีแพงกว่าการพิมพ์สองสี การเคลือบมันปก การทำให้เป็นอักษรตัวนูน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ต้องลงทุนเพิ่มทั้งสิ้น
ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จึงมีความสำคัญ แต่ความสนใจของผู้อ่าน และยังคงมีรายละเอียดต่างๆ อีกมากที่ยังไม่ได้กล่าวถึงแต่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่านได้ เช่น สำนักพิมพ์และโรงพิมพ์ที่พิมพ์ , คำนำ คำนิยม , ราคา , ความชัดเจนของอักษรในการพิมพ์ เป็นต้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดึงดูดความสนใจของผู้อ่านและมีคุณค่าอย่างแท้จริงสำหรับผู้อ่านก็คือ เนื้อหาสาระ ประโยชน์ของงานที่เราเขียนนั้นเอง
...
  
คิดต่าง
Think Different
โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
Think Different หรือ คิดต่าง มีความสำคัญมากๆ สำหรับคนที่ทำงานด้านการตลาด สตีเวน จอบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งแอปเปิลคอมพิวเตอร์หรือ บริษัทแอปเปิล (Apple: Company Co-founder Steve Jobs Has Died) เขาให้ความสำคัญมากๆ เกี่ยวกับการคิดต่าง หรือ Think Different บริษัทถึงกับออกโฆษณาตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับแนวความคิดนี้ และมีคนเคยถามว่า ทำไมเขาให้ความสำคัญเกี่ยวกับการคิดต่างหรือ Think Different แต่มีการวิจัยตลาดหรือการหาความต้องการของลูกค้าน้อยมาก
เขาตอบว่า ในบางครั้งลูกค้าก็ไม่รู้ตัวว่าตนเองต้องการอะไร พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่า สมัยของเฮนรี ฟอร์ด คนเรายังไม่มีรถยนต์ใช้ แต่ใช้ม้า ใช้ช้าง ใช้วัว ใช้เกวียน ในการเดินทาง ถ้าหากเฮนรี ฟอร์ด ทำการวิจัยทางการตลาดว่า ลูกค้ามีความต้องการอะไร ลูกค้ามักจะตอบกลับว่า เขาต้องการม้าที่วิ่งได้ไวที่สุด เขาต้องการเกวียนที่มีประสิทธิภาพที่สามารถบรรทุกของได้เป็นจำนวนมากๆ
และถ้าหากเฮนรี ฟอร์ด สนองความต้องการของลูกค้า รถยนต์คันแรกของโลกก็จะไม่เกิดขึ้น ฉะนั้น สตีเวน จอบส์ จึงให้ความสำคัญกับการคิดที่แตกต่างเป็นอันมาก และ Think Different จึงเป็นวัฒนธรรมหนึ่งของบริษัทแอปเปิล ที่นำเอามาใช้ในองค์กร จนองค์กรคือ บริษัทแอปเปิล ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกและประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยความคิดที่แตกต่างสินค้าตระกูล I จึงได้เกิดขึ้น ( iPhone iPad iPod) ซึ่งมีหลายรุ่น หลายแบบ และหากเราตั้งข้อสังเกตจะเห็นได้ว่า สินค้าบางตัวเป็นสินค้าที่คิดมาก่อนบริษัทอื่นๆ เมื่อออกมาขาย บริษัทบางแห่งถึงกับมีการลอกเลียนแบบสินค้าเพื่อนำไปขาย แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า สตีฟ จอบส์ จะไม่มีการทำการตลาดในตัวสินค้า แต่ตรงกันข้าม เขาจะมีทีมงานการตลาดของบริษัทเอง โดยที่ไม่จ้างนักการตลาดมืออาชีพหรือนักการตลาดที่มีชื่อเสียงมาจากภายนอกแต่จะใช้ทีมงานภายในบริษัทเอง
