หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
กฎแห่งความสำเร็จ
กฎแห่งความสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มักจะต้องมีหลักการหรือมีกฎเกณฑ์ประจำตัวบางอย่าง ซึ่งหลักเกณฑ์หรือกฎเกณฑ์ ที่แต่ละคนยึดถือคงมีแตกต่างกันไป แต่ก็มีอยู่หลายๆ กฎที่บุคคลส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จยึดเหมือนกัน ก็มีอยู่หลายกฎเกณฑ์ เช่น
1.การวางเป้าหมาย หากว่าท่านผู้อ่านลองสังเกตบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่เขามักมีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต หรือหากท่านผู้อ่านได้มีโอกาสไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาแห่งความสำเร็จ การวางเป้าหมายเป็นสิ่งหนึ่งที่หนังสือเหล่านั้นได้กล่าวถึง ไม่ว่าหนังสือของ นโปเลียน ฮิลล์ หนังสือของเดล คาร์เนกี้ หนังสือของ Anthony เป็นต้น
2.ความเชื่อมั่นในตนเอง เป็นความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง บุคคลที่มีความสมบูรณ์ทางด้านร่างกายแต่ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง สู้คนที่มีความบกพร่องพิการแต่มีความเชื่อมั่นในตนเองไม่ได้ ซึ่งความเชื่อมั่นท่านสามารถพิชิตได้ เคยมีนักปราชญ์กล่าวว่า วิธีการสร้างความเชื่อมั่นง่ายนิดเดียวคือ “ จงทำในสิ่งที่ท่านกลัว แล้วเมื่อนั้นความกลัวในสิ่งนั้นก็จะตายจากท่านไป” ดังนั้น เมื่อกลัวสิ่งไหนก็ขอให้เราเข้าหาสิ่งนั้น ท่านก็จะเกิดความเชื่อมั่นในตนเองขึ้นมา
3.นิสัยการทำงานเกินเงินเดือน คนที่ประสบความสำเร็จเป็นจำนวนมาก มักทำงานมากกว่าคนธรรมดาทั่วๆไป เพราะการทำงานมากกว่าคนอื่น บุคคลคนนั้นก็จะมีโอกาสเรียนรู้งานมากกว่าคนอื่น การทำงานมากกว่าเงินเดือน เป็น “ กฎแห่งการตอบแทนทวีคูณ” และเป็นนิสัยของบุคคลที่ประสบความสำเร็จฝึกปฏิบัติ
4.ความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์และการเป็นผู้นำ บุคคลที่ประสบความสำเร็จส่วนมาก มักเป็นคนที่มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ มีความกล้าในการเป็นผู้นำของตนเองและผู้อื่น บุคคลเหล่านี้มักเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงโลก หรือเป็นบุคคลที่สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นกับโลก ดังเช่น สตีฟ จอบส์ , บิล เกตส์ เป็นต้น
5.นิสัยประหยัดอดออม บุคคลที่ประสบความสำเร็จหรือบุคคลที่เป็นมหาเศรษฐี มักเป็นคนที่มีนิสัยประหยัดอดออม ซึ่งแตกต่างกับนิสัยสุรุ่ยสุร่าย ทำให้เกิดหนี้สิน ทำให้เกิดการสูญเปล่า การสร้างนิสัยประหยัดอดออม จะทำให้ท่านหนีพ้นจากชีวิตการทำงานหนัก และชีวิตการทำงานที่ไร้อิสรภาพ อันเนื่องจากท่านมีเงินสะสมในการดำเนินชีวิตในอนาคต อีกทั้งไม่มีหนี้สินให้เกิดการผ่อนชำระอีกด้วย
6.ความล้มเหลว ในที่นี้หมายถึง ความพ่ายแพ้ชั่วคราว บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่ล้มเหลวหรือพ่ายแพ้ชั่วคราว มาก่อน ฉะนั้นจงอย่ากลัวความล้มเหลวหรือความพ่ายแพ้ชั่วคราว หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จ
7.บุคลิกภาพที่ดี บุคคลที่ประสบความสำเร็จ มักมีบุคลิกภาพที่ดี การมีบุคลิกภาพที่ดีไม่ได้หมายความว่า บุคคลนั้นจะต้องแต่งกายหรือมีเครื่องใช้ราคาแพง แต่บุคคลที่ประสบความสำเร็จ มักเป็นที่ประทับใจของผู้คน ที่ได้พูดคุยหรือสัมผัสด้วย
8.ความมุ่งมั่นจดจ่อที่เป้าหมาย คนที่ประสบความสำเร็จ มักเป็นคนที่จดจ่อกับเป้าหมาย ทำอะไรทำจริง ไม่เป็นคนที่ทิ้งกลางคัน แต่เขาจะคิดถึง เป้าหมายทุกลมหายใจ
กฎแห่งความสำเร็จ ในโลกนี้อาจจะมีมากกว่านี้ แต่กฎข้างต้นนี้ เป็น กฎที่ บุคคลที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ได้ใช้และปฏิบัติกัน และหากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จ จงศึกษา เรียนรู้ และปฏิบัติ ท่านก็จะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จได้
...
