หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
9 พฤติกรรม 9 ความสำเร็จ
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " 9 พฤติกรรม 9 ความสำเร็จ" รุ่นที่ 1 ให้แก่ พนักงานและเจ้าหน้าที่ บริษัท แอกโกออน เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2555 ...
  
5 ร.พาให้รุ่งในการทำงาน
5 ร.พาให้รุ่งในการทำงาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
มีหลายคนพยายามพูดถึงการทำงานอย่างไรให้เจริญก้าวหน้าในที่ทำงาน ซึ่งคำตอบที่ได้มักมีความคล้ายคลึงกัน ในบทความนี้กระผมจึงอยากนำเสนอเรื่อง “ 5 ร.พาให้รุ่งในการทำงาน” ดังนี้
1.เรียนรู้ รอบรู้ คนที่จะประสบความสำเร็จในการทำงาน คนๆนั้นจะต้องเป็นนักเรียนรู้ อีกทั้งต้องเป็นคนที่มีความรอบรู้ในสายงานอาชีพของตนเอง ดังเราจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในการทำงานมักจะนำตัวเองไปอบรมในหลักสูตรต่างๆ หรือ การอ่านหนังสือต่างๆ ในแวดวงของตนเองอยู่เสมอ
2.ริเริ่ม สร้างสรรค์ คนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพมักจะเป็นคนที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆอยู่เสมอ ดังตัวอย่างเช่น สตีฟ จอบส์ เขามักจะให้บริษัทของเขาออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เสมอ ฉะนั้น หากเราสังเกตก็จะพบได้ว่า หากใครที่คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอก็จะประสบความสำเร็จมากกว่าบุคคลที่เลียนแบบคนอื่นหรือทำเหมือนกับคนอื่นๆ
3.รวดเร็ว ทันใจ คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ทันสมัย ทันเหตุการณ์ แต่ตรงกันข้ามบุคคลที่ทำงานไม่เก่ง มักทำอะไร เชื่องช้า ไม่ทันใจ เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน รวมไปถึงลูกค้าที่มาใช้บริการ
4.ร่วมมือ สามัคคี คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่ให้ความร่วมมือในการทำงาน อีกทั้งเป็นคนที่ประสานงานเก่ง ไม่สร้างความแตกแยกในหมู่คณะ แต่ตรงกันข้ามเขามักเป็นคนที่มีภาวะผู้นำที่สูง ในการนำพาองค์กรและคนในองค์กรให้เจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว
5.รับผิดรับชอบ ในงานในหน้าที่ของตนเอง คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง เขากล้าที่จะตัดสินใจ และเมื่อตัดสินใจผิดพลาด เขาก็จะยอมรับความผิดพลาดนั้นโดยไม่มีข้อแก้ตัว ที่สำคัญคนที่ประสบความสำเร็จในการทำงานมักเป็นคนที่รักษาคำพูด เขาจะเป็นคนที่มีพลัง มีความเชื่อมั่นสูง
ดังนั้น หลักการ 5 ร.พาให้รุ่งในการทำงาน จึงเป็นหลักการที่ท่านสามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้เพื่อให้ท่านประสบความสำเร็จในหน้าที่ทำงานได้เป็นอย่างดี

...
  
