หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  
  -  ขายปลุกพลังชีวิต
  -  ระบบ P.K.S.C กับนักขาย
  -  อิทธิบาท 4 สู่ความสำเร็จในงานขาย
  -  ความสำเร็จของนักขาย
  -  การพูดเพื่อขาย
  -  กล้าเสี่ยงและลองทำสิ่งใหม่ๆแล้วท่านจะเป็นผู้ชนะ
  -  การจัดประชุมทีมในธุรกิจเครือข่าย
  -  การขายทางโทรศัพท์
  -  การจัดการเวลา
  -  การสร้างชื่อให้เป็นที่ยอมรับของตลาด
  -  เหนือคู่แข่งด้วยการบริการ
  -  ข้อห้ามสำหรับเจ้าหน้าที่ในการจัดการแสดงสินค้า
  -  ความสำเร็จเริ่มต้นที่ความกล้า
  -  นิสัยความสำเร็จ...สำคัญกว่าทำก่อน
  -  Brand Experience
  -  คิดต่าง
  -  การส่งเสริมการตลาดแบบกองโจร
  -  ครบเครื่องเรื่องการสื่อสารการตลาด
  -  การตลาดขั้นเทพ
  -  แนวความคิดทางการตลาด ยิ่งให้ยิ่งได้ ของมหาเศรษฐีโลก
  -  สามก๊กกับกลยุทธ์การตลาด
  -  Digital Marketing for SME
  -  การตลาดของมหาเศรษฐี
  -  แนวคิดเกี่ยวกับเวลา
  -  Marketing 3.0
  -  ธรรมชาติของงานบริการ
  -  ชนะใจลูกค้าด้วยการบริการ
  -  อาวุธทางการตลาดคือการสร้างไอเดีย
  -  กลยุทธ์การตลาด 10 P สำหรับนักธุรกิจ
  -  Marketing Environment
  -  การสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ทางด้านการตลาด
  -  Attraction Marketing การตลาดแบบดึงดูด
  -  สู่ความเป็นสุดยอด...นักการตลาดมือทอง....
  -  เทคนิคในการสร้างนวัตกรรมและคิดสร้างสรรค์ทางด้านการตลาด
  -  นวัตกรรมและการสร้างสรรค์ทางด้านการตลาด
  -  คุณสมบัตินักขายมืออาชีพ
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
การสร้างชื่อให้เป็นที่ยอมรับของตลาด
สร้างชื่อให้ตลาดยอมรับ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับ มีความสำคัญมากต่อการขายสินค้าหรือบริการ สินค้าหรือบริการ ที่มีชื่อเสียงมักเป็นที่ยอมรับของตลาด อีกทั้งมีการตั้งราคาที่แพงกว่าสินค้าที่ไม่เป็นที่ยอมรับของตลาด ปัจจุบันกระผมมีอาชีพวิทยากร หากว่าวิทยากรท่านใดไม่เป็นที่รู้จักของตลาด คุณคิดว่าจะมีใครอยากไปฟังไหม แต่ตรงกันข้าม หากวิทยากรผู้นั้นมีชื่อเสียงระดับประเทศ ผู้ฟังมักอยากที่จะติดตามฟัง
เมื่อเราทราบอย่างนี้แล้ว จึงไม่ต้องแปลกใจที่พวกเรามักจะเห็น สินค้า ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จำนวนมาก เมื่อเข้าสู่ตลาดมักจะต้องมีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ทางสื่อต่างๆ เพื่อให้เป็นที่รู้จักของลูกค้าหรือผู้บริโภค เช่น โฆษณาทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ
ฉะนั้นการจัดงบประมาณทางด้านโฆษณาและประชาสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นจะต้องมี อีกทั้งการสร้างภาพพจน์ขึ้นในใจผู้บริโภคเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการสะสม และต้องทำอย่างต่อเนื่อง
เป๊ปซี่และโคคาโคลา เป็นตัวอย่างได้เป็นอย่างดี ในเรื่องของการโฆษณา พวกเราต้องยอมรับว่า เป๊ปซี่และโคลาโคลา มีประโยชน์น้อยกว่า น้ำส้มคั้น แต่ก็ด้วยการโฆษณา จึงทำให้ เป๊ปซี่และโคคาโคลา เป็นที่ยอมรับของตลาด และสามารถขายสินค้าได้แพงกว่าน้ำสั้นคั้นที่ไม่เป็นที่ยอมรับของตลาดเสียอีก
ROLEX หรือ โรเล็กซ์ กลายเป็นนาฬิการาคาแพงและขายดีที่สุด ปัจจัยที่ทำให้มีราคาแพงและขายดีไม่ได้เกิดจากเรื่องของคุณภาพอย่างเดียว แต่หมายถึงการสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับอีกด้วย
STARBUCKS COFFEE หรือ สตาร์บัคส์ เป็นร้านกาแฟที่มีกาแฟรสชาติต่างกันถึง 40 ชนิด และสามารถขายได้ในราคาสูงเมื่อเปรียบเทียบกับกาแฟโดยทั่วไป ก็เพราะว่าสตาร์บัคส์ สามารถสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับได้นั้นเอง
การสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับในยุคปัจจุบันจึงมักนำเอาการตลาดเข้ามาใช้ในทุกๆวงการ ไม่ว่าจะเป็น วงการค้าขาย วงการศาสนา วงการเมือง วงการการศึกษา ฯลฯ
การสื่อสารทางการตลาดหรือ Integrated Markering Comunication(IMC)จึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับในยุคปัจจุบัน ซึ่ง IMC จะเป็นกระบวนการในการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยใช้เครื่องมือการตลาดหลายๆ อย่างผสมกัน เช่น การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย การขายโดยพนักงานขาย การจัดแสดงสินค้า การใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิคส์ การสัมมนา ฯลฯ
ไม่ว่าคุณจะขายอะไร ไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพอะไร คุณมีความจำเป็นจะต้องสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับในด้านของตัวบุคคล ของบริษัท ของหน่วยงาน ขององค์กร หากคุณสามารถสร้างขึ้นมาได้คุณก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือ ความศรัทธา รายได้เงินทอง โอกาส
ดังตัวอย่างเช่น หากท่านต้องการซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค ท่านจะเข้าไปซื้อที่ร้าน 7-11 หรือ ณ ร้านโชว์หวย กระผมเชื่อแน่ว่า คนส่วนใหญ่มักอยากจะซื้อที่ร้าน 7-11 เพราะมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของตลาดมากกว่า
ฉะนั้น หากว่าท่านต้องการมีรายได้มากขึ้น มีกำไรมากขึ้น มียอดขายมากขึ้น มีลูกค้ารู้จักมากขึ้น ท่านจำเป็นจะต้องสร้างชื่อให้ตลาดยอมรับ


...