บริษัท แอปเปิล ได้สร้างวัฒนธรรมด้วยการคิดต่างหรือ Think Different ดังนี้ ส่งเสริมให้พนักงานคิดต่าง , ส่งเสริมเรื่องของคุณค่ามากกว่ากฎระเบียบ เช่นมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆแต่คำนึงถึงเรื่องของงานต้องเสร็จ พนักงานบางคนเดินเท้าเปล่าๆ เข้าประชุม โดยไม่มีใครต่อว่า , ต้องริเริ่มสิ่งใหม่ๆ เสมอ เป็นต้น
ผู้ชนะคือผู้ที่กำหนดเกมส์ให้ผู้อื่นเล่น แต่ผู้พ่ายแพ้มักเล่นตามเกมส์ของผู้อื่น ทำไมคนที่เป็นนักการตลาดจะต้องมีความคิดต่างหรือThink Different ก็เพราะการคิดต่างจะทำเกิดสินค้าใหม่ๆ กลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ การแก้ไขปัญหารูปแบบใหม่ๆ จึงทำให้องค์กรของตนเองหรือหน่วยงานของตนเอง ก้าวหน้ามากกว่าที่จะทำตามหรือลอกเลียนแบบ สินค้า กลยุทธ์การตลาดของบริษัทคู่แข่ง
หากอยากเป็นผู้นำตลาด ก็ไม่ควรลอกเลียนแบบ เพราะคนลอกเลียนแบบมักจะเป็นผู้ตามวันยังค่ำ ตรงกันข้ามคนที่คิดต่าง หรือ Think Different มักมีโอกาสเป็นผู้นำตลาดอยู่เสมอ แต่ความยากที่สุดก็คงอยู่ที่ว่า นักการตลาดสมัยใหม่ กล้าหรือเปล่าที่จะคิดต่างและมีความกล้าหรือเปล่าที่จะนำความคิดนั้นไปใช้ เพราะความคิดใหม่ๆ มักต้องเผชิญกับทั้งความล้มเหลวหรือต้องเผชิญกับเสียงตำหนิ เสียงดุด่า การเสียดสี การพูดในเชิงดูถูก แต่หากว่าความคิดต่างหรือThink Different ประสบความสำเร็จ คุณก็มีโอกาสโด่งดังมากกว่าคนที่ทำอะไรตามๆ คนอื่นเขา
Make THE Difference เมื่อคิดต่างแล้ว นักการตลาดที่ดีก็ควรลงมือทำให้เกิดความแตกต่างด้วย ซึ่งพลังในตัวของนักการตลาด สามารถเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นได้ นักการตลาดสามารถสร้างสรรค์ สร้างคุณค่าให้แก่ตัวของสินค้า บริการ ใหม่ๆได้ ซึ่งการสร้างสรรค์นี้จะส่งผลกระทบต่อตนเอง คนรอบข้างและสังคมอีกด้วย จงกล้าที่จะคิด พูด ทำ ในสิ่งที่ “ แตกต่าง” เพื่อการเปลี่ยนแปลงในสิ่งต่างๆ ที่ตนเองทำให้ดีขึ้น จงเริ่มต้นที่ตัวของคุณเอง
เอดิสัน ผู้คิดต่างหรือThink Different มีแนวคิดที่แตกต่างไปจากคนยุคเดียวกัน เขาคิดว่าเขาต้องการคิดหลอดไฟฟ้าดวงแรกของโลก ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีการใช้ คนทุกๆคนในสังคมสมัยนั้น ไม่เห็นภาพว่าหลอดไฟฟ้าคืออะไร ด้วยความคิดที่แตกต่าง หลอดไฟฟ้าดวงแรกจึงเกิดขึ้น อีกทั้งการลงมือทำที่แตกต่าง ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เป็นของเขา มีคนตั้งคำถามเขาว่า หากว่าทำสองพันกว่าวิธียังไม่สำเร็จ ทำไมไม่เลิก นี่คือความคิดของคนทั่วไป แต่ เอดิสัน มีความคิดต่างหรือ Think Different เขาตอบกลับว่า ถึงแม้เขาจะยังไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อย เขาก็ได้ค้นพบสองพันกว่าวิธีที่ไม่เหมาะสมที่จะผลิตไส้หลอดไฟฟ้า ดังนั้น หลอดไฟฟ้า ดวงแรกจึงเกิดขึ้น
คุณสมบัติของนักการตลาดในยุคดิจิตอล จึงต้องมีคุณสมบัติที่ คิดต่าง ทำต่าง เพื่อนำสิ่งแปลกๆใหม่ๆ มาสนองความต้องการของผู้บริโภค เมื่อสินค้า บริการ ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากๆ ก็จะทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโต การจ้างงานเกิดขึ้น รายได้จากแรงงานเกิดขึ้น คนมีกำลังซื้อมากขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวมก็จะดีขึ้น
สรุป แนวความคิดเรื่องของ Think Different หรือ คิดต่าง กระผมสนับสนุนเต็มร้อยครับ ถึงแม้ว่าสังคมไทยเรามักจะไม่ชอบคิดก็ตาม แต่ถ้าหากว่าเราส่งเสริม สนับสนุน ให้คนรุ่นใหม่ๆ คิดมากๆ กระผมเชื่อว่า เราจะมีนักการตลาดที่เป็นนักคิดสร้างสรรค์ นักคิดที่มีความแตกต่างๆ มากขึ้น เหมือนกับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีนักคิดมากมาย ไม่ว่า เครื่องบินลำแรกเกิดขึ้นในสหรัฐ ระบบร้านสะดวกซื้อ 7-11 เกิดขึ้นในสหรัฐ ระบบอาหารสมัยใหม่เช่น KFC เกิดขึ้นในสหรัฐ รถยนต์ หลอดไฟฟ้า ระบบห้องสมุดประชาชน เกิดขึ้นในสหรัฐ
แต่อย่างไร ก็ดีสังคมไทย ก็มีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มากขึ้นกว่าในยุคอดีต ดังจะเห็นได้จากสินค้าหลายตัว มีการปรับเปลี่ยน รูปแบบ ความทันสมัย รสชาติ สีสัน ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น สมัยอดีต หากว่าเราจะเกิดโดนัสสักชิ้น เราคงจะต้องนึกภาพว่า โดนัส มีลักษณะกลมๆ มีรูตรงกลาง แต่ในปัจจุบัน มีนักการตลาด สร้างสรรค์ และออกแบบ โดนัส พิซซ่า ซึ่งทำให้ภาพของขนมโดนัส เปลี่ยนแปลงไป แต่ทำให้ผู้บริโภคอยากสัมผัส อยากทดลองสิ่งแปลกๆใหม่ๆ
ฉะนั้น หากว่าท่านต้องการเป็นนักการตลาดที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ท่านจำเป็นต้องคิดต่างจากนักการตลาดด้วยกัน แต่ถ้าหากท่านไม่คิดอะไรมาก ทำเหมือนๆคนอื่นๆ ความสำเร็จในการทำงานด้านการตลาดของท่านก็อยู่ในระดับปกติมาตรฐานนักการตลาดด้วยกัน ทั้งนี้ ท่านจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเป็นนักการตลาดหรือไม่ คงไม่ได้อยู่ที่ใคร อย่าโทษสิ่งต่างๆ แต่จงโทษตัวของท่านเอง จงกล้าคิดต่างแล้วท่านจะประสบความสำเร็จ ขอให้ท่านโชคดี
...
  