  
สร้างจิตวิญญาณเพื่องานเขียน
สร้างจิตวิญญาณเพื่องานเขียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
หลายคนอยากที่จะเป็นนักเขียน แต่ก็ไม่ยอมลงมือที่จะเขียน อีกทั้งยังมีข้ออ้างต่างๆนานา เช่น ไม่มีเวลา , ไม่มีอารมณ์ในการเขียน , เขียนไม่เก่ง , เขียนไม่ได้ เป็นต้น แต่แท้ที่จริงแล้ว คนที่จะเป็นนักเขียนมืออาชีพ หรืออยากจะยึดอาชีพนักเขียน มีความจำเป็นจะต้องสร้างจิตวิญญาณ
การสร้างจิตวิญญาณในการเขียนหนังสือมีความสำคัญมาก เพราะการสร้างจิตวิญญาณในการเขียนจะทำให้เราอยากที่จะเขียนหนังสือทุกๆวัน
เราจะสร้างจิตวิญญาณในการเขียนได้อย่างไร
-เริ่มต้นที่ความรักหนังสือ รักการอ่าน บ่มเพาะความรักหนังสือ จนชีวิตนี้ขาดหนังสือไม่ได้ หากว่าเรารักหนังสือ เรามักที่จะไปหาหนังสือเพื่อที่จะอ่าน ตามแหล่งต่างๆ หากไม่มีเงินก็ไปหาหนังสืออ่านตามมหาวิทยาลัย โรงเรียน ห้องสมุดประชาชน ฯลฯ แต่หากว่ามีเงินซื้อหนังสือ ก็สามารถไปซื้อหนังสืออ่านได้ที่ร้านขายหนังสือทุกแห่ง โดยเฉพาะงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ส่วนใหญ่จัดที่ศูนย์สิริกิต์ปีละ 1-2 ครั้ง ก็จะมีหนังสือลดราคาให้เราเลือกกันมากมาย
-เมื่อมีความรักแล้ว ที่นี่ก็พยายามเขียน พยายามหัดเขียนทุกๆวัน เขียนเป็นกิจวัตร เหมือนกับว่าเราทำกิจกรรมนั้นๆเป็นประจำ เช่น ทานข้าว,แปรงฟัน,อาบน้ำ ฯลฯ เขียนทุกวันจนกระทั่งติดเป็นนิสัยและเป็นธรรมชาติในที่สุด เพราะงานเขียนคือทักษะที่เราต้องสะสมและต้องฝึกฝนด้วยตนเอง อีกทั้งต้องใช้เวลาในการฝึก ไม่เหมือนกับการสะสมสิ่งของ หากว่าเรามีเงินเราก็สามารถหาซื้อสิ่งของมาสะสมได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่งานเขียนถึงแม้มีเงินมาก ก็ไม่สามารถซื้อได้ นอกจากต้องฝึกฝนด้วยตนเอง
-มีความฝัน หลายคนใช้ความฝันเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนให้ทำงานเขียนได้เพิ่มขึ้นและพัฒนาขึ้น เช่น ฝันอยากเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ, ฝันอยากร่ำรวยเงินทองจากการเขียนหนังสือขาย,ฝันว่าอยากเป็นที่รู้จักของผู้คนโดยผ่านงานเขียนฯลฯ จึงทำให้เขามีพลังที่จะเขียนหนังสือให้ได้มากขึ้น
-จงสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ตนเองและจงสร้างความกระหายอยากในการที่จะเขียนตลอดเวลา เราอาจหารูปนักเขียนที่เราชื่นชอบตัดเก็บไว้ดูหรือคำคมเตือนใจของบรรดานักเขียนโดยการจดไว้อ่านเตือนใจเรา เวลาที่เราท้อแท้จากงานเขียนของเรา และจงสร้างความกระหายความอยากที่จะเขียนหนังสือตลอดเวลา ฝันถึงมัน คิดถึงมัน แล้วลงมือเขียน เขียนดีบ้าง เขียนไม่ดีบ้างไม่เป็นไร แต่ขอให้เขียนทุกๆวัน งานเขียนของท่านก็จะพัฒนาขึ้นในที่สุด
ฉะนั้น การสร้างจิตวิญญาณเพื่องานเขียน มีความสำคัญมาก เพราะหลายคนไม่มีใจให้แก่งานเขียน เขาก็จะขาดการทุ่มเทเวลา ทุ่มเทจิตใจ ทุ่มเทพลัง ให้กับงานเขียน และหากว่าท่านเขียนจนมีผลงานออกมาเป็นเล่มขายในท้องตลาดแล้ว กระผมมีความเชื่อว่า จิตวิญญาณที่จะอยากเขียนของท่านก็จะเพิ่มมากขึ้น และผู้คนก็จะรู้จักท่านมากยิ่งขึ้น
...
