หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
หลักการทำงาน
หลักการทำงาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
เคยมีคนตั้งคำถามว่า ทำไมคนบางคนถึงทำงานได้มากมาย แต่ทำไมคนส่วนใหญ่จึงทำงานได้น้อย อีกทั้งมักไม่ค่อยมีคุณภาพอีกต่างหาก ยกตัวอย่างเช่น พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ท่านสร้างผลงานต่างๆได้อย่างมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นงานประพันธ์หนังสือเป็นจำนวนมาก (กุศโลบาย , วิธีทำงานและสร้างอนาคต ,มหาบุรุษ,มันสมอง เป็นต้น) , งานด้านราชการรับตำแหน่งต่างๆในหน้าที่ที่มีความหลากหลาย (ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ,เป็นรัฐมนตรีและอธิบดีกรมศิลปากร,เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นต้น) ซึ่งบุคคลที่ทำงานได้ดีและเป็นจำนวนมาก นั้นจะต้องเป็นคนที่ทำงานหนัก ทำงานเก่ง ทำงานรวดเร็ว สำหรับพลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ได้ทำงานหนักถึงวันละ 16 ชั่วโมง เลยที่เดียว
สำหรับหลักการทำงานให้ได้ผลงานทั้งคุณภาพและปริมาณนั้น มีดังนี้
1.รู้จักลำดับงาน การรู้จักลำดับงานก็คือการวางแผนนั้นเอง คนที่ทำงานได้ดีนั้นจะต้องเป็นคนที่มีแผนงาน ว่าตนจะทำอะไร เมื่อไร อีกทั้งต้องรู้จักลำดับงานออกเป็นประเภทต่างๆ เช่น งานสำคัญ , งานไม่สำคัญ , งานเร่งด่วน , งานไม่เร่งด่วน แล้วจึงพิจารณาเลือกทำงานให้มีความเหมาะสมกับเงื่อนของเวลา
2.มีวินัยในการทำงาน คนที่ทำงานได้ดีนั้นจะต้องเป็นคนที่มีวินัยในการทำงาน เช่น นักเขียนดังๆ จะต้องมีวินัยในการทำงานเขียน เนื่องจากอาชีพนักเขียนไม่มีเวลาทำงานแน่นอนตายตัว ไม่มีหัวหน้างานคอยมาบังคับ อาชีพนักเขียนจึงเป็นอาชีพอิสระ ดังนั้นจะต้องมีวินัยในการบังคับตัวเองให้เขียน นักเขียนบางคนตั้งกฎกับตัวเองว่าจะต้องเขียนให้ได้วันละ 3 หน้ากระดาษ ทุกวัน ดังนั้น ผลงานของเขาจึงออกมามากมายมหาศาล ถ้าหากว่าเราคิดอย่างง่ายๆ วันละ 3 หน้ากระดาษ 1 เดือนมี 30 วัน เขาจะได้หนังสือ 1 เล่ม ที่มีจำนวนหน้า 90 หน้า และ 1 ปี เขาจะมีงานเขียนถึงจำนวน 12 เล่ม เลยทีเดียว
งานอาชีพอื่นๆก็เช่นกัน บุคคลที่ทำงานดีและเก่งนั้น จะต้องมีวินัยในการทำงาน ทำงานส่งตรงวันเวลาที่เจ้านายหรือลูกค้านัดหมาย
3. มีสมาธิในการทำงาน บุคคลที่ทำงานดี ทำงานเก่ง นั้นจะต้องมีสมาธิในการทำงาน
คำว่า “สมาธิ” จากพจนานุกรมไทย ราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง ความตั้งมั่นแห่งจิต , ความแน่วแน่ในการสำรมใจ , การมีจิตเพ่งเล็งแน่วแน่อยู่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ,ความตรึกตรองอย่างเคร่งเครียดในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
สมาธิจึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานทุกประเภท เช่น หากใครมีสมาธิในการอ่านหนังสือก็จะสามารถอ่านหนังสือได้ดีและเร็วกว่าคนไม่มีสมาธิ , ใครมีสมาธิในการประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ก็จะสามารถประดิษฐ์ของได้เป็นจำนวนมากและมีประสิทธิภาพกว่าคนไม่มีสมาธิ ดังเช่น โทมัส อัลวา เอดิสัน สามารถประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ได้มากมาย ก็เพราะด้วยความที่โทมัส อัลวา เอดิสัน เป็นคนที่มีสมาธินั้นเอง เป็นต้น
4.มีการพักสมองบ้าง การหยุดพักมีความสำคัญไม่ใช่น้อย สมองครับ ร่างกายของคนเราไม่ใช่เครื่องจักรถึงแม้จะเป็นเครื่องจักรก็ตามก็ต้องมีการหยุดพักเช่นกัน การพักสมอง อาจทำได้โดย
- การเปลี่ยนงานที่ทำ เช่น หากเรามีอาชีพนักเขียน เมื่อทำงานเขียนเป็นเวลานานๆ สมองอาจไม่สดชื่นแจ่มใส ควรเปลี่ยนงานที่ทำโดยการออกไปปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ ไปล้างรถ ทำความสะอาดบ้าน ฯลฯ
- การเปลี่ยนที่ทำงาน เช่น ปกติห้องทำงานเขียนมักอยู่ภายในบ้าน ท่านสามารถนำงานเขียนไปเขียนนอกบ้านบ้าง โดยการออกไปเขียนตามห้องสมุด สวนสาธารณะ ฯลฯ
5.จงสนุกกับการทำงาน จงรักในงานที่ท่านทำ หากว่าเราทำงานด้วยความไม่สนุก หากว่าเราไม่รักในงานที่ทำ งานที่ทำมักทำให้เราเกิดความทุกข์ ในทางตรงกันข้ามถ้าหากเราทำงานด้วยความสนุกงานที่ทำก็จะช่วยให้เราเกิดความสุขขึ้น จงสนุกกับการทำงานแล้ว ผลงานของท่านจะมีปริมาณมากและคุณภาพของผลก็จะออกมาดีเยี่ยม
ปัจจัยข้างต้นนี้ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างผู้ที่ทำงานได้เก่ง ทำงานได้ดี กับ คนที่ทำงานออกมาแล้วไม่มีประสิทธิภาพ หากว่าท่านต้องการทำงานเก่ง ทำงานได้ปริมาณที่มากทั้งคุณภาพและจำนวน ท่านควรปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงตนเอง

...
  
การเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีของท่านในองค์กร
การเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีของท่านในองค์กร
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
การทำงานให้เจริญเติบโตก้าวหน้าในองค์กร การมีภาพลักษณ์ที่ดีของท่านมีความสำคัญต่อความสำเร็จเป็นอย่างมาก การมีภาพลักษณ์ที่ดีของท่านในองค์กร จะทำให้เจ้านาย หัวหน้างาน เกิดความรัก การสนับสนุน การช่วยเหลือ แก่ท่าน
ฉะนั้นการสร้างภาพลักษณ์จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในองค์กรมีดังนี้
1.ท่านต้องมีผลงาน การทำงานที่ดี ท่านจะต้องแสดงผลงานที่ท่านได้รับหน้าที่ ได้รับมอบหมายและได้รับผิดชอบ ให้สำเร็จ การทำงานที่รับผิดชอบแล้วมีผลงานเกิดขึ้นมาอย่างมากมายจะทำให้ เจ้านาย หัวหน้างาน เกิดความชื่นชมในตัวท่าน หรือบางท่านอาจทำงานไม่มีผลงานมากมาย แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรให้งานต่างๆ ที่รับผิดชอบเกิดความเสียหาย
2.จำชื่อผู้บริหารระดับสูงให้ได้ อีกทั้งต้องควรศึกษาประวัติ ลักษณะนิสัยคร่าวๆ การจำชื่อผู้บริหารแล้วเรียกได้ถูกต้องจะทำให้ผู้บริหารระดับสูงเกิดความภาคภูมิใจ การศึกษาลักษณะนิสัยของผู้บริหารจะทำให้เราทราบว่า เขาเป็นคนมีลักษณะอย่างไร จะทำให้เราปฏิบัติตัวได้อย่างเหมาะสมกับบุคคลนั้นๆ
3.เขียนบทความเขียนข่าวสารลงในวารสาร จดหมายข่าวขององค์กร การเขียนบทความ เขียนข่าวสารของตนเองลงในวารสารหรือลงในจดหมายข่าวขององค์กร เมื่อเจ้านาย หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องเห็น ก็จะทำให้ท่านเป็นที่รู้จักในองค์กรของท่านมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการเขียนบทความจะทำให้ผู้อ่าน ทราบว่าท่านเป็นคนที่สนใจและมีความรู้ในเรื่องที่ท่านเขียน
4.ช่วยเหลืองานกุศลที่องค์กรหรือหน่วยงานภายนอกจัด การช่วยเหลืองานกุศลที่องค์กรจัด จะทำให้ท่านได้รู้จักกับบุคคลต่างๆในองค์กรมากขึ้น นับตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงจนถึงพนักงานระดับล่าง การช่วยเหลืองานกุศลทั้งภายในและภายนอกองค์กร นอกจากจะได้รับบุญกุศลแล้ว ยังทำให้ภาพลักษณ์ของท่านดูดียิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่พบเห็น
5.ฝึกการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ เช่นฝึกการพูด ฝึกการเขียน ให้สื่อสารได้อย่างชัดเจน เฉียบคม การพัฒนาการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ จะทำให้ท่านมีความเป็นผู้นำ อีกทั้งทำให้บุคคลต่างๆ รู้จักท่านมากยิ่งขึ้น เช่น การกล้าแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อหน้าที่ประชุม , การกล้าเขียนแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร ต่อสังคม ตามสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ (จดหมายข่าว วารสาร หนังสือพิมพ์ นิตยสาร)
6.เรียนรู้การเมืองในองค์กร การที่คนอยู่ร่วมกันเป็นสังคม เป็นองค์กร เป็นหน่วยงาน ย่อมต้องมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ แบ่งระดับการปกครอง เพื่อให้เกิดความง่ายต่อการทำงานร่วมกัน ทุกองค์กร ทุกประเทศชาติ ย่อมไม่สามารถเลี่ยงหลีกคำว่า “ การเมือง ” ไปได้ ในองค์กรทุกๆองค์กร ก็มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง จงเรียนรู้การเมืองในองค์กร แล้วท่านจะสามารถเจริญเติบโตก้าวหน้าในองค์กร
ดังนั้น หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการเจริญก้าวหน้าในองค์กร การเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีในองค์กร จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและมีความจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จ สรุปก็คือ ท่านสามารถเพิ่มลักษณ์ที่ดีในองค์กรได้โดยวิธีการ สร้างผลงาน จำชื่อและควรศึกษาประวัติของผู้บริหารระดับสูง เขียนบทความเขียนข่าวสารลงในจดหมายข่าว วารสาร ขององค์กร ช่วยเหลืองานกุศลที่องค์กรหรือหน่วยงานภายนอกจัด ฝึกการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ และเรียนรู้การเมืองในองค์กร