ปลุกศักยภาพในตัวคุณ
ปลุกศักยภาพในตัวคุณ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
มนุษย์เราเกิดมาบนโลกนี้มีร่างกายเหมือนกัน ยกเว้นคนพิการ แต่มนุษย์เรามีศักยภาพไม่เหมือนกัน คนพิการบางคนมีศักยภาพมากยิ่งกว่าคนที่มีร่างกายสมบูรณ์ก็มีให้เห็นมาแล้ว อะไรเป็นตัวกำหนดให้มนุษย์เรา เกิดการพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพราะหากว่าเราทราบ เราก็จะสามารถปลุกมันออกมาใช้งานได้
ก่อนอื่นเรามาดูความหมายของคำว่า “ ศักยภาพ ” กันก่อน ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายของคำว่า “ ศักยภาพ ” คือ ภาวะแฝง,อำนาจหรือคุณสมบัติที่มีแฝงอยู่ในสิ่งต่างๆ อาจทำให้พัฒนาหรือให้ปรากฏเป็นสิ่งที่ประจักษ์ได้ เช่น เขามีศักยภาพในการทำงานสูง น้ำตกขนาดใหญ่มีศักยภาพในการให้พลังงานได้มาก เป็นต้น
มนุษย์มีพลังแฝงกันทุกๆคน แต่คนส่วนใหญ่ในโลกน้อยคนนักที่จะปลุกมันออกมาใช้งาน หรือสร้างมันขึ้นมา ตรงกันข้ามคนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่ปลุกพลังแฝงออกมาใช้งาน ในตอนนี้เราจะมาเรียนรู้ หลักการเพื่อที่จะได้นำเอาไปปฏิบัติ หลักการบางประการที่ทำให้คนประสบความสำเร็จในการปลุกศักยภาพมีดังนี้
1.จงสร้างเป้าหมายขึ้นมาในชีวิต คนส่วนใหญ่ในโลกนี้ มักดำเนินชีวิตไปตามเวรตามกรรม ไม่ทราบว่าตนเองต้องการอะไร ตนเองชอบอะไร ตนเองเกิดมาเพื่อที่จะทำสิ่งใด หรือ ไม่ทราบว่าตนเองทำสิ่งนั้นแล้วเกิดความสุขมากที่สุดในชีวิต แต่มนุษย์เราในโลกนี้ กลับดำเนินชีวิตอย่างไม่ค่อยมีความสุข เรามักจะเห็นคนจำนวนมากพร่ำบ่นถึงเรื่องงานที่หนัก เครียด เบื่อ อยากที่จะเปลี่ยนงาน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น คือ เราไม่มีเป้าหมายในชีวิต เราไม่รู้ว่าทิศทางของชีวิตจะไปหนทางไหน เปรียบเสมือน เรือที่ลอยอยู่กลางทะเล ไม่มีเป้าหมายว่าจะไปทิศทางไหน ดังนั้น หากท่านต้องการเพิ่มศักยภาพในตัวท่าน กระผมขอให้ท่านจงเริ่มกำหนด เป้าหมายของชีวิตไว้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป จงหาเป้าหมายที่ท่านต้องการจริงๆในชีวิต จงหาความต้องการที่แท้จริงของตนเอง
2.จงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า มีคนหลายคนเคยถามกระผมว่า เขาก็มีเป้าหมายในชีวิตแล้ว แต่ทำไม ถึงไม่ประสบความสำเร็จ ผมก็ตอบเขาไปว่า “คุณขาดความปรารถนาอย่างแรงกล้า” เพราะหากท่านมีความต้องการอยากจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้จริงๆ ท่านก็จะคิดถึงมันตลอดเวลา ท่านจะฝันถึงมันตลอดเวลา ท่านก็จะหาวิธีการใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ตนเองได้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ ผมขอเปรียบเทียบ หากว่าท่านต้องการที่จะขับรถจากกรุงเทพไปภูเก็ตในเวลากลางคืน ท่านไม่เห็นภูเก็ต แต่ไฟด้านหน้ารถส่องไปได้แค่ไม่เกิน 200 เมตร แต่เป้าหมายของท่านคือภูเก็ต ท่านมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะไปภูเก็ตให้ได้ รถก็จะพาท่านเคลื่อนไปจนถึงภูเก็ตในที่สุด ดังนั้น หากท่านต้องการไปถึงเป้าหมายจงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าต่อเป้าหมายที่ได้วางไว้ จงหมกมุ่นต่อเป้าหมายนั้น
3.ปลุกพลังในตัวคุณอยู่ตลอดเวลา หลายคนมีเป้าหมาย มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าแล้ว แต่เมื่อลงมือทำงานเพื่อไปตามความฝันตนเอง เวลาเกิดปัญหา เกิดอุปสรรค มักท้อแท้ ท้อถอย ดังนั้น หากท่านต้องการประสบความสำเร็จ ท่านควรหล่อเลี้ยงกำลังใจของตนเองตลอดเวลา เช่น ท่านต้องหมั่นคิดบวก พูดบวก กับตนเองบ่อยๆ , ฝึกจินตนาการถึงความสำเร็จบ่อยๆ ,ฝึกสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง เป็นต้น
ท้ายนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจและเกิดผลลัพธ์ กระผมจึงขอแนะนำให้ท่านทำแบบฝึกหัดดังต่อไปนี้
1. จงเขียนเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร มีการกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจน เขียนรายละเอียดต่างๆ ลงไปในกระดาษหรือสมุดบันทึก
2. หมั่นทบทวนเป้าหมายบ่อยๆ ท่านอาจนำรูปภาพสิ่งต่างๆ ที่ท่านต้องการ โดยตัดภาพนั้นแล้วติดตามห้องที่ท่านสังเกตเห็นได้ง่ายหรือเป็นประจำ
3. หมั่นฝึกฝนพัฒนาตนเองตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่ง โดยเข้ารับการอบรม อ่านหนังสือ ฟังการบรรยาย สัมมนา เพื่อที่จะได้นำเทคนิคต่างๆ ไปใช้ได้

...
  
การมีมนุษย์สัมพันธ์
มนุษยสัมพันธ์

โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)






นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อนขึ้นสู่ที่สูงได้ยาก เป็น คำกล่าวที่พูดถึงคนที่ต้องการจะขึ้นสู่เป้าหมายอะไร บางอย่างเช่น การประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องใช้คนหรือรู้จักคนให้มาก โดยเฉพาะผู้บริหาร ซึ่งผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีปัจจัยหลายอย่าง หนึ่งในปัจจัยดังกล่าวก็คือ เรื่องของมนุษยสัมพันธ์ นั่นเอง เพราะการทำงานที่ประสบผลสำเร็จ ต้องอาศัย คนในการทำงานแทนตัวเอง ไม่มีผู้บริหารที่ดีและเก่งคนใดในโลกที่ทำคนเดียวหมดทุกอย่างในบทความฉบับนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง มนุษยสัมพันธ์ กัน


มนุษยสัมพันธ์ หมายถึง การสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ในทางบวก ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือ การพูดคุย รวม ถึงการให้ความร่วมมือต่างๆระหว่างบุคคล มนุษยสัมพันธ์เป็นทั้งศาสตร์(Science)และศิลป์(Art) ศาสตร์ เป็นทฤษฏีหรือหลักการที่สามารถเรียนรู้ได้ ศิลป์ เป็นการนำศาสตร์ไปปฏิบัติได้

สำหรับการสร้างมนุษยสัมพันธ์ทำได้ไม่ยากนัก ถ้ารู้จัก พัฒนา ปรับปรุง แก้ไข ตัวเองตลอดเวลา การสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ง่ายๆมีดังนี้ครับ

1.รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจของเรา คือ รู้จักเกรงใจเขา ถ้าเราไม่ชอบสิ่งไหน ถ้าเราทำต่อคนอื่นเขาก็คงไม่ชอบด้วย เช่น การส่งเสียงดังรบกวนเขาในขณะที่เขากำลังมีสมาธิหรือหลับนอน