  
ความสำคัญในการเป็นนักพูด
ความสำคัญในการเป็นนักพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
1.บุคคลที่พูดเก่ง มักเป็นที่นิยมของบุคคลโดยทั่วไป ซึ่งบุคคลผู้นั้นจะต้องได้รับการฝึกฝน ให้มีคำพูดที่ครบเครื่อง เช่น มีวาทศิลป์ มีอารมณ์ขัน มีหลักวิชาการ มีการอ้างอิง มีเหตุผล มีท่าทางที่สง่า มีน้ำเสียงที่ชวนฟัง รวมถึงบุคลิกภาพ ฯลฯ
2.การเป็นนักพูดจะทำให้เป็นนักค้นคว้า นักวิจารณ์ นักวิเคราะห์ นักคิด นักสังเกต สิ่งเหล่านี้จะทำให้ช่วยเพิ่มพูนปัญญาบารมีและสามารถนำไปใช้ในการพูดได้อีกด้วย
3.ทำให้เกิดความทะเยอทะยานอยากดัง อยากมีชื่อเสียง อยากเป็นที่รู้จักของผู้อื่น เมื่อต้องการเช่นนี้แล้ว ก็จะทำให้เกิดการปรับปรุงตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุคลิกภาพ การพูด ท่าทาง การเพิ่มระดับการศึกษา
4.ทำให้เป็นผู้มีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี เมื่อมีปัญหาก็สามารถตอบโต้ได้โดยทันที ไม่ต้องใช้เวลาคิดที่นาน และจะสามารถหาทางออกของปัญหาได้อย่างถูกต้อง
5.การพูดเก่ง ยังทำให้ท่านได้มีตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งทางด้านการเมือง ตำแหน่งทางด้านวิชาการ ตำแหน่งในงานบริหารงาน ดังบุคคลต่างๆ ที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศและต่างประเทศ เช่น ฮิตเล่อร์ มุสโสลินี ลินคอล์น นายควง อภัยวงศ์ นายชวน หลีกภัย นายสมัคร สุนทรเวช เป็นต้น
6.การพูดเก่ง ทำให้ท่านสามารถเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น เช่น นักขายหากได้มีการฝึกฝนการพูดก็จะทำให้ท่านขายสินค้าได้ดีขึ้น
7.ได้เพื่อนเพิ่มมากขึ้น การพูดเก่ง การพูดเป็น มักเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน ทำให้ผู้คนอยากรู้จัก อยากให้ความช่วยเหลือ
ดังนั้น เมื่อท่านทราบความสำคัญของการเป็นนักพูดแล้ว ท่านเองก็สามารถเป็นนักพูดที่ดีได้ เพียงแต่ท่านต้องมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า มีเป้าหมาย มีการฝึกฝน มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพราะความสามารถในด้านการพูดเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าวิชาการที่หลายหลากจากตำรับตำรา บุคคลที่พูดเก่งจึงเป็นบุคคลที่สามารถก้าวหน้าไปสู่ความสำเร็จได้เร็วกว่าคนที่พูดไม่เก่ง พูดไม่เป็น
...
  
อิทธิบาท 4 สู่การเป็นนักพูด
อิทธิบาท 4 สู่การเป็นนักพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
อิทธิบาท 4 คือ อะไร อิทธิบาท 4 คือ หลักคำสอนของพุทธศาสนา ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงาน การเรียน การดำเนินชีวิตได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งความต้องการในการเป็นนักพูด หลักอิทธิบาท 4 มีดังนี้
1.ฉันทะ ได้แก่ความมุ่งมั่นปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะประสบความสำเร็จในการเป็นสิ่งใดก็ตามที่ตนเองต้องการจะเป็น เช่น หากท่านอยากเป็นนักพูด ท่านจะต้องมี ฉันทะ คือ มีความมุ่งมั่นปรารถนาอย่างแรงกล้าเสียก่อนในความอยากเป็นนักพูด และหากจะให้ดี ควรหาแบบอย่างว่าตนเองต้องการเป็นนักพูดแบบใครหรือใครคือต้นแบบ ก็จะทำให้ท่านได้แนวทางมากขึ้น เช่น บางคนอยากเป็นนักพูดทางการเมืองแบบคุณสมัคร สุนทรเวช ท่านก็ควรนำเทปหรือคำพูดคุณสมัคร สุนทรเวช มาศึกษามาเรียนรู้บ่อยๆ หรือ หากท่านต้องการเป็นนักพูดประเภททอล์คโชว์ เหมือนอาจารย์นักพูด (อ.จตุพล,อ.สุขุม,อ.สุรวงค์,อ.ถาวร ฯลฯ) ท่านก็ควรหา VCD ขอนักพูดเหล่านี้มาฟังมากๆ บ่อยๆ ก็จะทำให้ท่านมีไฟมีความปรารถนาเพิ่มมากขึ้น