  
เหนือคู่แข่งด้วยการบริการ
เหนือคู่แข่งด้วยการบริการ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ในยุคนี้ การแข่งขันเพื่อแย่งชิงลูกค้ามีความรุนแรงมากเมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต คุณภาพของสินค้ามีความใกล้เคียงกัน แผนการตลาดมีความใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สามารถทำให้เกิดความแตกต่างกันได้ก็คืองานด้านบริการนั่นเอง ดังคำแนะนำของ ปรมาจารย์ด้านการจัดการสมัยใหม่ ปีเตอร์ ดรักเกอร์ แนะนำว่า อาวุธของการจัดการงานบริหารสมัยใหม่ คือ การบริการที่เป็นเลิศ
เพราะหากบริการลูกค้าไม่ดีลูกค้าไม่พอใจ 1 คน มักจะเกิดการบอกต่ออีก 67 คน ลูกค้าจึงมีความสำคัญมากดังคำกล่าวของ มหาตมะ คานธี กล่าวไว้ว่า “ ลูกค้าคือบุคคลที่สำคัญที่สุด ที่มาเยือนเราในสถานที่นี้ เขามิได้พึ่งเรา เราต่างหากที่จำเป็นต้องพึ่งเขา เขามิได้มาขัดจังหวะการทำงานของเรา หากแต่การรับใช้เขา คือ วัตถุประสงค์ของงานของเรา เขามิใช่บุคคลภายนอก แต่เขาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจของเราทีเดียว ในการรับใช้เขานั้น เรามิได้ช่วยอะไรเขาเลย เขาต่างหากเป็นฝ่ายช่วยเหลือเรา โดยให้โอกาสแก่เรา ที่จะได้รับใช้เขา ”
ทุกธุรกิจต้องมีงานบริการ เมื่อทราบถึงความสำคัญของงานบริการแล้ว ถามว่าแล้วจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและบริการให้อยู่เหนือคู่แข่ง มีงานวิจัยชิ้นสำคัญกล่าวว่า การสร้างความประทับใจต่อลูกค้า มีดังนี้
1.พูดจาสุภาพ ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความกระตือรือร้นในการบริการ
2.บริการด้วยความรวดเร็ว แม่นยำและถูกต้อง
3.บริการเป็นกันเองเสมือนหนึ่งเป็นญาติ
4.พนักงานมีบุคลิกภาพดี มีอัธยาศัยใจคอที่ดี ให้การต้อนรับที่ดี
Service Mind ต้องอยู่ในหัวใจของพนักงาน หากว่าคุณเคยเข้าไปซื้อของที่ร้านขายของชำตามตลาด หากคนขาย พูดจาไม่สุภาพ ไม่ยิ้มแย้ม หน้าบึ้งตึงตลอดเวลา ทำเสมือนหนึ่งว่าคุณกำลังมารบกวน คุณจะรู้สึกอย่างไร แต่หากว่าคุณเข้าไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 พนักงานยิ้มแย้ม พูดจาสุภาพ คุณจะรู้สึกอย่างไร
หากว่าคุณได้สัมผัสกับคนขายในร้านขายของชำ คุณคงไม่รู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเมื่อเข้าไปใช้บริการในร้าน เหมือนกับการใช้บริการในร้านสะดวกซื้อ 7-11 และเช่นกันหากว่าคุณกำลังทำธุรกิจอยู่คุณคงไม่อยากให้ลูกค้ามีความรู้สึกที่ไม่ประทับใจเช่นนั้นกับธุรกิจของคุณ
Seveic Mind หรือการสร้างหัวใจนักบริการที่ดี จึงเป็นสิ่งที่คุณควรปลูกฝังและสร้างมันให้เกิดขึ้นในองค์กรธุรกิจของคุณ ส่วนใหญ่บริษัท องค์กรธุรกิจมักจะสร้างขึ้นด้วยการฝึกอบรมพนักงาน ถึงแม้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากก็ตาม แต่ผลที่ได้กลับคืนมาคุ้มกว่าค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปเป็นอันมาก
อีกทั้งแนวโน้มของธุรกิจบริการในประเทศที่พัฒนาแล้วมีแนวโน้มที่มากขึ้นเพราะประเทศพัฒนาแล้วได้ลดกำลังการผลิตลง แต่ไปเพิ่มในส่วนของธุรกิจการบริการมากขึ้น เช่น
GE (เจเนอรัลอิเล็กทริก) เดิมทำธุรกิจผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล ปัจจุบันหันมาทำธุรกิจด้านบริการทางการเงิน คือ GE Capital ซึ่งมีสาขาทั่วโลก อีกทั้งทำกำไรได้มากกว่าการผลิตเครื่องจักร ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เสียอีก
IBM เมื่อก่อนผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์เป็นอันดับ 1 ของโลก ปัจจุบันได้ขายธุรกิจการผลิตคอมพิวเตอร์ทั้งหมดแล้วหันมาทำธุรกิจบริการ เช่น การพัฒนาซอฟแวร์ การให้คำปรึกษาในการวางระบบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
ดังนั้นแนวโน้มของธุรกิจการบริการเป็นแนวโน้มที่ดีมากๆในอนาคต อีกทั้งในยุคปัจจุบัน หากองค์กรใด หน่วยงานใด มีการบริการที่ดีและเหนือกว่าคู่แข่งขัน ย่อมสร้างความได้เปรียบ ความเป็นต่ออย่างมากในการทำธุรกิจ

...