ถ้อยคำการพูด
ถ้อยคำการพูด
การใช้ถ้อยคำ

โดย...สุทธิชัย ปัญญโรจน์

ภาษาเปรียบเทียบกล้องส่องความคิด ภาพน้ำจิตอาจเห็นได้เด่นใส


ถ้าเขียนพูดปูดเปื้อนเลอะเลือนไป ก็น้ำใจหรือจะแจ่มแอร่มฤทธิ์


การรู้จักใช้ถ้อยคำ คำพูดที่ดีหรือถูกต้องตามหลักเกณฑ์ด้านภาษา ย่อมแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญา ชาติกำเนิดการศึกษาการอบรม วัฒนธรรมอันดีงาม การใช้ภาษาหรือถ้อยคำที่เหมาะสม ทำให้ผู้ฟังวินิจฉัยถึงพื้นฐานการศึกษา ของนักพูดท่านนั้นได้


บางคนพูดไม่ชัดเจน เช่น ตัว“ร” ออกเสียงเป็นตัว“ล” (โรงเรียน เป็น โลงเลียน) (ครั้งคราว เป็น ค้างคาว ฉันไปนครสวรรค์เป็น ค้างคาว อันนี้คงหมายถึงบินไป)


ถ้าเราสังเกต จะเห็นได้ว่าการพูดไม่ชัดเจน การใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม บุคคลเช่นนี้มีมากทีเดียวในสังคมไทย แทบทุกวงการ โดยที่เมื่อมีโอกาสพูดให้ประชาชนฟัง ก็จะปล่อยออกมา เช่นนั้น ไม่ได้มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไขให้เกิดความถูกต้องและเหมาะสม ในเรื่องของการใช้ถ้อยคำมีนักพูดและนักเขียนแนะนำไว้ว่า


มาร์ค ทเว้น นักเขียนผู้มีชื่อกระฉ้อนโลก เป็นนักอ่านตัวฉกาจคนหนึ่ง ในการเขียนของเขาเขาเขียนด้วยถ้อยคำสำเนียงรื่น ชวนอ่าน สำหรับการฝึกฝนนั้น เขาได้ศึกษาค้นคว้า เขามีความบากบั่นไม่ลดละ ถึงขั้นมีพจนานุกรมติดตัวไปด้วย แลอ่านศึกษาค้นคว้า การใช้พจนานุกรม จนเป็นผู้มีความเชียวชาญทางด้านภาษา และการใช้ถ้อยคำสำนวน


จตุพล ชมพูนิช นักพูดระดับแนวหน้าของไทย ได้มีวิธีการปรับปรุงทางด้านภาษาโดยใช้การอ่านหนังสือเป็นหลัก ส่วนการติดตามฟังนักพูดท่านอื่น ก็เป็นเรื่องรองๆ มา


สำหรับตัวกระผมเอง กระผมคิดว่าการอ่านเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการความก้าวหน้าทุกระดับ ไม่ว่าการทำงาน หรือ นักพูด นักเขียน การอ่านหนังสือทุกประเภท กระผมเชื่อว่าหนังสือแต่ละเล่มย่อมมีประโยชน์ โดยส่วนตัวกระผมเอง กระผมอ่านตั้งแต่ตำราดูลายมือไปจนถึงหนังสือเล่มหนาๆ แล้วหาประโยชน์จากหนังสือเหล่านั้น ผสมผสานกันจนนำมาเป็นความคิดของเราเอง (แต่ในปัจจุบันกระผมค่อนข้างจะเน้นอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเป็นหลัก เพราะความรู้ต่างๆ จะมีนักคิด นักเขียน แต่งเป็นภาษาอักฤษก่อนแล้วแปลเป็นภาษาไทย ฉะนั้นในปัจจุบันถ้าใครเก่งภาษาอังกฤษ สามารถอ่านภาษาอังกฤษได้ก็จะได้รับข้อมูลข่าวสาร ความรู้ก่อนคนอื่น)


จะเห็นได้ว่า บุคคลที่เป็นนักพูด นักเขียน นักประพันธ์ นักการเมือง นักพัฒนา นักบริหาร นายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดี ที่มีถ้อยคำสำนวนภาษาอย่างดี และสละสลวย ย่อมเคยใช้ความบากบั่นมานะพยายามอย่างหนักหน่วง ทุ่มเทชีวิตจิตใจเพื่อการอ่านหนังสือโดยแท้

...
  
ศิลปะการพูด อวยพร มงคลสมรส
แต่งและรวบรวมโดย...สุเทพ โพธิสัทธา
เป็นหนังสือเก่า ภายในเล่มเขียนเกี่ยวกับความสำคัญของการกล่าวอวยพร มงคลสมรส พร้อมมีตัวอย่างประกอบการพูด คนที่มีโอกาสไปงานมงคลสมรสบ่อยๆ หรือมีโอกาสได้กล่าวอวยพรสมรสบ่อยๆ ควรมีหนังสือเล่มนี้ไว้ศึกษาและมาปรับประยุกต์ใช้
...
  
การขอประกันตัวต่อศาล
26
...
  
ร.ต.อ.เฉลิม เวทีพรรคเพื่อไทยอุดร
26
...
  