2.วิริยะ ได้แก่ความพยายามพากเพียร บากบั่น อดทนในการฝึกซ้อม ในการศึกษาเรียนรู้ การฝึกฝน ในการเป็นนักพูด ต้องมีการฝึกซ้อมหลายเวที บางเวทีอาจประสบความสำเร็จ บางเวทีอาจล้มเหลว ฉะนั้น บุคคลที่ต้องการเป็นนักพูดจึงต้องมี วิริยะ คือ ความเพียรพยายาม ดังตัวอย่างเช่น “เดมอส เทนิส” นักพูดชื่อดังในอดีต ท่านถูกหัวเราะถูกด่า จากสภาในการพูดในรัฐสภาว่าเป็น คนพูดที่ขาดซึ่งวาทศิลป์ มีการใช้ท่าทางประกอบที่น่าเกลียด ซึ่งสร้างความอัปยศอดสูแก่ตัวท่านและครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง แต่ท่าน “เดมอส เทนิส” ไม่ยอมแพ้ ท่านได้ใช้ วิริยะ คือความพากเพียร ท่านไปเก็บตัวเงียบ แล้วฝึกซ้อมอยู่ริมชายทะเลอยู่ตามลำพัง โดยการอ่านสำนวนโวหารดังๆบ้าง โดยการฝึกพูดด้วยตนเองบ้าง จนในที่สุด เขาถูกรัฐสภาปรบมือให้เกียรติในการพูดของเขา เป็นต้น
3.จิตตะ ได้แก่ จิตใจจดจ่อ เอาใจใส่ต่อเป้าหมายที่วางเอาไว้ บุคคลที่ต้องการเป็นนักพูดบางท่าน จดจ่อถึงขนาดนอนหลับฝันว่าตนเองกำลังพูดบนเวที หรือบางคนใช้จินตนาการว่าตนเองกำลังไปพูดบนเวทีใหญ่เลยก็มี และที่สำคัญที่สุด ท่านจะต้องมีการฝึกพูดด้วยตนเอง ซึ่งหมายถึงในหนึ่งวันหรือ 24 ชั่วโมง ท่านจำเป็นจะต้อง แสวงหาความรู้ แสวงหาข้อมูล และต้องมีการเตรียมตัว ต้องมีการฝึกซ้อมอยู่เสมอๆ เพื่อให้เกิดความชำนาญแคล่วคล่องในการนำไปพูดจริง โดยไม่ต้องมีการคิดให้มากนักในเวลาพูด
4.วิมังสา ได้แก่ การหมั่นพิจารณาไตร่ตรอง ถึงสิ่งที่ตนเองกำลังฝึกฝนหรือกระทำลงไป
ว่าควรแก้ไขปรับปรุง พัฒนาอย่างไร เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายในการเป็นนักพูดของตนเอง ซึ่งหากว่าเป้าหมายในการเป็นนักพูดของท่านอยู่ในระดับต่ำแค่เป็นนักพูดในระดับหมู่บ้าน ท่านก็อาจมีการปรับปรุงแก้ไข พัฒนาง่ายหน่อย แต่หากว่าเป้าหมายในการเป็นนักพูดของท่านอยู่ในระดับประเทศ แน่นอนการแก้ไขปรับปรุงการพูดของท่านก็คงต้องมีการทุ่มเท พัฒนา ปรับปรุงตนเองอย่างหนักหนาและจริงจังตามไปด้วย
อิทธิบาท 4 จึงเป็นหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ที่ควรนำไปใช้ในการเป็นนักพูด และหลักการนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการเป็นนักพูดทุกระดับ
ข้อสำคัญก็คือ หากว่าเกิดความผิดพลาด ผิดหวัง ท้อแท้ ขอให้ท่านอย่าได้ ท้อถอย ขอให้คิดเสียว่า “ คนที่ไม่ได้ทำผิดพลาดอะไรเลย ก็คือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนั่นเอง” (
Do no wrong is do noting)


...
  
ใจใหญ่
ใจโต ใจใหญ่
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ต้องการประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ จำเป็นจะต้องมีใจที่ยิ่งใหญ่ ใจใหญ่ในที่นี้หมายถึง เป็นคนกล้า เป็นคนใจถึง มีความคิดที่ดี แต่หากต้องการประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แบบสุดๆ คนๆนั้นจำเป็นจะต้องมีใจที่กล้าแบบชนิดที่บ้าหรือคิดแตกต่างจากคนโดยทั่วไป กล้าแหกคอกประเพณี อีกทั้งต้องกล้าที่จะสร้างสิ่งใหม่ๆในวงการของตน
Steve Jobs หรือ สตีฟ จอบส์ เป็นตัวอย่างที่ดี เขาก่อตั้งบริษัท Apple กับเพื่อนโดยใช้โรงรถเล็กๆ ที่บ้านของเขา ต่อมาบริษัท Apple ได้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จนกระทั้งปี 1985 Steve Jobs ถูกไล่ออกจากบริษัท Apple ซึ่งตนเป็นผู้ก่อตั้ง เขาได้รับเงินชดเชยเป็นจำนวน 150 ล้านเหรียญ เขาปวดใจ เขาเสียใจมากต่อเหตุการณ์ครั้งนั้น และถ้าเป็นคนอื่นๆโดยทั่วไปก็คงไม่คิดอะไรมาก คงนำเงิน 150 ล้านเหรียญ ไปใช้จ่ายอย่างสบาย