  
ข้อห้ามสำหรับเจ้าหน้าที่ในการจัดการแสดงสินค้า
ข้อห้ามสำหรับเจ้าหน้าที่ในการจัดการแสดงสินค้า
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การจัดการแสดงสินค้า การออกบูธแสดงสินค้า การออกงานนิทรรศการต่างๆ คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ พนักงานประจำบูธหน้าร้าน มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อภาพลักษณ์ขององค์กร ของสถาบัน ของหน่วยงาน และมีความสำคัญเป็นอันมากต่อการจัดงานแสดงสินค้าในครั้งนั้นๆ ซึ่งในตอนนี้เราจะมาพูดเรื่อง ข้อห้ามสำหรับพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ในการจัดการแสดงสินค้า คือ
1.Don’t Sit คือ ห้ามนั่ง การนั่งทำงานหรือนั่งประจำหน้าร้านที่จัดการแสดงสินค้า บูธขายสินค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ไม่มีความกระตือรือร้น ขี้เกียจ อีกทั้งลูกค้ามีความรู้สึกว่าไม่อยากรบกวนและอาจเข้าใจว่า พนักงาน เจ้าหน้าที่ รู้สึกเหนื่อย อยากที่จะนั่งพักผ่อน ดังนั้น การยืนประจำหน้าร้านการจัดการแสดงสินค้า จึงดีกว่าการนั่ง ยิ่งในวันที่มีคนเดินไปเดินมามาก พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ควรยืนเรียกหรือเชิญชวนให้ผู้มาชม เข้ามาทดลองใช้สินค้า หรือรู้จักตัวสินค้า ในทางจิตวิทยา การยืนจะทำให้เกิดการกระตือรือร้นมากกว่าการนั่ง
2.Don’t Smoke คือ ห้ามสูบบุหรี่ เพราะจะเป็นการรบกวนลูกค้าหรือบุคคลอื่นๆ อีกทั้งการสูบบุหรี่ในยุคสมัยปัจจุบัน สังคมมักจะไม่ให้การยอมรับเหมือนสมัยก่อน ดังจะเห็นได้ว่า สถานที่ต่างๆในปัจจุบัน จะจัดที่สูบบุหรี่ให้สำหรับคนที่สูบบุหรี่ ไม่ให้สูบบุหรี่ในสถานที่ต่างๆ ได้อย่างเสรีและทั่วไปเหมือนในอดีต
3.Don’t Read คือ ห้ามอ่าน การอ่านหนังสือต่างๆ ในขณะที่ทำงานภายในการจัดการแสดงสินค้าหรือการออกบูธแสดงสินค้า เมื่อลูกค้าพบเห็นมักเกิดความไม่ประทับใจในตัวของพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ประจำร้าน ดังนั้น หากต้องการอ่านหนังสือพิมพ์หรืออ่านหนังสือต่างๆ คงต้องเก็บไว้อ่านในตอนที่มีเวลาว่าง หรือในตอนที่มีโอกาสจะเหมาะสมกว่าการนำไปอ่านในการจัดการแสดงสินค้า
4.Don’t Ignore Prospects คือ ห้ามแสดงอาการไม่สนใจลูกค้าหรือผู้ชม บางครั้งลูกค้าหรือผู้ชมอยากจะถามรายละเอียดของตัวสินค้า แต่พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ แสดงท่าที ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ลูกค้าหรือผู้ชม ทำให้ลูกค้าแทนที่จะสั่งซื้อสินค้า กลับต้องเดินผ่านหน้าร้านไปอย่างน่าเสียดาย
5.Don’t Eat คือ ห้ามกิน การนั่งกินหรือยืนกินอาหาร ขนมต่างๆ ในขณะที่ทำหน้าที่อยู่ภายในร้านการจัดแสดงสินค้า ทำให้เกิดความสกปรก เกิดกลิ่น เกิดความไม่สุภาพ เมื่อลูกค้าพบเห็นก็ไม่อยากเข้าไปในร้าน เพราะเห็นเจ้าหน้าที่หรือพนักงานกำลังกินอาหาร ดื่มเครื่องดื่ม จึงไม่กล้าเข้าไปรบกวนพนักงานที่กำลังทานอาหารอยู่ ดังนั้น หากเป็นไปได้ควรไปรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม นอกร้านหรือสถานที่ ที่เขาหรือเจ้าของงานจัดไว้ให้ทานจะเป็นการเหมาะสมกว่า
6.Dont’t Talk on the Telephone คือ ห้ามพูดโทรศัพท์นาน ห้ามพูดเสียงดังหรือขณะที่กำลังติดต่องานกับลูกค้าอยู่ เพราะบางคนพูดโทรศัพท์กับแฟนหรือคู่รัก นานมากภายในร้าน ก็จะทำให้ลูกค้าไม่อยากเข้าไปซักถามตัวสินค้า ดังนั้น ควรใช้โทรศัพท์เท่าที่จำเป็นภายในเวลาทำงาน ภายในร้านที่จัดการแสดงสินค้า
อีกทั้งมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ เช่น ความสะอาด ความเป็นระเบียบ การจัดฉาก การจัดรูปแบบร้าน การนำเสนอของพนักงานเจ้าหน้าที่ สื่อ เอกสารต่างๆที่แจกให้แก่ลูกค้า บุคลิกภาพพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นปัจจัยที่สามารถดึงดูด ให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าภายในร้านได้เช่นกัน

...
  
ความสำเร็จเริ่มต้นที่ความกล้า
ความสำเร็จเริ่มต้นที่ความกล้า
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะอยู่ในแวดวงใด เขามักเริ่มต้นจากความกล้าก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งความกล้าในที่นี้มีหลายประการที่คนประสบความสำเร็จจะต้องกล้าเริ่มต้น คือ
Idea กล้าคิด คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะเป็นคนที่กล้าคิด และคนที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ มักจะคิดอะไรไม่เหมือนคนอื่น เขาเหล่านั้นจะกล้าคิดต่าง คิดแปลก จากคนทั่วไป เช่น
- สมัยอดีต รถยนต์สมัยแรกๆ มักใช้แกนเหล็กหมุนเวลาที่จะสตาร์ทเครื่อง ไม่เหมือนกันปัจจุบันที่สตาร์ทรถยนต์ง่ายๆ ด้วยการใช้มือหมุนกุญแจบิดสตาร์ท เช้าวันหนึ่ง นายชาร์ลส ได้ยืนสตาร์ทรถยนต์ด้วยแกนเหล็กที่หน้าบ้าน แต่ปรากฏว่ากระบอกสูบไม่หมุน นายชาร์ลส จึงออกแรงสะบัดแกนเหล็กเพื่อให้กระบอกสูบหมุนปรากฏว่า แกนเหล็กนั้นไปดีดใส่แขนของเขาจนหัก เขาลงไปนอนข้างล่างกับพื้นด้วยความเจ็บปวด หลังจากนั้น เขาก็กล้าที่จากคิดแตกต่างจากคนอื่นๆ เขาคิดว่าจะทำอย่างไรให้การสตาร์ทรถยนต์ง่ายขึ้น เพราะหากเป็นเช่นนี้ อาจเกิดอุบัติเหตุเหมือนกับเขากับคนอื่นๆได้ จึงเป็นที่มาของการสตาร์ทรถยนต์ ด้วยการใช้กุญแจบิดสตาร์ท นี่ก็เพราะการกล้าคิดของ นายชาร์ลส จึงทำให้พวกเราได้สตาร์ทรถยนต์ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการสตาร์ทรถยนต์อีกด้วย