2.ยิ้มและพยามเรียกชื่อของเขาให้ถูก คือ การยิ้มเป็นสิ่งที่สามารถสร้างความประทับใจในแรกพบ รวมทั้งการเรียกชื่อของเขาให้ถูกต้องด้วย ไม่ใช่จะเรียกชื่อเขา กลายเป็นเรียกชื่อพ่อของเขา

3.การทักทายปราศรัยกับบุคคลทั่วไป ถ้าเรามีโอกาสเจอคนที่รู้จัก เราสามารถทักทายเขาก่อนเราจะสร้างความประทับใจเขาได้มาก การทักทายปราศรัยจะทำให้คนเป็นกันเองกับเรา ชอบเรามากยิ่งขึ้น

4.พูดและกระทำการต่างๆ อย่างจริงใจและเป็นกันเอง การพูด การกระทำอย่างเป็นกันเองและจริงใจ จะทำให้คนมีความรู้สึกที่ดียิ่งขึ้น เมื่อได้รู้จักเรา และต้องการสนิทสนมกับเรามากยิ่งขึ้นด้วย

5.มีเมตตาธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กับผู้อื่น การมีเมตตาธรรม ทำให้การทำงานร่วมกันดียิ่งขึ้น เมื่อมีอะไรผิดพลาดก็ให้อภัยกัน ช่วยเหลือกัน

6.พร้อมรับฟังคนอื่นและพยามสนใจฟังคนอื่นพูดให้มาก การฟังบางครั้งดีกว่าการพูด เพราะไม่มีใครชอบฟังคนอื่นพูดฝ่ายเดียว แต่ในทางกลับกัน คนเราส่วนใหญ่อยากพูดมากกว่าฟัง และอยากพูดในสิ่งที่ตนต้องการพูด บางครั้งคนฟังก็ไม่ต้องการฟัง ดังนั้น การฟังคนอื่นพูดหรือสนใจฟังคนอื่นพูด จึงเป็นศิลป์อย่างหนึ่งในการสร้างมิตร มากกว่าการก่อให้เกิดศัตรู ดังการพูด เพราะบางคนพูด ด่าคนอื่น ว่าให้คนอื่น ทำให้เกิดผลเสียขึ้น จากมิตรก็กลายเป็นศัตรูในที่สุด



ทั้งหมดที่กล่าวไปแล้วทั้ง 6 ข้อนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่ คนต้องการความสำเร็จควรมี เพราะมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ทำให้เกิดความสุขกับตนเอง เพื่อนร่วมงาน ลูกน้องและคนทั่วไปที่ได้คบกับเรา




ท้ายนี้อยากจะฝากเรื่องของมนุษย์สัมพันธ์ นั้นคืออะไร ของท่านหลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ ดังนี้




เมตตา กรุณา ปรารถนาดี


จิต - วิถี ยอมรับเขา ต่างเราได้


คนเรานี้ มีคุณค่า ถ้าดูไป


ตัวตนไซร้ อย่ากล้ำ ล่ำหัวคน


รู้จักพูด รู้จักฟัง ทั้งสองอย่าง


ให้นำทาง สู่สัมพันธ์ อันเป็นผล


รู้ช่วยเหลือ เกื้อกูลไว้ ไม่อับจน


เกิดเป็นคน สัมพันธ์ดี ไม่มีพัง

...
  