แต่ Steve Jobs กับมีความคิดที่ตรงกันข้าม เขาเริ่มต้นธุรกิจใหม่อีกครั้ง โดยก่อตั้งบริษัท NeXT พร้อมทั้งดึงทีมงานที่ทำงานรู้ใจในบริษัท Apple ออกมาทำงานด้วยอีก 6 คน เพื่อจะผลิตคอมพิวเตอร์ที่มีเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ ที่ทันสมัยกว่า เพื่อนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆแก่ตลาดให้ได้ดีกว่าบริษัท Apple ผลคือ ผลประกอบการของ NeXT แทบไปไม่รอด
ด้วยความใจโต ใจใหญ่ และไม่ยอมแพ้ของเขา เขาใช้เงินลงทุนอีกเพื่อซื้อบริษัทที่ทำธุรกิจด้าน Computer animation ซึ่งบริษัทนี้ เคยทำภาพยนตร์เรื่อง Star War โดยเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Pixar แล้วผลิตภาพยนตร์ดังระดับโลก เช่น Finding Nemo , Toy story เป็นต้น
ส่วน NeXT เขาให้ผลิต Software แทนที่การผลิตคอมพิวเตอร์ ผลคือ NeXT เป็นบริษัทชั้นนำของอเมริกา จนบริษัท Apple ต้องซื้อหุ้นจาก NeXT แล้วเชิญ Steve Jobs กลับเข้าไปเป็น CEO ของ Apple อีกครั้งหนึ่งในปี 1996
Donald John Trump หรือ โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ เป็นนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลของอเมริกาคนหนึ่ง เขาเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ จนต้นปี 1990 เขาประสบปัญหาทางด้านการเงินจนถึงขั้นเกือบล้มละลาย แต่ด้วยความใจโต ใจใหญ่และความไม่ยอมแพ้ของเขา เขากลับขึ้นมายิ่งใหญ่กว่าเดิม แล้วขยายธุรกิจไปยังธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย เช่น กีฬา, เกมส์,คาสิโน , อุตสหกรรมการบิน , ศูนย์การค้า , ผู้ดำเนินรายการทางโทรทัศน์จากรายการทีวีซีรีส์ดิแอพเพรนติสแล้วเขาเข้าไปถือหุ้นกับเอ็นบีซี , เจ้าของกิจการการประกวดนางงามจักรวาล ฯลฯ
พระธรรมโกศาจารย์ หรือ ท่านพุทธทาส บวชเมื่ออายุ 20 ปี หลังบวชได้ 10 วัน ท่านได้มีโอกาสเทศน์ ท่านปฏิวัติการเทศน์ใหม่โดยแทนที่จะอ่านจากคัมภีร์ใบลานอย่างเดียว ท่านได้นำเนื้อหามาขยายความ ทำให้เข้าใจง่ายและสนุก จากนั้นท่านเดินทางไปศึกษาพระธรรมต่อที่กรุงเทพมหานคร ได้เปรียญธรรม 3 ประโยค แต่ท่านพุทธทาสเห็นว่าสังคมพุทธในขณะนั้นบิดเบือนไปมาก ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงหัวใจของพุทธศาสนา ด้วยความใจใหญ่ กล้าคิดที่ไม่เหมือนพระโดยทั่วไปในขณะนั้น ท่านจึงกลับไปปฏิบัติธรรมที่อำเภอไชยา โดยมีวิธีการปฏิบัติธรรมตามที่ท่านเชื่อมั่นในแนวทางของท่านเอง จนได้ก่อตั้ง สวนโมกขพลาราม ในปี 2475
สำหรับผลงานของท่านมีมากมาย เช่น จัดตั้งสถานปฏิบัติธรรม , สวนโมกข์นานาชาติ , ผลงานหนังสือจำนวนมากผลงานหนังสือที่เด่นคือ คู่มือมนุษย์ , ตามรอยพระอรหันต์ ฯลฯ , ปาฐกถาธรรม ต่างๆ เป็นต้น
ดังนั้น หากท่านต้องการประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ไม่ว่าในวงการใด ทางใด ความมีใจโต ใจใหญ่และไม่ยอมแพ้ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะบางคนตัวโต มีปัญญามาก แต่มีใจเท่าหัวไม้ขีดไฟ ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้
...
  
ไม่มีข้ออ้างสำหรับความสำเร็จ
ความสำเร็จไม่มีข้ออ้าง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนจำนวนมากที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตมักมีข้ออ้างต่างๆมากมาย ซึ่งข้ออ้างต่างๆ มักจะทำให้ตนเองจะได้ไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคิด การกระทำ เช่น ข้ออ้างฉันไม่มีวันประสบความสำเร็จเนื่องมาจาก อายุมากแล้ว , ร่างกายไม่สมประกอบ , หน้าตาไม่ดี , เป็นคนต่างจังหวัดคงสู้คนกรุงเทพฯไม่ได้ , การศึกษาไม่สูง , ไม่มีเวลา , เกิดมายากจน ฯลฯ