Imagine กล้าจินตนาการ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวไว้ว่า “ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ” คนปกติธรรมดาในยุคปัจจุบันได้เรียนหนังสือกันเกือบทุกคน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ว่าการทำงาน หน้าที่ สาเหตุหนึ่งเกิดจาก การขาดจินตนาการ คนปกติธรรมดา มักจะทำอะไรเหมือนคนอื่นๆ ไม่กล้าที่จะลองจินตนาการ ไม่กล้าที่จะคิดสร้างสรรค์สิ่งแปลกๆใหม่ๆขึ้นมาในชีวิต
Action กล้าลงมือทำ เมื่อมีความคิดแล้ว มีจินตนาการแล้ว แต่ขาดซึ่งการลงมือทำ สิ่งต่างๆที่คิด ที่จินตนาการก็ไม่สามารถเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ ดังนั้นจงกล้าที่จะลงมือทำ ลงมือปฏิบัติ สิ่งต่างๆจึงจะเกิดขึ้น เหมือนดังที่เราคิดและเราจินตนาการ
Develop กล้าพัฒนา เมื่อลงมือทำไปแล้ว แน่นอนว่าจะต้องเกิดการผิดพลาด บกพร่องในสิ่งที่เราทำ บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักกล้าที่จะพัฒนา กล้าเปลี่ยนแปลง แผนต่างๆที่คิดไว้ ที่จินตนาการไว้ เพื่อให้การทำงานนั้นเกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
Control กล้าที่จะควบคุม คนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากแล้ว มักจะเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ ควบคุมตนเอง อยู่เสมอ เขาจะเป็นคนที่มีวินัยในการทำสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะวินัยในการทำงาน เช่น นักเขียนที่ประสบความสำเร็จเขาจะจัดสรรเวลาในการทำงานเขียน แล้วเขาก็จะลงมือเขียนตามแผนการที่เขาวางไว้ โดยที่ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง ฉะนั้น เขาจึงมีผลงานการเขียนออกมาสู่สายตาผู้อ่านอย่างสม่ำเสมอ
Change กล้าเปลี่ยนแปลง คนเราโดยมากมักไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง แต่คนเราจะเจริญก้าวหน้าก็ด้วยเพราะการเปลี่ยนแปลง หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จท่านต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง แล้วท่านจะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางความคิด เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน
หากว่าท่านมีความกล้าตามข้อความข้างต้น กระผมเชื่อว่า ท่านจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน จงเดินทางเข้าไปหาความสำเร็จ แทนการที่จะนั่งรอความสำเร็จมาหาท่าน หากว่าท่านต้องการไปเที่ยวภูเขาที่สวยงามสักลูก ขอให้ท่านจงเริ่มต้นออกเดินทาง แทนที่ท่านจะนั่งรอ นอนรอ ให้ภูเขาลูกนั้น เคลื่อนตัวมาหาท่าน จงกล้าที่จะเริ่มต้นแล้วท่านจะประสบความสำเร็จ
...
  
นิสัยความสำเร็จ...สำคัญกว่าทำก่อน
นิสัยความสำเร็จ...สำคัญกว่าทำก่อน
โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
นิสัยทำให้เกิดความก้าวหน้า.........
นิสัยทำให้เกิดความสุข................
นิสัยทำให้เกิดความสำเร็จ.................
คนเรามีเวลาเท่ากันคือ 24 ชั่วโมง แต่ทำไมบางคนถึงประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ตรงกันข้าม กับคนเป็นจำนวนมากที่เป็นคนธรรมดาสามัญและไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ถามว่าทำไม????
คำตอบก็คือ คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิตและเขาจะเลือกทำสิ่งที่มีความสำคัญก่อนสิ่งที่ไม่มีความสำคัญ
ดังนั้น บุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จจะต้องมีการตั้งเป้าหมายและก็มีการวางแผน อีกทั้งต้องมีการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง โดยมีการแบ่งเป็นกิจกรรม A B C
A คือ กิจกรรมที่มีความสำคัญหรือมีคุณค่าสูงสุด
B คือ กิจกรรมที่มีความสำคัญหรือคุณค่ารองลงมา
C คือ กิจกรรมที่มีความสำคัญหรือคุณค่าต่ำสุด
หลังจากจัดลำดับแล้ว เราก็จะทราบว่ากิจกรรมใดเป็นกิจกรรม ABC และถ้ากิจกรรมที่มีความสำคัญหรือมีคุณค่าสูงสุด มีจำนวนมากเราก็อาจจะแบ่งเป็น A-1 A-2 A-3 ได้อีก แล้วเราควรเลือกทำกิจกรรม A-1 ก่อนเป็นอันดับแรก ต่อจากนั้นจึงเลือกทำ A-2 แล้ว A-3 ต่อไป
จงเรียนรู้กฎ 20/80 หรือ 80/20 เพราะกฎดังกล่าวจะทำให้เราทราบว่ากิจกรรมใดเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญหรือมีคุณค่าสูงสุดหรือกิจกรรม A
สำหรับการตั้งเป้าหมายเราควรคำนึงถึงสิ่งดังนี้ต่อไปนี้

1.เราต้องรู้ว่าเป้าหมายอะไรที่มีความสำคัญกับชีวิตของเรา
2.เราต้องรู้ว่าเป้าหมายที่เราวางนั้น ตรงกับสิ่งที่เรารักหรือชอบหรือมีความต้องการจริงๆ
3.เราต้องเขียนเป้าหมายที่เราต้องการลงบนกระดาษ
4.เราต้องเขียนวิธีการหรือกระบวนการที่จะพาเราเดินทางเข้าสู่เป้าหมาย
5.ระหว่างการดำเนินการไปตามแผนการที่ได้วางแผนเอาไว้ เราควรตรวจสอบเป็นระยะเพื่อจะได้นำสิ่งที่เราวางแผนมาปรับปรุง แก้ไข เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ท่านผู้อ่านครับ ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ท่านจะตั้งเป้าหมายแล้วเลือกทำกิจกรรมที่มีความสำคัญก่อน เพื่อจะได้ประสบความสำเร็จดังที่ท่านได้หวังไว้ จงลงมือทำ จงลงมือทำและจงลงมือทำ อย่าได้ผลัดวันประกันพรุ่ง แล้วท่านจะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชี
...