ค้นให้พบโอกาสทอง
ค้นให้พบโอกาสทองที่ซุกซ่อนอยู่
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ในโลกนี้ เต็มไปด้วยโอกาส..... โอกาสที่จะสร้างความร่ำรวย โอกาสในการสร้างความสำเร็จ โอกาสในการสร้างความโด่งดัง ทุกสาขาอาชีพย่อมมีโอกาสทองซุกซ่อนอยู่
สตีฟ จอบส์ สร้างโอกาสทองในการค้นพบสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์
สมคิด ลวางกูร สร้างโอกาสทองจากตัวหนังสือโดยการเขียนหนังสือ จนร่ำรวยมหาศาล
เถ้าแก่น้อย(ต๊อบ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ) สร้างโอกาสความร่ำรวยมาจากสาหร่ายทะเล
ตันโออิชิ สร้างโอกาสร่ำรวยและชื่อเสียงมาจาก ชาเขียว
อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ร่ำรวยมาจากงานศิลปะ งานวาดรูป
บุคคลที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ มักเป็นบุคคลที่มีความคิดและได้ค้นพบโอกาสในการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างความร่ำรวย เพราะในทุกปัญหา ทุกวิกฤต ทุกความผิดพลาด ย่อมมีสิ่งที่ดีและโอกาสเสมอ
ใครที่สามารถมองเห็นโอกาสในปัญหาได้ คนๆนั้นย่อมพบกับโอกาสในความก้าวหน้า ความร่ำรวย ชื่อเสียงต่างๆ จงค้นหาโอกาสโดยค้นหาอัจฉริยภาพในตัวคุณ ดังต่อไปนี้
1.ความรัก ความชอบ คนที่ประสบความสำเร็จเป็นอันมาก มักทำงานในสิ่งที่ตนเองรัก ตนเองชอบ แม้ว่าการทำงานนั้นจะไม่ได้รับค่าตอบแทนเลยแม้แต่บาทเดียวก็ตาม แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงทำมันต่อไปโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ
2.จงค้นหาพรสวรรค์ ให้เจอ คนบางคนมีพรสวรรค์ ติดตัวมา มักจะทำอะไรได้ดีกว่าคนที่ไม่มีพรสวรรค์ เช่น บางคนวาดรูปเก่งมาก ในขณะที่คนส่วนมากพยายามเรียนวาดรูปโดยความพยายามอย่างไร แต่ก็ยังมีฝืมือเทียบกับคนที่มีพรสวรรค์ไม่ได้ จงค้นให้พบความสามารถ พรสวรรค์ในตัวของท่าน แล้วท่านจะค้นพบโอกาสทองต่างๆอีกมากมาย
3.จงพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ โลกนี้เต็มไปด้วยโอกาส สำหรับบุคคลที่ต้องการมันอย่างแท้จริง สินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการ ใหม่ๆ มักเกิดขึ้น จากความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของผู้คน หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการสินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการใหม่ๆ ท่านจงใช้และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ให้มากขึ้น ซึ่งความคิดสร้างสรรค์โดยส่วนตัวของผม มันไม่ใช่พรสวรรค์ แต่มันเป็นเรื่องของพรแสวง การได้รู้จักพัฒนาทักษะ การฝึกฝน เรียนรู้ คนทุกคนก็สามารถมีความคิดสร้างสรรค์ได้ หากท่านมีความต้องการมันอย่างแท้จริง
4.ไปอบรม ไปสัมมนาและงานแสดงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเรา การไปอบรม การไปสัมมนาและการไปงานแสดงต่างๆ ในวงการที่เราทำงานอยู่ จะทำให้เราได้รับความรู้ใหม่ๆ ข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ และที่สำคัญจะทำให้เราได้รับโอกาสใหม่ๆ ในการทำงานและการสร้างงาน
5.จงเป็นผู้ให้มากกว่าการเป็นผู้รับ เคล็ดลับของความสำเร็จ คนที่ประสบความสำเร็จบางท่านบอกไม่ใช่เรื่องที่ยากเลย เพียงแต่เราต้องค้นให้พบว่าเรามีอะไรดีในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความรู้ สินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการ ที่เรามีอยู่ แล้วส่งมอบสิ่งเหล่านั้นให้แก่โลก แล้วโลกก็จะตอบแทนเรา เช่น เราส่งมอบสินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการ ที่ดีที่สุดให้แก่คนในโลก แล้วเขาก็จะตอบแทนเราด้วย เงิน ชื่อเสียง เกียรติยศ เป็นต้น
สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น เป็น ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จใน การทำงาน การแสวงหาโอกาสที่ซุกซ่อนอยู่ เพื่อทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น กระผมขอยกตัวอย่างเพิ่มเติม เป็นตัวอย่างของนายสตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ซึ่งกระผมชื่นชอบบุคคลผู้นี้มาก
Steve Jobs ก่อตั้งบริษัท Apple ตั้งแต่ยังหนุ่ม ทั้ง ที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยและได้ลาออกมหาวิทยาลัยเพื่อสร้างบริษัท Apple จนยิ่งใหญ่ จากการทำงานครั้งแรกที่โรงรถมากลายเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ และด้วยการเป็นนักที่สร้างโอกาสทอง เขาจึงได้คิดค้น สินค้าตระกูล I เช่น IMac , IBook , IPod ,IPhone ,IPad ฯลฯ
การคิดค้นสินค้า บริการ ผลิตภัณฑ์ ก็เข้าหลักการข้างต้นที่กระผม กล่าวถึง คือ เขาทำมันด้วยความรัก ความชอบ , เขาทำมันด้วยความคิดที่สร้างสรรค์ , เขาทำมันด้วยความคิดที่จะเป็นผู้ให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าหรือผู้บริโภค
จงหาโอกาสให้พบแล้วและจงทำงานอย่างมีความสุขในโอกาสที่ค้นพบเหล่านั้น



...
  