แต่แท้ที่จริงแล้ว ข้ออ้างดังกล่าว เป็นเพียงสิ่งที่เราคิดปรุงแต่งไปเอง ความคิดของคนที่ไม่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักคิดในทางลบมากกว่าคิดในทางบวก อีกทั้งในความเป็นจริง บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักจะไม่มีข้ออ้างดังกล่าว เช่น
- ข้ออ้างเรื่องอายุมากแล้ว ผู้พันฮาร์แลนด์ ดี.แซนเดอร์ส์ เจ้าของไก่ทอด เคนตั๊กกี้ อายุตั้ง 66 ปี แล้วพึ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ อีกทั้งชีวิตในอดีต เขาพบความล้มเหลวมาตลอดชีวิต ทั้งนี้หากผู้พันฮาร์แลนด์ ดี.แซนเดอร์ส์ คิดว่าตนเอง อายุมากแล้ว พวกเราคงไม่ได้รับประทานไก่ทอดที่อร่อยและคนรู้จักไปทั่วโลกในขณะนี้
- ข้ออ้างเรื่องร่างกายไม่สมประกอบ นิค วูจิซิค คนพิการหัวใจสู้ เขาเกิดมาไม่มีมือ มีแขน ขา ทั้งสองข้าง แต่เขาก็สามารถดำรงชีวิตได้เหมือนกับคนโดยปกติ อีกทั้งยังสามารถทำอะไรอีกหลายอย่าง บางอย่างคนปกติที่ไม่มีความพิการ ก็ไม่สามารถทำได้ เช่น การว่ายน้ำ , การพูดต่อหน้าที่ชุมชน ฯลฯ ปัจจุบันเขาเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนไปทั่วโลก
- ข้ออ้างเรื่อง หน้าตาไม่ดี หลายท่านอยากเป็นดารา นักร้อง นักแสดง แต่มีข้ออ้างให้กับตนเอง แต่ความเป็นจริงแล้ว ในยุคปัจจุบัน คนหน้าตาไม่ดี เป็น ดารา นักร้อง นักแสดง กันมากมาย ดังที่เราจะเห็นได้ตามสื่อต่างๆ
- ข้ออ้างเรื่อง เป็นคนต่างจังหวัดคงสู้คนกรุงเทพฯไม่ได้ ข้ออ้างนี้ เป็นปมด้อยของคนต่างจังหวัดหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา วิทยากร นักร้อง นักแสดง ฯลฯ แต่ความจริงแล้ว มันเป็นเพียงแค่ความคิด คนต่างจังหวัดที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีความสามารถ มีตั้งมากมาย บางคนมีความสามารถและประสบความสำเร็จมากกว่าคนกรุงเทพฯ อีกต่างหาก
- ข้ออ้างเรื่องการศึกษาไม่สูง เป็นข้ออ้างสำหรับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จบางกลุ่ม แต่ในโลกปัจจุบัน คนที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ บางคนยังไม่จบปริญญาตรีด้วยซ้ำไป แต่มีความสามารถจ้าง คนที่จบปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก ทำงานให้ เช่น สตีฟ จอบส์ , บิล เกตต์ , เฉินหลง ฯลฯ
- ข้ออ้างเรื่องไม่มีเวลา คนเรามีเวลาเท่ากันคือ 24 ชั่วโมง บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เขาสามารถทำอะไรได้ตั้งมากมาย ซึ่งแตกต่างกับบุคคลที่ล้มเหลว มักมีข้ออ้างเรื่องไม่มีเวลา เมื่อผู้ที่ประสบความสำเร็จเขาสามารถบริหารเวลาได้ เราทุกคนก็ต้องสามารถบริหารเวลาได้เช่นกัน
- ข้ออ้างเรื่องเกิดมายากจน เป็นข้ออ้างของคนส่วนใหญ่ ที่ต้องการความร่ำรวย แต่ตนเองไม่ได้เกิดมาในตระกูลที่พ่อแม่ร่ำรวย แต่ในความเป็นจริง หากว่าพวกเราได้มีโอกาสอ่านประวัติของเศรษฐี มหาเศรษฐี เราจะพบว่า มหาเศรษฐีจำนวนมาก เกิดมาก็ไม่ได้เกิดในตระกูลที่ร่ำรวย หากแต่เขามาสร้างเนื้อสร้างตัวในภายหลัง
และยังมีข้ออ้างอีกตั้งมากมาย ซึ่งข้ออ้างต่างๆ มีเหตุผล ประกอบร้อยแปด ซึ่งเหตุผลดังกล่าวเป็นเหตุผล
ส่วนตัวของบุคคลที่ไม่ประสบความสำเร็จ ในการใช้อ้าง เพื่อที่หาความชอบธรรมให้แก่ตนเอง ดังนั้น หากท่านต้องการประสบความสำเร็จ ท่านต้องปราศจากข้ออ้างใดๆ ท่านต้องมีเป้าหมายชัดเจน ท่านต้องลงมือกระทำเพื่อไปสู่เป้าหมายอย่างจริงจัง และท่านต้องมีพัฒนาปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ




...