เหตุผลที่ทำให้คนใช้เวลาแบบทิ้งๆขว้างๆ
เหตุผลที่ทำให้คนใช้เวลาแบบทิ้งๆขว้างๆ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตและการทำงาน มักเป็นบุคคลที่รู้จักคุณค่าของเวลา เขาจะใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแตกต่างกับบุคคลโดยทั่วไปส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาแบบทิ้งๆขว้างๆ สาเหตุหรือเหตุผลที่ทำให้คนใช้เวลาแบบทิ้งๆ ขว้างๆ มีดังนี้
1.เพราะไม่มีเป้าหมายหรือไม่เคยคิดถึงอนาคตข้างหน้า คนที่ใช้เวลาแบบทิ้งๆขว้างๆ มักเป็นคนชอบสบายหรือมีลักษณะนิสัยเกียจคร้าน ไม่คิดถึงอนาคตข้างหน้าว่าตนอยากเป็นอะไร นักเรียน นักศึกษา ที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตหรือไม่คิดถึงอนาคตจะเรียนหนังสือแบบไม่ค่อยจะตั้งใจ ไม่มีความขยันไม่รู้จักคุณค่าของเวลา แตกต่างกับนักเรียน นักศึกษาที่มีเป้าหมายหรือคิดถึงอนาคต มักจะเป็นคนที่ทุ่มเท ขยันขันแข็งในการศึกษาเล่าเรียน
2.เพราะไม่กล้าปฏิเสธ ในบางครั้งเรากำลังทำงานอยู่แต่มีเพื่อนมาชวนคุย ทำให้การทำงานต้องสะดุดหยุดลง หากว่าเราไม่กล้าปฏิเสธ การงานที่ทำก็จะเสียหายได้ ทางที่ดีหากว่าเรากำลังทำงาน อ่านหนังสือ หากมีคนชวนไปเที่ยว ชวนไปทำธุระ เราต้องกล้าที่จะปฏิเสธ
3.เพราะชอบทำงานแบบครึ่งๆกลางๆ ไม่ทำงานให้เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ชอบทำงานค้างไว้เพื่อที่จะนำไปทำในวันต่อๆไป ทำให้การทำงานเป็นไปในลักษณะดินพอกหางหมู หลังจากทิ้งไว้นานๆ แล้วกลับมาทำงานชิ้นนั้นใหม่จะทำให้เสียพลังงานและเสียเวลาอีกมากในการทบทวน ฉะนั้นควรรีบทำงานแต่ละชิ้นให้สำเร็จไม่ควรทำแบบครึ่งๆ กลางๆ
4.เพราะคิดว่าตนเองมีเวลาเหลือมาก หลายคนจึงปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามยถากรรม ไม่กระตือรือร้น ความจริงในชีวิตของคนเรา มีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่คนที่ไม่รู้จักบริหารเวลามักใช้เวลาแบบทิ้งๆ ขว้างๆ คิดว่าตนเองมีเวลาเหลือมากแต่แท้ที่จริงแล้ว คนเราแต่ละคนมีช่วงเวลาที่จำกัดทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับอายุขัยของแต่ละบุคคล
5.เพราะไม่รู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ คนที่ไม่รู้จักคุณค่าของเวลา มักใช้เวลาไปกับสิ่งที่ไม่เป็นสาระหรือใช้เวลามากจนเกินไปสำหรับการทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง ถึงแม้ว่ากิจกรรมที่ทำจะเป็นสิ่งจำเป็นก็ตาม เช่น การพูดคุยการนินทา , การนอนหลับที่ใช้เวลานานจนเกินไป , การดูละครโทรทัศน์มากเกินไป , การพูดคุยโทรศัพท์นานจนเกินไป ฯลฯ
หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จ การบริหารเวลาการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์มากที่สุดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ท่านต้องหมั่นพิจารณา ปรับปรุง พัฒนา ทักษะการใช้เวลาของท่านให้เกิดความสมดุลในชีวิต เพราะหากว่าท่านใช้เวลาแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ผลที่ตามมาจะทำให้ชีวิตของท่าน เป็นคนไร้จุดหมาย , คนรอบข้างไม่อยากคบ , ขาดความรับผิดชอบ ฯลฯ
ดังนั้นจงมีเป้าหมายจงคิดถึงอนาคตข้างหน้า , จงกล้าที่จะปฏิเสธ , จงอย่าทำงานแบบครึ่งๆ กลางๆ , จงอย่าคิดว่าตนมีเวลาเหลือมาก และจงรู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ท่านก็จะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตและการบริหารเวลา
...
  