ภาษากายกับการพูด
ภาษากายของนักพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ภาษากาย กิริยาท่าทาง ในการแสดงออกบนเวทีการพูด มีความสำคัญเป็นอันมาก เพราะหากผู้พูดพูดดี แต่มีภาษากายที่ไม่สอดคล้องกับเรื่องที่พูดหรือมีบุคลิกภาพที่ผู้ฟังไม่ศรัทธา เชื่อถือ ก็จะทำให้การพูดในครั้งนั้นๆ ไม่ประสบความสำเร็จ ในตอนนี้เราจะมาพูดถึงในเรื่องการใช้ “ ภาษากายของนักพูด”
การใช้สายตา (Eye-contact) สายตาเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ดังคำโบราณเคยกล่าวไว้ว่า “ ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ” การใช้สายตาของนักพูดควร มองไปยังกลุ่มผู้ฟังให้ทั่วถึง ไม่ใช่มองเพดาห้อง มองพื้นห้อง มองผนังห้อง มองประตูห้อง ตลอดเวลาหรือบ่อยๆ เมื่ออยู่บนเวที การที่ผู้พูดมองผู้ฟังจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกถึงความจริงใจของผู้พูดที่ออกมาทางสายตา
การเดิน(Walking) ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีหรือเดินบนเวที การเดินของผู้พูดทำให้เป็นที่สะดุดตาหรือเป็นจุดที่สนใจของผู้ฟัง การเดินที่ดีผู้พูดต้องเดินไปด้วยความเชื่อมั่น ไม่เร็วเกินไปหรือช้าจนเกินไป ยืดอกพร้อมทั้งต้องเดินอย่างสง่างาม ไม่ก้มหน้า ไม่เดินหลังโก่ง ขณะที่เดินแขนก็ควรแกว่งไปตามธรรมชาติ ดังนั้นผู้พูดควรที่จะต้องมีการฝึกหัดเดินบ่อยๆ ใหม่ๆ อาจจะต้องใช้หนังสือวางไว้บนศีรษะ เพื่อให้หลังตรง ศีรษะตรง
การทรงตัว(Posture) การทรงตัวเวลาพูดบนเวที เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะเสริมสร้างบุคลิกภาพของผู้พูด เท้าทั้งสองของผู้พูดควรห่างกันประมาณ 1 คืบ(โดยประมาณนะครับ ไม่ต้องถึงขนาดก้มลงไปวัด) ท่ายืนไม่ต้องเกรง มืออยู่ข้างลำตัวในกรณีที่ยังไม่ใช้มือประกอบ ไม่ควรยืนห่อไหล่ เวลายืนไม่ควรเขย่งเท้า ไม่ควรโยกตัวไปมาขณะพูด ไม่ควรเอามือท้าวสะเอวตลอดเวลา หรือเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงตลอดเวลา
การแสดงออกทางหน้าตาใบหน้า(Facial Expression) สีหน้าของผู้พูดเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการพูด เพราะถ้าหากสีหน้าของผู้พูด สื่อไม่ไปในทิศทางเดียวกันกับเรื่องที่พูด ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ เช่นพูดเรื่องเศร้า ใบหน้าของผู้พูดก็ควรแสดงไปในทิศทางเดียวกันไม่ควรหัวเราะหรือยิ้ม หรือพูดเรื่องทั่วไป สีหน้าของผู้พูดก็ควรยิ้มแย้มเพื่อบรรยากาศในการพูดออกมาดี
การแสดงท่าทาง(Gesture) การแสดงท่าทางประกอบการพูด จะทำให้การพูดในครั้งนั้นเกิดความน่าสนใจ เป็นเครื่องมือหนึ่งในการดึงดูดผู้ฟังให้เกิดความสนใจในตัวผู้พูด เช่น การใช้มือหรือนิ้วประกอบการพูด “ ผมมีพี่น้องสามคน” (เราก็ควรชูนิ้วขึ้นมา 3 นิ้ว เพื่อประกอบการพูด) , เมื่อต้องการเรียกผู้ฟัง เราก็ควรหงายมือเพื่อเชิญผู้ฟังลุกขึ้นมาตอบคำถาม(ไม่ควรชี้นิ้วไปยังผู้พูด เพราะในสังคมไทยถือว่าไม่มีมารยาท แตกต่างกับสังคมอเมริกาที่เขาถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา)
การแต่งกาย ควรให้เหมาะสมกับสถานที่ บุคคล การแต่งกายที่ดี ควรแต่งให้เสมอผู้ฟังหรือแต่งให้สูงกว่าผู้ฟังระดับหนึ่งเพียงเล็กน้อย เช่น หากไปพูดให้ชาวนาฟังที่บริเวณทุ่งนาก็ไม่ควรใส่สูทไป แต่ควรแต่งชุดพื้นเมืองเหมือนกันกับชาวนา หรือไปพูดที่โรงแรมก็ควรใส่สูทไป ไม่ควรใส่เสื้อยืด เพราะถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ฟัง เป็นต้น
การใช้ไมโครโฟน ที่ดีควรอยู่ห่างระดับปากประมาณ 1 ฝ่ามือ (โดยประมาณ แต่หากเสียงของผู้พูดดังไปก็ควรให้ไมโครโฟนอยู่ในระดับที่ห่างไปอีก ในทางกลับกัน หากเสียงของผู้พูดเบาไปก็ควรเอาไมโครโฟนให้ชิดปากขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง)
ดังนั้น นักพูดที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับจากผู้คนอย่างกว้างขวาง จึงจำเป็นต้องฝึกฝนในเรื่องของการใช้ภาษากาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้สายตา การเดิน การทรงตัว การแสดงออกทางใบหน้า การแสดงท่าทาง การแต่งกาย และ การใช้ไมโครโฟน
...
  
9 พฤติกรรม 9 ความสำเร็จ รุ่นที 2
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " 9 พฤติกรรม 9 ความสำเร็จ " รุ่นที่ 2 ณ บริษัท แอกโกออน ...
  