  
Change Management
Change Management
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
มนุษย์หรือองค์กรต่างๆ มักกลัวการเปลี่ยนแปลง แต่มนุษย์และองค์กรต่างๆ จะเจริญก้าวหน้าก็ด้วยเพราะการเปลี่ยนแปลง
Change Management หรือ การบริหารการเปลี่ยนแปลง มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการทำงานยุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการทำงานในภาครัฐ หรือ ภาคเอกชน เพราะโลกยุคปัจจุบันเป็นโลกยุคของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน
Kodak เป็นตัวอย่างที่ดีในการวัดความสามารถในการบริหารการเปลี่ยนแปลง เพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดของผู้บริหารระดับสูงอาจทำให้บริษัท องค์กร พ่ายแพ้คู่แข่งขัน หรือ บางครั้งอาจถึงกับต้องออกจากสนามการแข่งขันไปเลยก็มี
Kodak ในอดีตคือผู้นำอันดับหนึ่งในวงการการถ่ายภาพ จนกระทั่งถูกท้าทายการเป็นผู้นำจากฟูจิ และได้ศูนย์เสียความเป็นผู้นำ อีกทั้งถูกแบ่งส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างมหาศาล ต่อมา กล้องมีการเปลี่ยนเป็นระบบถ่ายภาพแบบ Digital มากขึ้น แล้ว Kodak จะทำอย่างไรครับ ท่านผู้อ่าน
Kodak มีการบริหารการเปลี่ยนแปลงช้ามาก จนทำให้หุ้น Kodak ตกไปยังมาก อีกทั้งยังต้องขาดทุน Kodak แก้ปัญหาอย่างไร Kodak แก้ปัญหาโดยการปลดพนักงานออกเกือบ 20,000 คน
ต่อมาการเจริญเติบโตของกล้องระบบ Digital มีการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้ฟิลม์ธรรมดาของ Kodak มียอดขายลดลง Kodak แก้ปัญหาอย่างไรครับ Kodak แก้ปัญหาด้วยการลดราคาฟิลม์ลงอีก 60-70 % ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ยอดขายฟิลม์ธรรมดาตกเป็นอันมาก CEO ของ Kodak รับผิดชอบด้วยการลาออก (George Fisher)
จะเห็นได้ว่า Kodak มีการปรับตัวช้ามาก เมื่อเปรียบเทียบกับการแข่งขันในตลาดขณะนั้น ผู้บริหารมีการตัดสินใจที่ช้าและผิดพลาดต่อการเปลี่ยนแปลง แทนที่จะเล็งเห็นว่ากล้อง Digital มีแนวโน้มและเจริญเติบโตเร็ว กลับไม่ยอมพัฒนา กลับไปให้ความสำคัญกับสินค้าเดิมๆ คือ ฟิลม์ธรรมดา จนในที่สุด Kodak ต่อพ่ายแพ้ต่อคู่แข่งขันในที่สุด
Apple นำโดย Steve Jobs เป็น CEO เป็นตัวอย่างที่ดีของการบริหารการเปลี่ยนแปลง Steve Jobs ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์โดยการออกนวัตกรรมใหม่ๆ เสมอ หรือที่เราได้รู้จักและสัมผัสคือ สินค้าตระกูล I (iPod ,iPhone ,iPad )
สำหรับ Steve Jobs เคยให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวครั้งหนึ่งว่า เขาไม่ให้ความสำคัญต่อการวิจัยตลาด เพราะลูกค้าไม่รู้หรอกว่าเขาต้องการอะไร อีกทั้งเขายังยกตัวอย่างเรื่องราวของ Henry Ford ผู้สร้างรถยนต์คันแรกของโลก ว่าหาก Henry Ford ไปทำวิจัยตลาดว่าลูกค้าชอบพาหนะอย่างไร ลูกค้าก็คงตอบว่า ชอบพาหนะที่แข็งแรง ทนทาน และนำพาไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว Henry Ford ก็คงต้องสร้าง รถม้าที่แข็งแรง ทนทาน เพื่อให้ม้าได้วิ่งได้เร็วขึ้นเพราะสมัยนั้นมีแต่การใช้ม้า ช้าง วัว ควาย เพื่อใช้บรรทุกของและนำพามนุษย์เราไปยังสถานทีต่างๆ แต่ Henry Ford ไม่ได้ทำการวิจัยตลาด จึงได้สร้างรถยนต์คันแรกของโลกขึ้น
Steve Jobs จึงเป็นบุคคลหนึ่งที่มีความกล้าที่จะเสี่ยง และจัดทีมงานให้บริษัท Apple สร้างสินค้าใหม่ๆ ขึ้นมาแทนที่จะรอคอยการเปลี่ยนแปลง แต่ Steve Jobs นำพาบริษัท Apple เปลี่ยนแปลงก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นเสียอีก
ดังเราจะเห็นได้ว่า Sony Walkman เป็นผู้นำตลาด แต่ตอนนี้ Sony Walkman เงียบหายไปไหน แต่ iPod กลับเป็นผู้นำตลาด
ดังนั้น การบริหารการเปลี่ยนแปลง หรือ Change Management จึงมีความสำคัญมากต่อองค์กร หน่วยงาน บริษัท รวมทั้งตัวของบุคคล
จงเปลี่ยนแปลง องค์กร หน่วยงาน บริษัท และตัวท่าน ก่อนที่การเปลี่ยนแปลงจะมาถึง
...