  
Brand Experience
Brand Experience
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การสร้าง Brand หรือ แบรนด์ มีความสำคัญอย่างมากต่อการทำการตลาด การขาย การสร้างธุรกิจ เพราะ Brand จะทำให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขันด้านธุรกิจในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคา เรื่องของคุณค่าทางด้านจิตใจ การเชื่อถือการไว้วางใจ จนกระทั้งลูกค้าเกิดการซื้อซ้ำ และเกิดความศรัทธาใน Brand
ตรงกันข้าม ถ้าหากธุรกิจใดไม่สร้าง Brand ไม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของ Brand ธุรกิจนั้น องค์กรนั้น ก็จะเสียเปรียบทางด้านการแข่งขันในระยะยาวได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการกำหนดราคา ลูกค้าไม่มีความเชื่อถือ ไม่ไว้วางใจ และสามารถเปลี่ยนใจไปบริโภค อุปโภค หรือใช้บริการกับสินค้าบริษัทอื่นๆได้ทุกเวลา
ถ้าหากธุรกิจใด ต้องการผลกำไรอย่างยั่งยืน ธุรกิจนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องลงทุนเกี่ยวกับเรื่องของ Brand เช่น เมื่อเราพูดถึงเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม พวกเรามักคิดถึง Brand ยี่ห้ออะไร ถ้าให้ผมตอบ พวกเราก็คงตอบว่า โค้ก หรือ เป็ปซี่ แต่ถ้าไปถามคนทั่วโลกว่าคิดถึง น้ำอัดลมยี่ห้ออะไร คนส่วนใหญ่ทั่วโลกมักจะตอบว่า “ โค้ก” เพราะผลจากการสำรวจมูลค่าของ Brand ของสินค้าและบริการต่างๆทั่วโลก ประจำปี 2555 ของบริษัท Interbrand พบว่า โค้ก หรือ Coca-Cola ยังเป็นแชมป์อันดับหนึ่งของโลก และพวกเราเชื่อไหมครับว่า ถ้าหากบริษัท โค้ก ขาย Brand อย่างเดียวโดยไม่รวมทรัพย์สินอื่นๆ เช่น โรงงาน , ขวดแก้ว , ที่ดินต่างๆ ฯลฯ บริษัท โค้ก จะขาย Brand อย่างเดียวได้มูลค่าถึง 71 พันล้านดอลาร์ (ถ้าอยากทราบว่าเป็นเงินสกุลไทยก็ลองเอา 30 บาทไปคูณ 71 พันล้านดอลาร์ จะได้มูลค่าถึง 2,130,000,000,000 บาท )
และถ้าพูดถึงรองเท้าเรามักจะคิดถึง Nike ร้านกาแฟเรามักคิดถึง Starbucks ร้านอาหารสมัยใหม่เรามักคิดถึง แมคโดนัลด์ อะไรที่ทำให้เราคิดถึง Brand เหล่านี้ก่อน Brand อื่นๆ สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญก็คือ บริษัทเหล่านี้ให้ความสำคัญต่อการสร้าง Brand เป็นอย่างมากนั้นเอง
Brand ก็เหมือนกับคน กล่าวคือ Brand มีวงจรชีวิต มีปฏิสนธิหรือการเริ่มวางแผนสร้าง Brand มีการเกิด หรือมี Brand ออกสู่ตลาด มีการเติบโต แข็งแรงตามวัยต่างๆ วัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงานและวัยชรา แล้วก็ตาย ฉะนั้น หากต้องการให้ Brand แข็งแรง บริษัทต่างๆจำเป็นจะต้องเอาใจใส่ ดูแล ไม่ให้ Brand เกิดการเจ็บป่วยแล้วล้มตาย เพราะถ้าหากบำรุงดูแลรักษาไม่ดี Brand ก็จะทรุดโทรมเร็ว
อีกทั้งควรคำนึงถึงการเพิ่มคุณค่าให้แก่ Brand ก็มีความสำคัญไม่น้อย เช่น การพัฒนาคุณภาพของสินค้า , การเพิ่มความหลากหลายในตัวของสินค้า , บรรจุภัณฑ์ หีบห่อ รูปร่าง รูปทรงต่างๆ , การบริการหลังการขาย , การจัดส่งสินค้าหรือเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย , การสร้างภาพลักษณ์ของ Brand ให้ปรากฏต่อสังคม เป็นต้น
คนคือBrand Brand คือคน การสร้าง Brand ไม่ใช่สร้างได้เฉพาะตัวสินค้าหรือบริการเท่านั้น แต่คนเราก็ถือว่าเป็นสินค้าอย่างหนึ่ง เราก็สามารถสร้าง Brand เพื่อให้คนซื้อตัวเราเองได้เช่นกัน ดังจะสังเกตได้จาก ดารา นักร้อง นักแสดง คนเหล่านี้ก็เปรียบดังสินค้าแต่ละตัว เวลาเขาออกเทป ออกอัลบั้ม จะขายดีไม่ดีคงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เนื้อร้องของเพลง , สีสันรูปแบบปกอัลบั้ม , ราคาที่จำหน่าย ฯลฯ แต่สิ่งที่มีความสำคัญก็คือ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อสินค้า มักชอบในตัวของบุคคลคนนั้นด้วย เช่น ธงไชย แมคอินไตย์ ซุปเปอร์สตาร์ของเมืองไทย เมื่อออกอัลบั้มเพลงมักจะมีแฟนคลับตามซื้อ ก็เนื่องมาจาก ตัวของธงไชย แมคอินไตย์ ได้สร้าง Brand มาอย่างต่อเนื่องและอย่างยาวนาน ซึ่งการสร้าง Brand คนนั้น นับว่ายากกว่าการสร้าง Brand ในตัวของผลิตภัณฑ์อื่นๆ ก็เนื่องจากสินค้าประเภทคน มีความไม่คงที่ ไม่นิ่ง เหมือนสิ่งของต่างๆ ซึ่งการจะสร้าง Brand คนให้ประสบความสำเร็จจำเป็นจะต้องคำนึงถึงบุคลิก นิสัยใจคอของคนด้วย อันได้แก่ การยิ้ม การวางท่าทาง การจับมือ การแต่งตัว การประสานสายตา ฯลฯ ให้มีความสอดคล้องและสร้างเอกลักษณ์ส่วนบุคคลได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องออกมาอย่างคงเส้นคงวา และสม่ำเสมอ จึงจะสามารถสร้าง Brand บุคคลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สำหรับการสร้าง Brand ที่ดี เราไม่ควรลอกเลียนแบบ Brand อื่นๆ หรือ ไม่วางตำแหน่งของ Brand เหมือน Brand อื่นๆ แต่จงสร้างความแตกต่างในตัว Brand ของเรา หรือต้องยอมที่จะลงทุนพัฒนา Brand อย่างต่อเนื่องให้มีความทันสมัยตลอดเวลา ไม่ให้เกิดความล้าสมัยหรือตกยุค