จงทำงานให้มีความสุข
จงทำงานให้มีความสุข
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
งานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุข
ทำงานให้สนุก เป็นสุขเมื่อทำงาน(สร้อย)
ชีวิตคือ ลมหายใจใครก็รู้
ชีวิตคือ การต่อสู้ควรศึกษา
ชีวิตคือ กิจการงานตระการตา
ชีวิตคือ กาลเวลาที่คุ้มครอง
ทำงานเพื่องานบันดาลผล ทำดีเพื่อดีดีดลผลให้
ทำหน้าที่ เพื่อหน้าที่ อย่างจริงใจ
สร้างไท ให้กับตัว อย่ากลัวเกรง
ข้อความข้างต้นนี้ เป็นบทประพันธ์ของหลวงพ่อพุทธทาสที่มีความหมายเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาภายหลัง มีคนนำมาใส่ทำนองจึงออกมาเป็นบทเพลง ซึ่งเป็นบทเพลงที่ให้กำลังใจเป็นอย่างดีสำหรับคนที่อยู่ในวัยของการทำงาน
แต่สำหรับคนทำงานเป็นจำนวนมาก มักมีปัญหาเรื่องของการทำงาน กล่าวคือ เมื่อทำงานไปนานๆ มักเกิดอาการเบื่อหน่ายงาน ไม่มีความสุขจากการทำงาน ก็เนื่องมาจากหลายสาเหตุ เช่น มีปัญหากับเจ้านายเลยทำให้ทำงานไม่สนุก , การคาดหวังผลประโยชน์จากงานแล้วไม่ได้ตามคาดหวังเลยทำให้ท้อแท้ใจ , การมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน , การมีความคิดในแง่ลบตลอดเวลา ฯลฯ
ซึ่งกระผมเชื่อแน่ว่า หลายท่านที่มีปัญหาในที่ทำงานทุกๆคน จะมีปัจจัยที่แตกต่างกันที่ทำให้ตนเองไม่มีความสุขในการทำงาน หากท่านไม่มีความสุขในการทำงาน ท่านคงต้องพิจารณาถึงสาเหตุแล้วควรไปแก้ไขที่สาเหตุ ท่านไม่ควรใช้วิธีการของบุคคลอื่นเพื่อนำวิธีการของเขามาแก้ไขปัญหาของท่าน เพราะจะทำให้ท่านแก้ไขปัญหาไม่ถูกที่
หลายคนมักถามผมว่า ทำอย่างไรถึงจะทำงานให้มีความสุข ซึ่งกระผมมักตอบว่า เราสามารถทำงานให้มีความสุขได้โดยเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อนเป็นอันดับแรก ในการแล่นเรือในทะเล หากพวกเราสังเกตจะพบว่า คนที่บังคับเรือ เขาไม่สามารถปรับทิศทางลมได้ แต่เขาสามารถปรับหางเสือเรือได้ เหมือนกันในการทำงานเราไม่สามารถปรับสภาพแวดล้อม เราไม่สามารถเลือกเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานได้ แต่เราสามารถปรับตัวของเราเองได้ ซึ่งหลักในการปรับตัวเพื่อให้มีความสุขมีดังนี้
1.ท่านต้องสร้างทัศนคติที่ดีในการทำงานตลอดเวลา โดยเฉพาะการคิดในแง่บวก เพราะการคิดในแง่บวกจะทำให้ท่านมองโลกในแง่ดี แต่การคิดในแง่ลบ มักจะทำให้ท่านมองโลกในแง่ร้าย ท่านจะเกิดความคิดในเชิง โกรธ อิจฉา อยากที่จะทำลาย มากกว่าที่จะสร้างสรรค์งานใหม่ๆออกมา ทัศนคติของเรา ความคิดของเราจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่สุด เช่น หลายคนเห็นน้ำหมดไปครึ่งแก้ว แต่บางคนบอกว่าเหลืออีกตั้งครึ่งแก้ว
2.ท่านต้องสร้างมิตรมากกว่าสร้างศัตรูในที่ทำงาน สุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า “ มีเพื่อน 100 คนยังน้อยไปมีศัตรูคนเดียวมากเกินไปแล้ว ” ดังนั้นหากเพื่อนร่วมงาน ทำอะไรไม่ถูกใจเราหรือทำอะไรให้เราไม่สบายใจ หนักนิดเบาหน่อยก็ควรให้อภัยซึ่งกันและกัน การอภัยนั้น ทำได้ยากก็จริงอยู่ แต่การอภัยจะทำให้เราเกิดความสบายใจและมีมิตรมากกว่าศัตรูอย่างแน่นอน อีกทั้งการเลือกคบเพื่อนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราเกิดความสุขในที่ทำงานและประสบความสำเร็จในที่ทำงาน บางคนฆ่าตัวตายก็เนื่องมาจากเพื่อนให้คำปรึกษาที่ไม่ดี ไม่คอยเป็นกำลังใจให้ ไม่รับฟังปัญหา แต่คนที่เลือกคบเพื่อนที่ดีก็มักจะแก้ปัญหาและหาทางออกได้ดีกว่า
3. ท่านไม่ได้ทำงานเพื่องาน แต่ท่านทำงานเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง หากท่านทำงานเพื่องานท่านจะเกิดความสบายใจไม่เกิดอาการกดดัน แต่หากท่านมีความต้องการผลประโยชน์ส่วนตนแฝงท่านก็จะเกิดความเครียดหากว่าไม่ได้สิ่งเหล่านั้น เช่น ท่านทำงานเพื่อหวังตำแหน่ง หวังเงินเดือน โบนัสเพิ่ม แต่หากท่านไม่ได้ตามสิ่งที่หวัง ท่านก็จะไม่มีความสุขในการทำงาน แต่ในทางกลับกัน หากท่านทำงานเพื่อผู้อื่น ท่านก็จะได้รับความสุขในการทำงานมากขึ้น หากท่านเป็นนางพยาบาล มีผู้ป่วยมารักษา ท่านมีความคิดในการช่วยเหลือ อีกทั้งต้องการรักษาผู้ป่วยให้หายจากโรค ท่านจะบริการด้วยความสุขใจที่ท่านได้ทำงานนี้
4.ท่านต้องรักงานที่ท่านทำ การเลือกงานที่ท่านรักจะทำให้ท่านมีความสนุกในการทำงานมากกว่า การทำงานในสิ่งที่ท่านไม่รัก การรักงานที่ทำจะทำให้ท่านทำงานได้นานกว่าการทำงานตามปกติ หากท่านมีโอกาสเลือกงานได้ ท่านจงเลือกงานที่ท่านรัก แต่หากเลือกไม่ได้จริงๆ ก็ขอให้ท่านปรับความคิดเสียใหม่ คือ จงรักในงานที่ท่านทำ
ท้ายนี้กระผมขอฝากแง่คิดไว้ว่า ชั่วชีวิตของคนเราส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาในการทำงานมากกว่าใช้เวลากับสิ่งต่างๆ กล่าวคือ มากกว่าเวลาที่จะอยู่กับครอบครัว มากกว่าเวลากิน มากกว่าเวลานอน ดังนั้น หากว่าท่านไม่มีความสุขในการทำงาน ชีวิตของท่านก็จะเกิดความทุกข์ ฉะนั้นหากว่าท่านอยากมีความสุขในการทำงาน กระผมจึงอยากให้ท่านปรับทัศนคติเสียใหม่ , จงสร้างมิตรในที่ทำงานมากกว่าการสร้างศัตรู , จงทำงานเพื่อผลประโยชน์ของผู้อื่นและจงเลือกทำงานในงานที่ท่านรัก ท่านก็จะเกิดความสุขในการทำงานได้อย่างแน่นอน
...
  