...
  
วิเคราะห์ผู้ฟัง
วิเคราะห์ผู้ฟัง
นักพูดที่ดีต้องรู้จักวิเคราะห์ผู้ฟัง


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


การที่จะพูดให้ถูกใจผู้ฟัง ต้องทราบในเบื้องต้นก่อนว่าผู้ฟังคือใคร มีความต้องการอะไร มีจำนวนเท่าไร เสมือนหนึ่งเราทำอาหารต้องทราบในเบื้องต้นก่อนว่าผู้ทานต้องการอาหารประเภทไหน รสชาติเป็นอย่างไร


การวิเคราะห์ผู้ฟังจึงมีความสำคัญมากในการพูดต่อหน้าที่ชุมชน การวิเคราะห์ผู้ฟังเราสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้


1.จำนวนผู้ฟัง มีความสำคัญมากเพราะการพูดกับคนจำนวนน้อย เราต้องมีวิธีการพูดที่แตกต่างกับวิธีการพูดที่มีคนจำนวนมาก รวมทั้งการใช้อุปกรณ์ในการพูดก็สำคัญไม่น้อย เช่น เอกสารประกอบการบรรยาย ห้องสำหรับใช้บรรยายหรือใช้ในการพูด ถ้าคนน้อยแต่ใช้ห้องประชุมที่ใหญ่มากๆ หรือ ถ้าคนมากแต่ดันใช้ห้องประชุมขนาดเล็กๆ ทำให้บรรจุคนไม่พอ ดังนั้นนักพูดต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วย


2.เพศและวัย เรื่องของเพศและวัย เพศชายส่วนใหญ่ชอบ การผจญภัย การต่อสู้ กีฬา ส่วนเพศหญิงชอบเรื่องของ ความสวยงาม แฟชั่น ดังนั้นการพูดต้องพูดให้มีความสำคัญกับเพศของผู้ฟัง สำหรับวัยเด็ก มักชอบเรื่องที่สนุกสนาน มักมีสมาธิสั้นในการฟัง มักชอบนิทาน วัยรุ่นชอบเรื่องเกี่ยวกับรักๆใคร่ๆ ชอบเรื่องที่มีความท้าทาย วัยผู้ใหญ่สนใจเรื่องของอาชีพ การสร้างฐานะ และวัยชรา สนใจเรื่องศาสนา เป็นต้น


3.พื้นฐานการศึกษาของผู้ฟัง การพูดให้ผู้ฟังที่มีระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน เราจะต้องมีวิธีการพูดที่แตกต่างกัน ถ้าผู้ฟังที่มีระดับการศึกษาสูง เราสามารถใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษได้บ้าง แต่ถ้าพูดให้ผู้ฟังที่มีระดับการศึกษาต่ำ ไม่ควรพูดทับศัพท์ และต้องเตรียมเนื้อหา วิธีการนำเสนอที่แตกต่างกันด้วย ต้องใช้ภาษาให้เหมาะสม ในบางครั้งนักพูดคิดไปเองว่า การพูดโดยใช้ภาษาที่สวยงามหรือภาษาวรรณกรรมจะทำให้ผู้ฟังชอบ แต่เปล่าเลย ผู้ฟังที่มีพื้นฐานการศึกษาที่ต่ำ มักจะไม่เข้าใจ ทำให้การสื่อสารไม่มีประสิทธิภาพในที่สุด