ทำไมหลายบริษัทถึงไม่ให้ความใส่ใจ กับการสร้าง Brand หรือ พัฒนา Brand ทั้งนี้อาจจะมาจากหลายสาเหตุ เช่น ผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญ , ขาดความรู้ด้านการตลาดสมัยใหม่ , ขาดบุคลากรด้านการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญก็คือ ขาดงบประมาณในการใช้จ่ายเพื่อลงทุนสิ่งเหล่านี้ เพราะการสร้าง Brand จำเป็นต้องอาศัยงบประมาณเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ หลายบริษัทจำเป็นจะต้องอัดฉีดงบประมาณเพื่อที่จะโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งต้องอาศัยเงินในการซื้อสื่อต่างๆ อีกทั้งหลายๆ Brand ต้องเสียเงินว่าจ้าง ดาราหรือดีเจหรือผู้ที่มีชื่อเสียงต่างๆมาแนะนำ Brand ในราคาค่าตัวที่สูง
Brand กับ ผู้บริโภค การที่จะผูกใจผู้บริโภคมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง หลายบริษัทพยายาม หาลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม แต่ในขณะเดี๋ยวกัน ลูกค้าหรือผู้บริโภครายเก่าๆ กลับหนีออกไปใช้บริการอื่น ฉะนั้นบริษัทที่ฉลาดมักที่จะให้ความสำคัญกับลูกค้าหรือผู้บริโภค รายเก่าก่อนลูกค้ารายใหม่ เพราะถ้าหากดูแล บริการหลังการขายให้แก่ ลูกค้ารายเก่าได้ดี ลูกค้ารายเก่ามักจะเกิดการซื้อซ้ำ อีกทั้งบริษัทสามารถประหยัดต้นทุนอื่นๆได้อีกมากมาย กว่าการเน้นที่จะช่วงชิงลูกค้ารายใหม่
Brand กับการผันผวนทางเศรษฐกิจ จากสภาวะเศรษฐกิจโลกหรือสภาวะเศรษฐกิจประเทศที่ตกต่ำ มักจะทำให้หลายๆ Brand ต้องล้มหายตายจากไป แต่หลายๆ Brand ก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เนื่องจากโลกปัจจุบันเป็นโลกแห่งการแข่งขัน ซึ่งต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้เกิดความรวดเร็วในเรื่องต่างๆ ดังนั้น ถ้าหากผู้บริหารของบริษัทใดหรือผู้จัดการ Brand ใดไม่เก่งและไม่ยอมปรับตัว Brand นั้นก็จะล้มหายตายจากไปในที่สุด
สรุป การสร้าง Brand และการพัฒนา Brand มีความสำคัญก็จริงอยู่ แต่เราก็ควรให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่นๆด้วย เช่น การวิจัยการตลาด , ต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆของสินค้า , การตั้งราคาขาย , ช่องทางการจัดจำหน่าย , เทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวสนับสนุน ตัวบันทอน การสร้าง Brand ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
...
  
คิดต่าง
Think Different
โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
Think Different หรือ คิดต่าง มีความสำคัญมากๆ สำหรับคนที่ทำงานด้านการตลาด สตีเวน จอบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งแอปเปิลคอมพิวเตอร์หรือ บริษัทแอปเปิล (Apple: Company Co-founder Steve Jobs Has Died) เขาให้ความสำคัญมากๆ เกี่ยวกับการคิดต่าง หรือ Think Different บริษัทถึงกับออกโฆษณาตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับแนวความคิดนี้ และมีคนเคยถามว่า ทำไมเขาให้ความสำคัญเกี่ยวกับการคิดต่างหรือ Think Different แต่มีการวิจัยตลาดหรือการหาความต้องการของลูกค้าน้อยมาก
เขาตอบว่า ในบางครั้งลูกค้าก็ไม่รู้ตัวว่าตนเองต้องการอะไร พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่า สมัยของเฮนรี ฟอร์ด คนเรายังไม่มีรถยนต์ใช้ แต่ใช้ม้า ใช้ช้าง ใช้วัว ใช้เกวียน ในการเดินทาง ถ้าหากเฮนรี ฟอร์ด ทำการวิจัยทางการตลาดว่า ลูกค้ามีความต้องการอะไร ลูกค้ามักจะตอบกลับว่า เขาต้องการม้าที่วิ่งได้ไวที่สุด เขาต้องการเกวียนที่มีประสิทธิภาพที่สามารถบรรทุกของได้เป็นจำนวนมากๆ
และถ้าหากเฮนรี ฟอร์ด สนองความต้องการของลูกค้า รถยนต์คันแรกของโลกก็จะไม่เกิดขึ้น ฉะนั้น สตีเวน จอบส์ จึงให้ความสำคัญกับการคิดที่แตกต่างเป็นอันมาก และ Think Different จึงเป็นวัฒนธรรมหนึ่งของบริษัทแอปเปิล ที่นำเอามาใช้ในองค์กร จนองค์กรคือ บริษัทแอปเปิล ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกและประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยความคิดที่แตกต่างสินค้าตระกูล I จึงได้เกิดขึ้น ( iPhone iPad iPod) ซึ่งมีหลายรุ่น หลายแบบ และหากเราตั้งข้อสังเกตจะเห็นได้ว่า สินค้าบางตัวเป็นสินค้าที่คิดมาก่อนบริษัทอื่นๆ เมื่อออกมาขาย บริษัทบางแห่งถึงกับมีการลอกเลียนแบบสินค้าเพื่อนำไปขาย แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า สตีฟ จอบส์ จะไม่มีการทำการตลาดในตัวสินค้า แต่ตรงกันข้าม เขาจะมีทีมงานการตลาดของบริษัทเอง โดยที่ไม่จ้างนักการตลาดมืออาชีพหรือนักการตลาดที่มีชื่อเสียงมาจากภายนอกแต่จะใช้ทีมงานภายในบริษัทเอง