ยาเสพติดประเทศไทย
ประเทศไทยจะเข้มแข็งถ้าป้องกันยาเสพติด


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)






พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


"ยาเสพติดนี่มันก่อให้เกิดความเดือดร้อนหลายอย่าง โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ทั้งราชการ ตำรวจ โรงพยาบาล เอกชนต่าง ๆ เดือนร้อนหมดและสิ้นเปลืองคนทั่วประเทศก็สิ้นเปลือง แทนที่จะมีเงินทอง มีทุนมาสร้างบ้านเมืองให้สบาย ให้เจริญมัวแต่ต้องมาปราบปรามยาเสพติด มัวแต่ต้องมาเสียเงินค่าดูแลรักษาทั้งผู้เสพยา ผู้เป็นคนเดือดร้อนอย่างนี้ก็เสียเงิน และเสียชื่อเสียง..."


ข้อความข้างต้นก็เป็นพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใย สภาพบ้านเมืองซึ่งเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ปัญหายาเสพติดในภาวะปัจจุบันเริ่มแพร่ระบาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังจากยุคการปราบปราม และต่อสู้กับยาเสพติดในยุครัฐบาลของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งยุคนั้นต้องยอมรับว่า ขบวนการค้ายาได้ลดลงอย่างมาก เนื่องจาก นโยบายและการปฏิบัติของรัฐบาลมีความรุนแรง

เด็ดขาดเมื่อเทียบกับรัฐบาลอื่น ดังข้อความ หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หัวต่างๆ เช่น "ทักษิณ" สั่งปราบยาเสพติดอีกระลอก ต้องหมดภายใน 4 เดือน ”

แต่การกระทำของรัฐบาล พ.ต.ท.ดรทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็ถูกหลายฝ่ายโจมตีอย่างมาก ไม่ว่า จะเป็นเรื่อง ฆ่าตัดตอน ฆ่าผู้บริสุทธิ์ เห็นได้จากข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ เช่น ญาติเหยื่อผลพวงปราบยาเสพติด ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกยึดทรัพย์ 20 ล้านบาท ร้อง กระทรวงยุติธรรม ระบุไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะไม่ได้เกี่ยวข้อง เป็นต้น

สำหรับยุคปัจจุบัน มีข้อมูล จาก ศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน (ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC ANCHOR POLL) ได้นำเสนอผลการสำรวจระหว่างวันที่ 2-7 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อประมาณการจำนวนผู้ใช้ยาเสพติดในยุคต้นรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และสถานการณ์ปัญหาของประชาชนในชุมชนเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.)


ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างประชาชนอายุระหว่าง 12-65 ปี จาก 2,452 ครัวเรือน พบตัวเลข (ประมาณการตามหลักสถิติ)ประชาชนในกทม.กว่า 256,388 คน จาก 4,274,757 คน ใช้ยาเสพติดในช่วง 1 ปี (12 เดือน) ที่ผ่านมา


ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวเลขสองแสนห้าหมื่นกว่าคนที่ว่ายังไม่น่าสนใจเท่ากับตัวเลขจำนวนผู้ที่เคยทดลองใช้สารเสพติด (โดยไม่นับรวมเหล้าและบุหรี่) ที่มีทั้งหมด 593,314 คน หรือเกือบหกแสนคน และอีก 197,338 คน หรือราว 2 แสนคนที่ยังคงใช้ยาเสพติดในช่วง 30 วันที่ผ่านมานี้เอง...!!!


คนสองแสนคนที่กำลังใช้ยาเสพติดหรือเป็นคน “ติดยา” อยู่ในกทม. ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ ที่จะสามารถมองข้ามกันได้ โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก เยาวชน และกลุ่มวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 12-24 ปี จำนวน 84,517 หรือเกือบครึ่งของทั้งหมด ที่ยังคงใช้ยาอยู่ในช่วง 1 เดือนนี้ แบ่งเป็นผู้เสพกัญชา 23,981 คน เสพยาบ้า 22,226 คน ยาไอซ์ 18,168 คน กระท่อม 13,347 คน และสารระเหย (กาว-ทินเนอร์) 6,795 คน

จากตัวเลขดังกล่าว จึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง การใช้ยาเสพติดโดยมากมักแพร่ระบาดในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ๆมากกว่าชนบท อาจเป็นเพราะในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่มีฐานลูกค้ามากกว่า คนหมุนเวียนเข้าออกมากกว่า

ดังนั้นการแก้ไข ป้องกันเรื่องยาเสพติด กระผมจึงขอวิงวอนทุกฝ่ายร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ชุมชน ครอบครัว โรงเรียน ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง และโดยเฉพาะผู้ที่ค้ายาเสพติดทั้งหลาย ขอให้เลิก

เพื่อประเทศชาติ บ้านเมือง เพื่อเพื่อนมนุษย์ หากสามารถป้องกันยาเสพติดไม่ให้มาทำลายหรือก่อความเดือดร้อน ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ข้างต้น ก็จะทำให้ประเทศไทยเข้มแข็ง การป้องกันยาเสพติดจึงเป็นสิ่งที่ต้องกระทำ











...
  