4.อาชีพ ของผู้ฟัง เช่น อาชีพทางด้านการแพทย์ สาธารณสุข จะมีศัพท์ในการพูดที่ใช้สื่อสารกันในโรงพยาบาลหรือที่ทำงาน บางครั้งตัวคนไข้หรือผู้ป่วยจะไม่ว่าแพทย์ พยาบาลหมายถึงอะไร ดังนั้น ถ้าเรานำศัพท์ในทางด้านการแพทย์ สาธารณสุข ไปบรรยายให้วงการทหาร วงการเกษตร ผู้ฟังจะไม่ทราบความหมาย หรือใช้ศัพท์ในวงการทหาร ไปพูดในแวดวงแพทย์ สาธารณสุข ก็มักจะไม่ได้ผลเช่นกัน


5.ต้องทราบความคาดหวังของผู้ฟัง การบรรยายบางแห่ง ผู้ฟังถูกเกณฑ์ให้มาฟังโดยหัวหน้างานหรือเจ้าของ ดังนั้น ผู้ฟังกลุ่มดังกล่าวมักไม่มีความสนใจหรือความคาดหวังว่าจะนำความรู้ไปใช้ได้อย่างจริงจัง ในการบรรยายบางแห่งผู้ฟังมักเกิดอารมณ์เบื่อหน่ายเสียมากกว่าเพราะผู้ฟังเหมือนถูกบังคับให้มานั่งฟังการบรรยาย


6.ทัศนคติของผู้ฟัง มีความสำคัญมากในการพูด เช่น การพูดเรื่องการเมือง เรื่องศาสนา ต้องระวังมากๆเพราะ ถ้าจะพูดดี หรือ เราคิดว่าความคิดของเราถูกต้องอย่างไรก็ตาม ผู้ฟังมักจะไม่เชื่อ เพราะเรื่องการเมือง เรื่องศาสนา เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล รวมถึงทัศนคติของผู้ฟังต่อผู้พูดด้วย ถ้าผู้ฟังไม่ชอบผู้พูดเป็นการส่วนตัวแล้ว จะพูดให้ดีอย่างไร ก็คงยากที่ผู้ฟังคนนั้นจะชอบเรา


7.ต้องหมั่นสังเกตผู้ฟัง เวลาฟังบรรยายหรือพูด ถ้าผู้ฟัง เกิดอาการเบื่อหน่าย ไม่สนใจ หลับ และสนใจเรื่องอื่นๆ เราต้องเปลี่ยนวิธีการพูดให้เหมาะสม เช่น ต้องนำเรื่องที่ขำขันที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเรื่องที่บรรยายมาเล่า เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น หรือ เรื่องที่แปลกๆ ที่ทันสมัย สิ่งที่ผู้ฟังยังไม่เคยได้ยิน มาเล่า เพื่อสอดแทรกการบรรยายให้ผู้ฟังหันมาสนใจการพูดของเรา หรือไม่อย่างนั้น ก็อาจจะมีเกมส์ มีเพลง หรือกิจกรรมต่างๆมาสอดแทรกการพูดหรือการบรรยาย


ดังนั้น ถ้าต้องการเป็นนักพูดที่ดีต้องหมั่นวิเคราะห์ผู้ฟัง ว่าผู้ฟังของเราเป็นใคร มาจากไหน มีพื้นฐานความรู้แค่ไหน มีทัศนคติอย่างไร เป็นเพศไหน วัยไหน เสมือนหนึ่งนักพูดเป็นพ่อครัว ต้องรู้ว่าผู้ทานชอบอาหารรสชาติอะไร อยู่ในวัยไหน จะได้ทำอาหารให้ถูกปากผู้ทาน



...
  
คมวาทะของนักการศึกษา
เรียบเรียงโดย สำลี รักสุทธี
เป็นการรวบรวมคำคม ของนักการศึกษาหรือนักวิชาการต่างๆ ราคาเล่มละ 50 บาทเอง
ภายในเล่มมี เนื้อหาคือ พระบรมราโชวาท พระราชดำรัสอันเกี่ยวกับการศึกษา คมวาทะของนักการศึกษาทั้งภายในและภายนอกประเทศ พุทธพจน์ ฯลฯ
...
  
การกู้ยืมเงิน
18
...
  
ธรรมในใจ - อ.วรภัทร์ ภู่เจริญ(1)
18
...
  