บริษัท แอปเปิล ได้สร้างวัฒนธรรมด้วยการคิดต่างหรือ Think Different ดังนี้ ส่งเสริมให้พนักงานคิดต่าง , ส่งเสริมเรื่องของคุณค่ามากกว่ากฎระเบียบ เช่นมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆแต่คำนึงถึงเรื่องของงานต้องเสร็จ พนักงานบางคนเดินเท้าเปล่าๆ เข้าประชุม โดยไม่มีใครต่อว่า , ต้องริเริ่มสิ่งใหม่ๆ เสมอ เป็นต้น
ผู้ชนะคือผู้ที่กำหนดเกมส์ให้ผู้อื่นเล่น แต่ผู้พ่ายแพ้มักเล่นตามเกมส์ของผู้อื่น ทำไมคนที่เป็นนักการตลาดจะต้องมีความคิดต่างหรือThink Different ก็เพราะการคิดต่างจะทำเกิดสินค้าใหม่ๆ กลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ การแก้ไขปัญหารูปแบบใหม่ๆ จึงทำให้องค์กรของตนเองหรือหน่วยงานของตนเอง ก้าวหน้ามากกว่าที่จะทำตามหรือลอกเลียนแบบ สินค้า กลยุทธ์การตลาดของบริษัทคู่แข่ง
หากอยากเป็นผู้นำตลาด ก็ไม่ควรลอกเลียนแบบ เพราะคนลอกเลียนแบบมักจะเป็นผู้ตามวันยังค่ำ ตรงกันข้ามคนที่คิดต่าง หรือ Think Different มักมีโอกาสเป็นผู้นำตลาดอยู่เสมอ แต่ความยากที่สุดก็คงอยู่ที่ว่า นักการตลาดสมัยใหม่ กล้าหรือเปล่าที่จะคิดต่างและมีความกล้าหรือเปล่าที่จะนำความคิดนั้นไปใช้ เพราะความคิดใหม่ๆ มักต้องเผชิญกับทั้งความล้มเหลวหรือต้องเผชิญกับเสียงตำหนิ เสียงดุด่า การเสียดสี การพูดในเชิงดูถูก แต่หากว่าความคิดต่างหรือThink Different ประสบความสำเร็จ คุณก็มีโอกาสโด่งดังมากกว่าคนที่ทำอะไรตามๆ คนอื่นเขา
Make THE Difference เมื่อคิดต่างแล้ว นักการตลาดที่ดีก็ควรลงมือทำให้เกิดความแตกต่างด้วย ซึ่งพลังในตัวของนักการตลาด สามารถเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นได้ นักการตลาดสามารถสร้างสรรค์ สร้างคุณค่าให้แก่ตัวของสินค้า บริการ ใหม่ๆได้ ซึ่งการสร้างสรรค์นี้จะส่งผลกระทบต่อตนเอง คนรอบข้างและสังคมอีกด้วย จงกล้าที่จะคิด พูด ทำ ในสิ่งที่ “ แตกต่าง” เพื่อการเปลี่ยนแปลงในสิ่งต่างๆ ที่ตนเองทำให้ดีขึ้น จงเริ่มต้นที่ตัวของคุณเอง
เอดิสัน ผู้คิดต่างหรือThink Different มีแนวคิดที่แตกต่างไปจากคนยุคเดียวกัน เขาคิดว่าเขาต้องการคิดหลอดไฟฟ้าดวงแรกของโลก ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีการใช้ คนทุกๆคนในสังคมสมัยนั้น ไม่เห็นภาพว่าหลอดไฟฟ้าคืออะไร ด้วยความคิดที่แตกต่าง หลอดไฟฟ้าดวงแรกจึงเกิดขึ้น อีกทั้งการลงมือทำที่แตกต่าง ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เป็นของเขา มีคนตั้งคำถามเขาว่า หากว่าทำสองพันกว่าวิธียังไม่สำเร็จ ทำไมไม่เลิก นี่คือความคิดของคนทั่วไป แต่ เอดิสัน มีความคิดต่างหรือ Think Different เขาตอบกลับว่า ถึงแม้เขาจะยังไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อย เขาก็ได้ค้นพบสองพันกว่าวิธีที่ไม่เหมาะสมที่จะผลิตไส้หลอดไฟฟ้า ดังนั้น หลอดไฟฟ้า ดวงแรกจึงเกิดขึ้น
คุณสมบัติของนักการตลาดในยุคดิจิตอล จึงต้องมีคุณสมบัติที่ คิดต่าง ทำต่าง เพื่อนำสิ่งแปลกๆใหม่ๆ มาสนองความต้องการของผู้บริโภค เมื่อสินค้า บริการ ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากๆ ก็จะทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโต การจ้างงานเกิดขึ้น รายได้จากแรงงานเกิดขึ้น คนมีกำลังซื้อมากขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวมก็จะดีขึ้น
สรุป แนวความคิดเรื่องของ Think Different หรือ คิดต่าง กระผมสนับสนุนเต็มร้อยครับ ถึงแม้ว่าสังคมไทยเรามักจะไม่ชอบคิดก็ตาม แต่ถ้าหากว่าเราส่งเสริม สนับสนุน ให้คนรุ่นใหม่ๆ คิดมากๆ กระผมเชื่อว่า เราจะมีนักการตลาดที่เป็นนักคิดสร้างสรรค์ นักคิดที่มีความแตกต่างๆ มากขึ้น เหมือนกับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีนักคิดมากมาย ไม่ว่า เครื่องบินลำแรกเกิดขึ้นในสหรัฐ ระบบร้านสะดวกซื้อ 7-11 เกิดขึ้นในสหรัฐ ระบบอาหารสมัยใหม่เช่น KFC เกิดขึ้นในสหรัฐ รถยนต์ หลอดไฟฟ้า ระบบห้องสมุดประชาชน เกิดขึ้นในสหรัฐ
แต่อย่างไร ก็ดีสังคมไทย ก็มีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มากขึ้นกว่าในยุคอดีต ดังจะเห็นได้จากสินค้าหลายตัว มีการปรับเปลี่ยน รูปแบบ ความทันสมัย รสชาติ สีสัน ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น สมัยอดีต หากว่าเราจะเกิดโดนัสสักชิ้น เราคงจะต้องนึกภาพว่า โดนัส มีลักษณะกลมๆ มีรูตรงกลาง แต่ในปัจจุบัน มีนักการตลาด สร้างสรรค์ และออกแบบ โดนัส พิซซ่า ซึ่งทำให้ภาพของขนมโดนัส เปลี่ยนแปลงไป แต่ทำให้ผู้บริโภคอยากสัมผัส อยากทดลองสิ่งแปลกๆใหม่ๆ
ฉะนั้น หากว่าท่านต้องการเป็นนักการตลาดที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ท่านจำเป็นต้องคิดต่างจากนักการตลาดด้วยกัน แต่ถ้าหากท่านไม่คิดอะไรมาก ทำเหมือนๆคนอื่นๆ ความสำเร็จในการทำงานด้านการตลาดของท่านก็อยู่ในระดับปกติมาตรฐานนักการตลาดด้วยกัน ทั้งนี้ ท่านจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเป็นนักการตลาดหรือไม่ คงไม่ได้อยู่ที่ใคร อย่าโทษสิ่งต่างๆ แต่จงโทษตัวของท่านเอง จงกล้าคิดต่างแล้วท่านจะประสบความสำเร็จ ขอให้ท่านโชคดี
...