ท่านสามารถประสบความสำเร็จได้
ท่านสามารถประสบความสำเร็จได้
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
คนเราทุกๆคนที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้ สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ หากว่าเขาต้องการที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริง ซึ่งมีการค้นคว้า มีการวิจัย มีการศึกษาว่า บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเขาจะต้องเป็นคนลักษณะอย่างไร ซึ่งบุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีลักษณะดังนี้
1.พึ่งพาตนเอง ตนเป็นที่พึ่งของตน บุคคลที่ประสบความสำเร็จเป็นบุคคลที่เคยลำบากมาก่อน เป็นคนที่มีนิสัยที่ชอบพึ่งพาตนเอง ใช้ความสามารถ ใช้ศักยภาพของตนเองให้มากที่สุดก่อนที่จะพึ่งพาอาศัยบุคคลอื่น คนที่มีลักษณะนิสัยพึ่งพาตนเอง จึงเป็นคนที่มีลักษณะความเป็นผู้นำที่สูง และเป็นคนที่มีความนึกคิดเป็นของตนเอง
2.เรียนรู้จนเกิดความเชี่ยวชาญ บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมุ่งเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองถนัดจนเกิดเป็นความเชี่ยวชาญหรือความชำนาญเฉพาะด้านขึ้นมา เช่น นักเขียนที่ประสบความสำเร็จมักจะเรียนรู้และพัฒนางานเขียนของตนเอง สม่ำเสมอจนประสบความสำเร็จระดับชาติ , นักพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มักจะมีการพัฒนาตนเอง ค้นคว้า ศึกษานวัตกรรมใหม่ๆ จนประสบความสำเร็จ ฯลฯ
3.เป็นนักสื่อสารนักโฆษณานักประชาสัมพันธ์ โลกยุคปัจจุบันเป็นโลกยุคของการแข่งขัน บุคคลที่ประสบความสำเร็จจะเป็นคนที่รู้จักวิธีการโฆษณาตนเองแบบแยบยล หากคุณมีสินค้าที่ดีที่สุดในโลก แต่ไม่มีคนรู้จัก สินค้านั้นก็จะไม่ค่าอะไร ในโลกนี้อาจมีคนน้ำเสียงดีและร้องเพลงเก่งกว่านักร้องซุปเปอร์สตาร์หลายๆท่าน แต่ก็ไม่มีโอกาส ได้แต่ร้องในห้องน้ำ แต่หากท่านต้องการให้คนรู้จักท่านมากขึ้น บุคคลที่ประสบความสำเร็จอาจจะต้องจ้างนักประชาสัมพันธ์ นักการตลาด เพื่อที่จะโปรโมทตนเอง แต่บุคคลที่ประสบความสำเร็จในระดับที่สูงกว่า เขามักมีวิธีคิดที่แปลกและต่างแตกออกไป โดยใช้วิธีการโฆษณาที่แยบยล เขารู้ธรรมชาติของสื่อมวลชน ที่ต้องการขายสิ่งที่ แปลก ใหม่ เร้าใจ ดังนั้นบุคคลที่ประสบความสำเร็จเขาจะทำอะไรแปลกๆ พูดอะไรแปลกๆ เพื่อให้สื่อมวลชนลงข่าวให้ เช่น การแต่งกายที่แปลกๆ การไว้ทรงผมที่แปลกๆ การคิดค้นอะไรที่แปลกๆ ฯลฯ การทำการโฆษณาแบบแยบยลนี้ จะทำให้เขาเป็นที่ต้องการของตลาด อีกทั้งสามารถประหยัดเงินทองได้ตั้งมากมาย เช่น หากต้องการลงโฆษณาสินค้าหรือโฆษณาตัวเองในสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร โทรทัศน์ วิทยุ ฯลฯ ท่านอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก แต่หากท่านเป็นที่ต้องการของตลาด เขามักจะลงรูปภาพของท่านในหน้าที่หนึ่งของสื่อต่างๆ ให้โดยที่ท่านไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย อีกทั้งวารสาร นิตยสาร บางฉบับยังต้องจ่ายเงินให้กับท่านในการลงปกของหนังสือด้วย
4.เป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ทำงานให้ลุล่วง เมื่อวางเป้าหมายแล้ว ถ้าทำไม่สำเร็จไม่เลิก ไม่ยอมแพ้ก่อนเวลาอันควร ไม่กลัวความล้มเหลวเพียงแค่ชั่วคราว หรืออุปสรรคใดๆ เขาจะอดทนรอคอยความสำเร็จ ถึงแม้ความสำเร็จนั้นจะใช้เวลานานสักเท่าไรก็ตาม
5.เป็นคนที่มีศีลธรรม จริยธรรมและคุณธรรมที่ดี บุคคลที่มีสิ่งเหล่านี้ จะช่วยให้เจริญก้าวหน้า อีกทั้งเกิดความผิดพลาดในชีวิตน้อยกว่าคนที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ เช่น บุคคลบางคนไปมีชู้กับสามีหรือภรรยาของผู้อื่นทำให้ชีวิตมีแต่ปัญหา เกิดความวุ่นวาย เป็นคดีความกัน บางคนถึงกับเสียชีวิตเนื่องจากแรงหึงหวงของสามีหรือภรรยาของอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นต้น
6.โชคและดวง มีคำกล่าวของคนโบราณที่น่าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ว่า “ เก่งอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องเฮงด้วย ” เราจะสังเกตว่า โชคและดวง เป็นสิ่งที่เรากำหนดเองไม่ได้ คงขึ้นอยู่กับจังหวะชีวิต วาสนาของแต่ละคน เช่น บางคนบอกว่าขายก๋วยเตี๋ยวแล้วรวย แต่หากเราลองไปขายดูเราอาจขาดทุนก็ได้ หรือ คนสองคนเข้าทำงานพร้อมกัน คนที่หนึ่งทำงานเก่งมาก คนที่สองทำงานไม่ค่อยจะได้เรื่อง แต่คนที่สองกลับได้รับตำแหน่งที่สูงกว่าคนที่หนึ่ง ฯลฯ
ดังนั้น พวกเราทุกๆคน สามารถประสบความสำเร็จได้ โดยการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งพยายามศึกษาชีวประวัติของบุคคลที่ประสบความสำเร็จทั้งในอดีตและปัจจุบัน ว่าเขามีวิธีการอย่างไร เราสามารถนำวิธีการดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ได้หรือไม่ และขอให้ท่านเชื่อเถอะว่าท่านสามารถเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ท่านก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
...
  