  
3 H กับ การทำงาน
3 H กับ การทำงาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การทำงานอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ เราสามารถนำสูตร 3H มาใช้ได้ 3H ในที่นี้ได้แก่
1.HEART คือ การทำงานด้วยหัวใจ เป็นการทำงานในสิ่งที่เรารัก เราชอบ การรักในอาชีพหรืองานที่เราชอบจะทำให้เราทำงานได้ดี ได้นาน อีกทั้งยังได้รับความสนุกสนานในงานที่เราทำอีกด้วย บุคคลที่ประสบความสำเร็จเกือบทุกคนมักเลือกทำงานในสิ่งที่ตนเองรัก เช่น สตีฟ จอบส์ ชอบคอมพิวเตอร์ , สมคิด ลวางกูร ชอบเขียน เป็นต้น
2.HEAD คือ การทำงานด้วยหัว การทำงานด้วยหัวจะทำให้เราได้รับผลิตมากกว่าการทำงานด้วยแรงกาย เพราะการทำงานด้วยหัว เรามักใช้สมองในการคิด เช่น คิดสร้างสรรค์สินค้าใหม่ๆ , คิดแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจากการทำงาน, คิด จินตนาการ ฝัน ถึงเป้าหมายในอนาคตที่เราต้องการ
3.HAND คือ การลงมือทำ สิ่งต่างๆที่เรารัก เราชอบ เราฝัน เราจินตนาการ เราสร้างสรรค์ จะไม่เกิดขึ้นหรือเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาไม่ได้เลย หากว่าบุคคลนั้นไม่ยอมที่จะลงมือทำ จงลงมือทำแล้วท่านจะประสบความสำเร็จ
3 H จึงเป็นสูตรที่ช่วยให้เกิดความสุขและเกิดประสิทธิภาพขึ้นในการทำงาน หากว่าใครนำไปประยุกต์ใช้ ก็จะพบแต่ความสำเร็จในการทำงาน
...
  
กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์องค์กร
วันที่ 26-27 พฤษภาคม 2554 ร่วมอบรม " กลยุทธ์ประชาสัมพันฃ ...
  
กฎ 20/80 ของพาเรโท
กฎ 20/80 ของพาเรโท
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
กฎ 20/80 ถูกคิดค้นขึ้นโดย วิลเฟรโด พาเรโท ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาเลี่ยน เมื่อปี 1895 โดยขณะนั้นเขากำลังทำวิจัยเพื่อค้นคว้าหาสูตร การกระจายความมั่งคั่งในประเทศอิตาลี เขาค้นพบว่า บุคคลที่ได้ชื่อว่ามั่งคั่งมีจำนวนแค่ 20 % ของประชากร แต่มีทรัพย์สินเงินทองถึง 80 %
ต่อมา Dr Juran นักคิดทางด้าน Quality Management ได้นำหลักการนี้ไปใช้แล้วได้ผลเป็นอย่างดี จึงได้เรียกว่า “กฎ 80/20 ” หรือ กฎของพาเรโท อีกทั้งมีนักวิชาการจำนวนมากได้พิสูจน์ ทดลองแล้วยืนยันว่า กฎ 20/80 ของพาเรโท นั้นสามารถนำเอาไปใช้ได้ โดยมีการอธิบายเพิ่มเติมดังนี้
80 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้หรือยอดขายทั้งหมดของบางบริษัท เกิดจากสินค้าจำนวนแค่ 20 เปอร์เซ็นต์
80 เปอร์เซ็นต์ ของยอดขาย มาจากพนักงานขายแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ในทางกลับกัน
80 เปอร์เซ็นต์ ของพนักงานขาย สร้างยอดขายได้เพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
80 เปอร์เซ็นต์ ของปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงเรียน เกิดจากนักเรียนเพียงจำนวน 20 เปอร์เซ็นต์
80 เปอร์เซ็นต์ ของยอดการสั่งซื้อทั้งหมดนั้นมาจากลูกค้ารายใหญ่เพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์
80 เปอร์เซ็นต์ ของเสื้อผ้าที่เรามีอยู่ เรามักไม่ได้สวมใส่ แต่ในทางกลับกันเราใส่แค่เสื้อผ้าอยู่จำนวน 20 เปอร์เซ็นต์
80 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนที่เรารับโทรศัพท์ มักมาจากกลุ่มคนที่โทรศัพท์เข้ามาเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์
80 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนที่ดินทั้งหมด มักถือครองโดยคนส่วนน้อยเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์
80 เปอร์เซ็นต์ ของรางวัลในการแข่งขันประเภทต่างๆ เช่น กีฬา ดนตรี ประกวดร้องเพลง มักเป็นของคนเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์
80 เปอร์เซ็นต์ของเวลาในการทำงานแต่ละวัน เราได้ผลลัพธ์เพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์
การประยุกต์ กฎ 20/80 ของพาเรโท จึงมีความสำคัญเพราะกฎนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การบริหารเวลา , การบริหารลูกค้า , การบริหารสินค้าคงคลัง , การบริหารธุรกิจ , การพัฒนาตนเอง เป็นต้น
เช่น
- หากเราพบว่า สินค้าแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ หรือ สินค้าแค่ 2 ใน 10 เป็นสินค้าที่ขายดี เราจะทำอย่างไรถึงจะช่วย
ส่งเสริม พัฒนา ให้สินค้า 20 เปอร์เซ็นต์ หรือ 2 ใน 10 ชิ้น นั้น ให้เกิดการขายดียิ่งขึ้นหรือทำกำไรให้ได้ดียิ่งขึ้น
- หากเราพบว่า มีลูกค้ารายใหญ่เพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าทั้งหมด สั่งซื้อสินค้าถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เราจะ
ทำอย่างไรกับลูกค้ารายใหญ่นั้น เพื่อเพิ่มยอดการสั่งซื้อให้มากขึ้นอีก
ดังนั้น จงให้ความสำคัญกับ 20 เปอร์เซ็นต์ ที่มีคุณค่าสูงของการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะทำให้ท่านได้ผลลัพธ์มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แล้วท่านก็จะความประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น







...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.