การทำงานให้เจริญก้าวหน้า
การทำงานให้เจริญก้าวหน้า
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
พวกเราคงเคยนึกสงสัยหรือคงเคยเห็นบุคคลที่มีอายุน้อยแต่มีความสามารถในการบริหารงาน อีกทั้งเมื่อทำงานไปได้ไม่นานกลับมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เร็วยิ่งกว่าคนที่เข้ามาทำงานพร้อมๆกัน การทำงานให้เจริญก้าวหน้าในสายงานหรือในองค์กรนั้น หากไม่คำนึงถึงเรื่องของเส้นสายหรือระบบอุปถัมภ์ คนที่จะก้าวหน้าหรือเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วนั้น คงต้องอาศัยหลักการดังนี้
1.มีต้นแบบที่ดี หากต้องการประสบความสำเร็จในการทำงานในสายงานหรือในองค์กร ท่านควรหาต้นแบบที่ดี ทุกองค์กรมักมีเจ้านายที่ทำงานเก่ง มีการบริหารที่ดี มีแนวคิดการตัดสินใจที่เยี่ยม ท่านควรเลียนแบบหรือปรับปรุงตนเองให้เหมือนต้นแบบ ท่านลองศึกษาวิธีทำงานของเขา วิธีการแก้ไขปัญหา แล้วท่านก็จดจำวิธีที่ดีๆ นั้นไว้ใช้ต่อไป
2.มีความทะเยอทะยานในการทำงาน มีความใฝ่สูงในการทำงาน ความทะเยอทะยอนหรือความใฝ่สูงในการทำงานเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เราเกิดความเจริญก้าวหน้า สำหรับคนที่ไม่มีความทะเยอทะยานหรือความใฝ่สูงในการทำงานมักมีแต่ความเสื่อม เพราะโลกยุคปัจจุบัน เป็นโลกของยุคการแข่งขัน หากเราหยุดอยู่กับที่เราในขณะที่คนอื่นๆ เดินไปข้างหน้า มุ่งไปข้างหน้า ก็เท่ากับเราล้าหลังทันที ความทะเยอทะยานหรือความใฝ่สูงในการทำงานนั้น คือ สมมุติว่าเราทำงานธนาคาร เราเป็นเจ้าหน้าที่ เราจะต้องมีความทะเยอทะยานหรือความใฝ่สูงว่าเราจะต้องทำงานเป็นผู้จัดการธนาคารให้ได้
3.มีความขยันพากเพียร ความขยันไม่ได้หมายถึงการหักโหมทำงานจนกระทั่งเจ็บปวด แต่เป็นการทำงานอย่างสม่ำเสมอ ไม่ลดความพยายาม เราจะเห็นจอมปลวก เป็นสัตว์ตัวเล็กๆ แต่สามารถสร้างจอมปลวกอันยิ่งใหญ่แข็งแรงเท่าภูเขาลูกเล็กๆ ขึ้นมาได้ เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะความขยันพากเพียรของปลวก หรือ เราจะเห็นนักเขียนที่สามารถเขียนหนังสือเล่มโตๆ ได้เป็นจำนวนมากได้เพราะอะไร หากไม่ใช่นักเขียนผู้นั้นมีความเพียรพยายาม ฉะนั้นหากท่านต้องการเจริญก้าวหน้าในสายงานหรือองค์กร ท่านจะต้องมีความขยันพากเพียรในการทำงาน
4.มีการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง การทำงานในยุคปัจจุบันเป็นยุคของการแข่งขัน เป็นยุคของเทคโนโลยี คนที่จะก้าวหน้าในสายงานหรือองค์กรนั้น จะต้องมีความสามารถ ความรู้หลายอย่าง อีกทั้งจะต้องทำงานที่มีความหลากหลายและรวดเร็วขึ้น ดังนั้นการพัฒนาตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำไปใช้ในการทำงาน เพราะเทคโนโลยีทำให้เราได้เปรียบในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้คอมพิวเตอร์หรือ Ipad ในการนำเสนองาน ไม่ใช่นำเสนอแบบปากเปล่าเหมือนกันอดีต เป็นต้น
5.มีใจรักในงานที่ทำ ในการทำงานหากว่าเรามีใจรักในงานที่ทำเราจะทำงานนั้นได้นานกว่าปกติ อีกทั้งยังมีความรู้สึกสนุกกับมัน ในทางตรงกันข้าม หากว่าท่านต้องทำงานด้วยความจำใจทำ ท่านจะทำงานด้วยความลำบากใจ ไม่สนุก เฉื่อยช้า ชีวิตความก้าวหน้าในที่การทำงานของท่านก็จะเป็นไปอย่างช้าๆ
ฉะนั้น การทำงานให้เจริญก้าวหน้าเป็นสิ่งที่ทำกันได้ พัฒนาได้ ปรับปรุงแก้ไขได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ตัวท่านเองเป็นสำคัญ ว่าท่านต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองมากน้อยแค่ไหน ถ้าท่านอยากจะเจริญก้าวหน้าในสายงานหรือองค์กรได้อย่างรวดเร็ว ท่านคงต้องมีต้นแบบที่ดี ท่านต้องมีความทะเยอทะยานหรือความใฝ่งานในการทำงาน ท่านต้องมีความขยันพากเพียร ท่านต้องมีการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง และท่านต้องมีใจรักในงานที่ท่านทำ












...
  
การสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมือง
การสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมือง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ องค์กร หน่วยงาน สถาบัน และตัวเราเอง มีความจำเป็นอย่างยิ่ง การสร้างภาพลักษณ์ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ความน่าเชื่อถือและความศรัทธาแก่ผู้พบเห็น แวดวงต่างๆจึงให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นแวดวงศาสนา แวดวงธุรกิจและแวดวงการเมือง ในบทความตอนนี้เราจะมาพูดคุยและแลกเปลี่ยนความรู้กันในเรื่อง “ การสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมือง ” มีดังนี้
- การสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองผ่านการใช้สื่อ เช่น สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์
สื่ออินเตอร์เน็ต ฯลฯ นักการเมืองที่โดดเด่นและผู้คนรู้จักกันมาก มักจะต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับสื่อมวลชน เพื่อให้สื่อมวลชนออกข่าวประชาสัมพันธ์ความดีหรือผลงานของตน เพราะหากนักการเมืองมีผลงานมากมายขนาดไหนแต่สื่อมวลชนไม่ลงข่าวประชาสัมพันธ์ให้ ประชาชนส่วนมากก็คงไม่ทราบ จึงไม่แปลกใจที่นักการเมืองหลายคนเป็นเจ้าของสื่อหรือยอมลงทุนที่จะทำธุรกิจสื่อทั้งๆที่ การทำสื่อบางประเภทขาดทุนหรือกำไรน้อยแต่ก็ต้องทำทั้งนี้เพื่อสื่อประชาสัมพันธ์ผลงานของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ เจ้าของสถานีวิทยุ เจ้าของสถานีโทรทัศน์ ฯลฯ อีกทั้งนักการเมืองอีกหลายท่านหรืออดีตนายกรัฐมนตรีหลายท่าน ถึงกับใช้เวลาและพื้นที่สื่อในการจัดรายการวิทยุหรือโทรทัศน์ด้วยตนเองหรือเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ด้วยตนเอง เพราะการจัดรายการวิทยุ โทรทัศน์ เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ ด้วยตนเอง ถือว่าได้เปรียบกว่านักการเมืองคนอื่นที่มีนักข่าวช่วยประชาสัมพันธ์เขียนให้พูดให้ ก็เนื่องมาจากนักการเมืองผู้นั้นได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อไปยังประชาชนได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านบรรณาธิการสื่อ
- การสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองผ่านการตลาด ปัจจุบันทฤษฏีการตลาดได้นำมาใช้กับการเมืองมากขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การทำการตลาดการเมืองที่ดีนั้น จะต้องมีผู้จัดการด้านสื่อ คอยช่วยทำธนาคารข้อมูล ทำงานวิจัย ทำโพลในเรื่องต่างๆ มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน มีการวิเคราะห์สถานการณ์ว่า ควรจะให้นักการเมืองที่ทำการตลาดการเมือง พูดเมื่อไรเวลาไหน เพราะหากนักการเมืองไม่มีประเด็นในการนำเสนอก็จะไม่เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและก็ไม่เป็นข่าว การทำการตลาดการเมืองจึงต้องมีงบประมาณ การควบคุม การประเมินผลงาน การตรวจสอบ ทั้งนี้ผู้จัดการด้านสื่อจะต้องรู้จักใช้สื่อทุกอย่างที่เป็นเครื่องมือให้เป็นประโยชน์มากที่สุด อีกทั้งต้องรู้จักเรื่องของการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าหรือประชาชน และต้องวิเคราะห์ว่าลูกค้าหรือประชาชนที่ไม่เลือกนักการเมืองที่ทำการตลาดนั้นให้ได้ ว่าทำไมเขาถึงไม่เลือกหรือลังเล การวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของตนเองและคู่แข็งก็มีความสำคัญ
- การสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองผ่านสถานการณ์ทางการเมือง การเมืองทุกยุคทุกสมัยมักมีความ
คล้ายคลึงกัน ถ้าหากท่านลองไปศึกษาการเมืองในยุคสามก๊กหรือประวัติศาสตร์ทางการเมืองของทุกประเทศในอดีต ก็จะเห็นจริงว่า บ้านเมืองเคยสงบแล้วก็กลับมาวุ่นวาย จากความวุ่นวายก็กลับมาสงบ เช่นเดียวกับการเมืองระดับชาติ พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลแล้วก็กลับเป็นฝ่ายค้าน เป็นฝ่ายค้านแล้วก็กลับเป็นรัฐบาล หรือการเมืองระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด คนที่เคยได้รับเลือกตั้งแล้วก็กลับไม่ได้รับเลือกตั้ง จากไม่ได้รับเลือกตั้งก็กลับเป็นรับเลือกตั้ง ดังนั้นการสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองต้องสร้างทั้งตอนที่มีอำนาจอยู่ในตำแหน่งและสร้างตอนที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจในตำแหน่ง เช่นเมื่อไม่ได้รับเลือกตั้งก็ต้องนั่งรถตระเวนไปพบปะประชาชนให้ความช่วยเหลือประชาชน ยังภาคต่างๆจังหวัดต่างๆ ท้องที่ต่างๆ เพื่อเก็บคะแนนในการเลือกตั้งในครั้งต่อไป
ดังข้อความข้างต้น เราจะเห็นได้ว่า การสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองมีความสำคัญและความจำเป็น ที่จะทำให้นักการเมืองผู้นั้นชนะการเลือกตั้งหรือเป็นที่ยอมรับ เป็นเคารพ เป็นที่ศรัทธาของประชาชน สำหรับการสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองนั้นต้องอาศัยสื่อ อาศัยทฤษฏีทางการตลาดและสถานการณ์ทางการเมืองในการสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองด้วย