เขียนอย่างไรให้ผู้อ่านชื่นชอบ
เขียนอย่างไรให้ผู้อ่านชอบ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การเขียนไม่ว่าเราจะเขียนในประเภทไหน เช่น บทความ สารคดี เรื่องสั้น นิยาย ตำรา ฯลฯ เรามักอยากให้ผู้อ่านชอบงานเขียนของเรา อยากติดตามผลงานเขียนของเรา ซึ่งวิธีที่จะทำให้เขาติดตามหรือชอบงานเขียนของเราได้นั้น สามารถทำได้โดย
1.จงเขียนเรื่องที่เรารู้ การเขียนเรื่องที่เรารู้ จะทำให้ผู้เขียนสามารถใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในตัวเอง ซึ่งผู้เขียนได้อ่านมามากพอสมควร แล้ว มาทำการต่อยอดความรู้ให้มีความรู้ที่กว้างขึ้น ลึกขึ้น มากขึ้น อีกทั้งผู้เขียนควรเขียนให้เกิดความแตกต่างจากงานเขียนของผู้อื่น เช่น ต้องมีการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกหรือแง่มุมที่แปลกแตกต่างจากนักเขียนท่านอื่น เพราะหากผู้เขียน เขียนคล้ายคลึงกัน งานเขียนนั้นก็คงไม่ได้มีความแตกต่างจากงานเขียนของคนอื่นมากนัก แต่หากผู้เขียนเสนอแง่มุมที่ตลก แง่มุมที่คนไม่คิดกัน งานเขียนของผู้เขียนก็จะเกิดความแตกต่างขึ้นมาทันที และทำให้ผู้อ่านชื่นชอบในความคิดอ่านของผู้เขียนได้
2.รู้จักจังหวะเวลา การจะทำหนังสือให้ขายดีหรือให้คนซื้อเป็นจำนวนมากนั้น ผู้เขียนอาจต้องเลือกจังหวะ ในการขายหนังสือ เช่น เมื่อสังคมเกิดภาวะวิกฤต คนต้องการกำลังใจ เราก็ควรเขียนหนังสือในแนวทางการให้กำลังใจ การพัฒนาตนเอง ธรรมะ ฯลฯ เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ในสภาพสังคมในขณะนั้น หากทำได้ดังนี้ ผู้อ่านก็จะซื้อหนังสือของเรามากขึ้น เมื่อมีโอกาสได้อ่านก็มักจะชอบหนังสือที่เราเขียนมากขึ้นไปด้วย
3.ต้องเขียนให้เกิดความหลากหลาย เช่น ใช้คำ เล่นคำ มีโวหาร มีสำนวน มีอุปมาอุปมัย การเขียนตัวอย่างต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพพจน์ มีลีลาในการนำเสนอที่มีความหลากหลายในแบบฉบับของตัวเอง มีการสอดใส่อารมณ์เพื่อให้ผู้อ่านรู้สึกถึงอารมณ์นั้น กล่าวคือ เมื่ออ่านแล้ว เกิดความประทับใจจนทำให้เกิดน้ำตาไหลออกมาได้
4. ต้องเขียนให้เกิดความชัดเจน กระชับ ไม่ยืดยาด ซับซ้อน งานเขียนที่ผู้อ่านชื่นชอบ มักสื่อความหมายที่ชัดเจน ไม่ใช่ประเภท ที่อ่านเสร็จแล้ว เกิดอาการ งง สับสน ไม่เข้าใจ ว่าผู้เขียนต้องการสื่อสารอะไรกับผู้อ่าน ฉะนั้น ควรเขียนให้สั้น กระชับ มีความชัดเจน ไม่คลุมเครือ
5.เขียนในสิ่งที่ผู้เขียนเชื่อ การเขียนก็มีลักษณะเดียวกันกับการพูด กล่าวคือ หากผู้พูดต้องการโน้มน้าวให้ผู้ฟังเชื่อถือ ศรัทธา ผู้พูดต้องมีความเชื่อในเรื่องนั้นๆ ก่อน การเขียนก็เช่นกัน หากผู้เขียนมีความเชื่อ มีความศรัทธา ในเรื่องที่ตนเองเขียน งานเขียนนั้นก็สามารถโน้มน้าวหรือชักจูงในผู้อ่านเชื่อถือ ศรัทธาได้เช่นกัน
6.จงเขียนในแนวทางของตนเอง เนื่องจากงานเขียนมีหลายประเภท เช่น นิยาย สารคดี บทความ ข่าว ตำรา ฯลฯ ผู้เขียนควรเขียนในแนวทางที่ตนเองถนัด หากมีความถนัดการเขียนบทความ ก็ควรพัฒนางานเขียนของตนเองในแนวประเภทของบทความให้มากขึ้น อีกทั้งไม่ควรไปลอกเลียนสไตล์การเขียนของผู้อื่น จงเป็นตัวของตัวเอง
7.จงพัฒนาความคิด ให้คิดนอกกรอบ คิดแตกต่าง คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ คิดวิจารณ์ คิดเปรียบเทียบ คิดจินตนาการ การพัฒนาความคิดจะทำให้งานเขียนของเราดีขึ้น เราคงไม่ปฏิเสธว่า งานเขียนของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง ผู้เขียน Harry Potter จนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี หรือแม้แต่นักเขียนชาวไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น ท่านสุนทรภู่ กับงานเขียนเรื่องพระอภัยมณี ก็เกิดจากความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น จงพัฒนาความคิดแล้วงานเขียนของท่านจะดีขึ้น ผู้อ่านก็จะชื่นชอบในความคิดของท่าน
และอีกหลากหลายปัจจัย ที่ท่านสามารถพัฒนางานเขียนของท่านเพื่อให้เกิดความประทับใจ เกิดความเชื่อถือ ศรัทธา ในงานเขียนของท่าน เพราะงานเขียนเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ท่านสามารถหาความรู้ได้ ฝึกฝนได้ มีแบบฉบับ เทคนิค วิธีการของตนเองได้
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.