การพูดต่อหน้าที่ชุมชน
การพูดต่อหน้าที่ชุมชน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
นักการเมือง นักบริหาร นักปกครอง นักประชาสัมพันธ์ นักกฎหมาย ต้องเป็นนักพูด
การพูดต่อหน้าที่ชุมชนมีความสำคัญต่อความเป็นผู้นำและการประกอบอาชีพต่างๆ “หากท่านปรารถนาจะเป็นผู้นำ ท่านต้องลุกขึ้นพูดต่อหน้าที่ชุมชนได้” เป็นคำพูดของหลวงวิจิตราวาทการที่ได้กล่าวมาอย่างยาวนานและเป็นอมตะวาจาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
“ ลิ้นเพียงสองนิ้ว ขงเบ้งยกเมืองให้เล่าปี่ได้” เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินความจริงทีเดียว ในการทำสงครามฝ่ายที่มีกำลังมากย่อมได้เปรียบกว่าฝ่ายที่อ่อนแอ แต่ในทางกลับกัน ฝ่ายที่มีมันสมองบวกกับการรู้จักใช้คำพูดให้เป็นประโยชน์ ย่อมสร้างชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ได้ นักการทูตที่สำคัญๆ ของโลก ได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศของตนเองอย่างมหาศาลก็ด้วยการใช้ลิ้นหรือคำพูดที่ก่อประโยชน์ในการเจรจาต่อรองตกลง ขอความช่วยเหลือฝ่ายต่างๆเพื่อให้ประเทศของตนเองอยู่รอดปลอดภัย
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ผู้อ่านหลายท่านอาจมีความเข้าใจที่คาดเคลื่อนหรือเข้าใจผิดคิดว่า นักพูดจะต้องคุยเก่ง พูดคล่อง พูดมาก หาเป็นเช่นนั้นไม่ แต่นักพูดหมายถึง คนที่สามารถใช้คำพูดให้เกิดประโยชน์ เกิดความเหมาะสมกับสถานการณ์ พูดแล้วคนเชื่อถือ พูดแล้วสามารถโน้มน้าว ใจคนได้
เคยมีคนโทรศัพท์มาถามผมหลายคนว่า แล้วถ้าอยากจะเป็นนักพูดที่ดีต้องทำอย่างไร คำตอบคือ ท่านจำเป็นจะต้องเป็นนักอ่าน นักค้นคว้า นักคิด นักฟัง และก็หมั่นฝึกฝน พร้อมกับต้องมีการปรับปรุง พัฒนาการพูดของตนเองอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งต้องเชื่อว่า การพูดนั้นสามารถศึกษา เรียนรู้และฝึกฝนได้ จงเชื่อเรื่องของพรแสวงมากกว่าเรื่องของพรสวรรค์ ที่สำคัญนักพูดที่ดีต้องมีลักษณะดังนี้
1. ต้องมีความปรารถนาอยากที่จะเป็นนักพูด เพราะ ความรัก ความชอบ จะทำให้ทำเรื่องที่รัก ที่ชอบได้ดีกว่า หากว่าเราไม่รัก ไม่ชอบ สิ่งนั้น อีกทั้งเมื่อถูกเชิญให้ไปพูดเรื่องอะไร ตัวผู้พูดจะต้องมีประสบการณ์ในเรื่องที่จะพูดอยู่พอสมควร หรือ ศึกษาเรียนรู้เรื่องนั้นมานานพอสมควร แต่หากไม่รู้เรื่องนั้นก็ควรเตรียมตัวไปให้ดี ต้องอ่านให้มาก ต้องฟังให้มาก ต้องมีการวางแผนการพูดเป็นอย่างดี ว่าจะขึ้นต้นอย่างไร ช่วงกลางจะพูดอย่างไรและสรุปจบอย่างไร ควรมีตัวอย่างหรืออุปกรณ์ หลักฐาน ประกอบหรือใช้อ้างอิงในการพูดแต่ละครั้ง
2. ต้องมีความสามารถในการสื่อสาร นักพูดที่ได้รับการยอมรับ มักมีเทคนิคในการพูดที่เป็นที่น่าสนใจของผู้ฟัง บางคนมีมุขตลก บางคนมีแง่คิด บางคนพูดแล้วคนฟังเชื่อถือคล้อยตาม โดยมากมักต้องมีวิธีเล่าที่ง่าย น่าสนใจ ไม่ทำเรื่องง่ายให้ยาก แต่จะทำเรื่องยากให้ง่าย และเรื่องง่ายให้เป็นของสนุก
3. ต้องมีการฝึกซ้อมการพูดอยู่เสมอ นักพูดที่ยิ่งใหญ่ มักเคยผ่านการพูดเวทีสำคัญๆ และมีชั่วโมงบินในการพูดที่สูงกว่านักพูดธรรมดาสามัญ เพราะการพูดเป็นทั้งศาสตร์และศิลปะ คำว่า “ศาสตร์” อาจเรียนรู้กันได้ แต่คำว่า “ ศิลปะ” คงต้องขึ้นอยู่ตัวบุคคลนั้น จงพัฒนาและปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ
4. ต้องมีการสอดใส่อารมณ์ในการพูด การพูดเป็นการสื่อสารชนิดหนึ่ง กล่าวคือ หากผู้พูดมีความรู้สึกถึงเรื่องที่พูดอย่างไร ผู้ฟังมักจะรู้สึกและสัมผัสได้ว่าผู้พูดมีความรู้สึกถึงเรื่องนั้นอย่างนั้น กล่าวคือ หากว่าผู้พูดพูดเรื่องใด ผู้พูดต้องทำน้ำเสียง กริยา ท่าทาง สีหน้า ไปในทางเดียวกับเรื่องที่พูดด้วย
ดังนั้นอาจสรุปได้ว่า การพูดต่อหน้าที่ชุมชน เป็นการสื่อสารที่มีอานุภาพมาก เป็นเครื่องมือ
ที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จและล้มเหลวได้พอๆกัน ฉะนั้น หากท่านต้องการความสำเร็จ ท่านจะต้องมีการฝึกฝน ฝึกฝนและฝึกฝน การพูดอยู่เสมอ
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.