...
  
การพูดสำหรับนักการเมือง
การพูดสำหรับนักการเมือง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
เราต้องยอมรับกันว่า นักการเมืองที่มีวาทศิลป์ พูดเก่ง ผู้ฟังและประชาชนที่ลงคะแนนเลือกตั้งมักจะชื่นชอบ ดังนั้น สำหรับผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในอาชีพนักการเมือง จึงสมควรที่จะต้องพัฒนาการพูดของตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าหากท่านประสบความสำเร็จในการพูดทางการเมือง สิ่งที่ตามมาก็คือ ชื่อเสียง ตำแหน่ง เงินทอง การเป็นผู้นำ อีกทั้งยังได้รับความศรัทธาจากผู้คน ฯลฯ
ถ้าหากท่านต้องการประสบความสำเร็จในการพูดทางการเมือง กระผมขอทำความแนะนำพร้อมทั้งยกตัวอย่างดังนี้
1.ท่านต้องเรียนรู้จิตวิทยา การจะพูดทางการเมืองให้ได้ดี ท่านมีความจำเป็นจะต้องเรียนรู้ วิเคราะห์ว่า ประชาชนที่กำลังไปฟังท่านนั้น เป็นกลุ่มไหน ท่านจึงจะสามารถพูดให้เข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้ฟังได้ เช่น พูดให้ประชาชนผู้ใช้แรงงานฟัง ท่านควรพูดถึงเรื่องใกล้ตัวของเขา เรื่องค่าครองชีพในปัจจุบัน เรื่องของภาวะเศรษฐกิจ เรื่องของการปรับตัว ตลอดจนเรื่องของรายได้ ค่าใช้จ่าย การศึกษาของลูกๆ เป็นต้น
2.ท่านควรมีการอ้างอิง การอ้างอิงจะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ การจูงใจ ดังเราจะสังเกตเห็นว่า นักการเมืองระดับประเทศหลายๆคน เวลาหาเสียง มักมีการอ้างอิงถึง สถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันที่มีชื่อเสียง ตลอดจนอ้างอิงผู้มีชื่อเสียงต่างๆ นักการเมืองบางคน หนักถึงขนาดท้าสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันเลยก็มี
3.ท่านควรใช้ภาษาชาวบ้าน ภาษาท้องถิ่นนั้นๆ หากว่าท่านสามารถพูดได้ แต่ถ้าหากพูดภาษาท้องถิ่นไม่ได้ ก็ควรใช้ภาษาที่ประชาชนเข้าใจง่ายๆ หลีกเลี่ยงศัพท์วิชาการหรือคำที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น นักการเมืองหลายคนเป็นคนภาคใต้ ก็มักจะพูดภาษาใต้ในการหาเสียงทางการเมือง , นักการเมืองหลายคนพูดอีสานได้ ก็จะหาเสียงเป็นคำพูดอีสานในการหาเสียงในบริเวณพื้นที่อีสาน เป็นต้น
4.ท่านควรมีความหลากหลายในการพูดทางการเมือง เช่น ท่านควรมีอารมณ์ขันในการพูดในบางช่วง ท่านต้องพูดด้วยอารมณ์ที่จริงจังในบางช่วง ท่านต้องสื่ออารมณ์ด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเห็นใจในบางช่วงท่านจำเป็นจะต้องพูดช้าๆ หากต้องการให้ผู้ฟังเข้าใจหรือให้ผู้ฟังคิดตามในบางช่วง ท่านต้องพูดในจังหวะที่รวดเร็วในบางช่วง สรุปคือ นักพูดที่ประสบความสำเร็จทางการเมืองจะเป็นนักพูดหรือนักแสดงการพูดที่มีความหลากหลายในการนำเสนอหรือพูด
5.ท่านต้องสามารถพูดในลักษณะ ชัดเจนที่คลุมเครือ ได้ ตัวอย่าง เช่น ในการจัดการประชุมครั้งหนึ่ง เราจัดเก้าอี้ให้คนได้นั่ง 30 ที่นั่ง แต่ปรากฏว่ามีคนมา 50 คน เราสามารถพูดแบบ ชัดเจนที่คลุมเครือ ได้ดังนี้ ในการจัดการประชุมครั้งที่ผ่านมา เราได้รับความสนใจจากผู้มาฟังที่ ล้นหลาม คับคั่ง มากมาย เกินคาด แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อไปอีก เพื่ออธิบายในรายลักษณะ ถามว่า โกหกไหม ไม่ได้โกหกครับ ถาม ล้นหลามหรือเปล่า ล้มหลามครับ ถามว่า คับคั่งหรือเปล่า คับคั่งครับ มากมายหรือเปล่า มากมายครับ และเกินคาดหรือเปล่า เกินคาดครับ เนื่องจากเจ้าภาพจัดที่นั่ง 30 ที่นั่ง แต่คนมา 50 คน บางคนก็ต้องยืนฟังก็มี อีกทั้งผู้จัดได้ใช้ห้องเล็กเพราะมีคนมาประชุม 30 คน แต่พอมามาก จึงจำเป็นจะต้องเปิดประตูบางคนต้องไปฟังนอกห้องก็มี นักพูดทางการเมืองที่เก่งมักจะต้องมีความสามารถในการพูดในลักษณะนี้ แต่ถ้าพูดไม่เก่งหรือพูดไม่เป็น บางคนอาจจะพูดเลยไปว่า “ การประชุมครั้งที่ผ่านมา เราได้รับความสนใจจากผู้ฟังที่ ล้มหลาม คับคั่ง มากมาย เกินคาด มีคนมาฟังตั้ง 50 คน คนฟังชักงง เพราะตอนแรกพูดจนเห็นภาพพจน์ ว่าเป็นการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ เป็นต้น
6.ท่านอาจใช้เทคนิคการ ถามตอบ นักการเมืองระดับประเทศ หลายคนมักใช้เทคนิคนี้ คือ เวลาพูดมักถามนำและสรุปคำตอบให้ผู้ฟัง เช่น ใช่หรือไม่ ครับ พี่น้อง , จริงไม่ จริง ครับ พี่น้อง แล้วจึงตอบว่า ใช่ พร้อมยกคำตอบเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ฟังคล้ายตาม
เทคนิคเหล่านี้ เป็นเทคนิคที่ใช้กันมาเป็นพันๆปี และยังสามารถนำไปใช้ได้อยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นหากท่านต้องการพูดทางการเมืองให้ได้ดีหรือประสบความสำเร็จ ท่านควรเรียนรู้ ศึกษา และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องแล้วท่านจะประสบความสำเร็จในการพูดทางการเมือง
...
  
วาทะ ชวน หลีกภัย
เป็นการรวบรวมคำคมของอดีต นายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย โดย ไพโรจน์ อยู่มณเฑียร ราคา 90 บาท
อดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้ได้รับฉายาว่า “ ใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง ” ใบมีดโกนจะอาบน้ำผึ้งอย่างไรสามารถหาอ่านกันได้ครับ ผมเองอ่านแล้วชอบหลายประโยค เช่น
- แม้จะเจ็บปวดในตอนต้น แต่ถ้าคคิดถึงผลระยะยาว มันเป็นเรื่องที่แน่นอนกว่า
- ผมไม่เคยคิดว่าตำแหน่งสำคัญกว่าความอยู่รอดของพรรค ช่วงไหนคนเหมาะสมกว่าก็ต้องเปิดโอกาส
- ถ้าข้าราชการสนับสนุนพวกนักการเมืองที่ซื้อเสียง ภัยก็จะมาถึงพวกเขาก่อนคนอื่นๆ ต่อไปวันหนึ่ง กระทรวง ทบวง กรม ก็จะมีโจรมาปกครอง
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.