  
การส่งเสริมการตลาดแบบกองโจร
การส่งเสริมการตลาดแบบกองโจร
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
โลกยุคปัจจุบันเราต้องยอมรับว่าเป็นยุคของการแข่งขัน ยุคของทุนนิยมและเป็นยุคของการนำเอาการตลาดมาใช้กับวงการต่างๆมากขึ้นกว่าในอดีต ไม่ว่าจะเป็น วงการเมือง วงการศาสนา วงการธุรกิจ วงการราชการ ฯลฯ
องค์กรใด หน่วยงานใด หากมีงบประมาณมากๆ องค์กรนั้น หน่วยงานนั้น มักได้เปรียบในการทำการตลาด โดยเฉพาะสมรภูมิทางธุรกิจที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ดุเดือด มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายองค์กรต้องล้มหายตายจากไป ทั้งๆที่ในอดีต องค์กรเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นองค์กรชั้นนำหรือมีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 1 ของวงการนั้นๆเลยทีเดียว ตัวอย่าง ในอดีตหลายท่าน คงได้มีโอกาสได้ใช้ฟิลม์สีและฟิลม์ขาวดำในการถ่ายรูป ซึ่งยี่ห้อที่มีชื่อเสียงมากก็คง Kodak แต่ถามว่าตอนนี้ Kodak อยู่ที่ไหนของตลาด หลายท่านตอบไม่ได้ ก็เนื่องจากปัจจุบันลูกค้าได้เปลี่ยนมาใช้ระบบกล้องดิจิตอดกันทั่วโลก อีกทั้งมีคู่แข่งรายใหม่ถึงแม้จะเล็กกว่าแต่ก็สามารถได้กำไรและเจริญเติบโตทางการตลาดได้ดีกว่า Kodak เสียอีก จากกรณีของบริษัท Kodak ทำให้เรารู้ว่า การไม่ยอมปรับตัวอย่างรวดเร็วต่อการแข่งขันทำให้เกิดความสูญเสียอย่างมหาศาล อีกทั้งบริษัทเล็กๆ ก็สามารถทำการตลาดได้ดีกว่าหากว่าบริษัทนั้นๆ มีกลยุทธ์ ยุทธวิธีที่ดีกว่าและมีประสิทธิภาพกว่า
ในบทความนี้ จึงอยากนำเสนอ การส่งเสริมการตลาดแบบกองโจร เพื่อให้บริษัทหรือองค์กร ขนาดเล็กๆ ซึ่งมีงบประมาณจำกัด ใช้เป็นแนวทางในการต่อสู้ในการแข่งขันทางการตลาด มีดังนี้
การส่งเสริมการตลาด เมื่อเรามีสินค้าดี บริการดี แต่หากลูกค้า ไม่ทราบ ไม่รู้จัก สินค้า บริการนั้นๆ ก็มีคุณค่าน้อยกว่า สินค้า บริการของคู่แข่ง ซึ่งสินค้าของคู่แข่งอาจมีคุณภาพน้อยกว่าของเราก็ได้ สิ่งนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจของผู้บริโภค ดังนั้นในการทำงานด้านการตลาด เรารู้จักลูกค้ายังไม่เพียงพอ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ ลูกค้าจะต้องรู้จักตัวเราด้วย หากลูกค้ารู้จักเรา เขาก็จะหาทางซื้อสินค้าของเรา แต่ในทางกลับกันหากลูกค้าไม่รู้จักเรา เขาก็ไม่มีความต้องการในการซื้อสินค้า การส่งเสริมการตลาดจึงมีความจำเป็น
1.1.การโฆษณามีความสำคัญในการทำการส่งเสริมการตลาด แต่การโฆษณาที่ดีต้องโฆษณาซ้ำๆ หลายๆครั้ง เพื่อให้ลูกค้าเกิดความทรงจำที่ดี แต่หากบริษัทหรือองค์กรเรามีงบประมาณน้อยจะทำอย่างไร
เพราะการโฆษณาในแต่ละครั้ง ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก นักการตลาดแบบกองโจรจะใช้วิธีการคือ ลงโฆษณาครั้งเดียวเช่นทางหนังสือพิมพ์แล้วเก็บภาพ ข้อมูล รายละเอียดต่างๆ ถ่ายเอกสาร แล้วทำการเผยแพร่ไปยังลูกค้าเป้าหมายโดยตรง อาจจะเป็นทางไปรษณีย์ ร้านค้า สถานประกอบการธุรกิจต่างๆที่ขายสินค้าของเรา และหากเป็นไปได้ก็ควรตัดเก็บภาพข้อมูลต่างๆ ใส่กรอบติดไว้โชว์ภายในบริษัทของตนเองด้วย หากทำได้ในลักษณะนี้ ก็จะทำให้ประหยัดงบประมาณไปได้มากกว่า การลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์หลายๆฉบับ ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก หรือ การทำโฆษณาทางโทรทัศน์โดยโฆษณาไม่กี่ตอน แต่เราสามารถนำไปลงในสื่ออินเตอร์เน็ต อีกทั้งนำไปเปิดก่อนที่จะแนะนำตัวสินค้า เปิดตอนก่อนที่จะอบรม สัมมนาได้อีกด้วย
1.2.ใบปลิว มีต้นทุนที่ถูกกว่า ต่ำกว่า การทำโบรชัวร์ ใบปลิวสามารถลงข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก มีความคล่องตัวในการแจกจ่าย ท่านสามารถติดใบปลิวตามป้ายรถเมล์ ติดตามมุมตึก ติดตามป้ายประกาศต่างๆ ฯลฯ
ปัจจุบัน โรงพิมพ์มีความทันสมัยมาก ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยในการทำใบปลิวถูกมากๆ ซึ่งเนื้อหาภายในท่านควรทำการนำเสนออย่างง่ายๆ นำเสนอสินค้าและบริการของท่านในราคาพิเศษ ควรกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดในการซื้อหรือการใช้บริการ
ท่านคงเห็นได้แล้วว่า ใบปลิวเป็นเครื่องมืออีกตัวหนึ่งในการทำการส่งเสริมการตลาดแบบกองโจรของธุรกิจขนาดเล็กซึ่งธุรกิจขนาดใหญ่อาจมองข้าม
1.3.บทความและทำเป็นหนังสือขาย เป็นเครื่องมือในการสร้างความน่าเชื่อถือ หากบริษัท องค์กรของท่าน สามารถเขียนบทความเป็นประจำลงในสื่อต่างๆ เช่น สื่อหนังสือพิมพ์ วารสาร หรือแม้แต่ลงในอินเตอร์เน็ต เพราะการเขียนบทความเผยแพร่ ให้ความรู้เกี่ยวกับคุณค่าของสินค้า บริการ ของบริษัท มักไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากหลายสิ่งพิมพ์ต้องการเผยแพร่ความรู้ การเขียนบทความหากท่านเขียนได้ดีและมีคนสนใจเป็นจำนวนมาก ในอนาคตท่านสามารถรวบรวมทำเป็นหนังสือ ขายได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งการทำหนังสือก็จะสร้างรายได้ สร้างความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น เพราะหนังสือที่ขายเหล่านั้นก็จะวางขายตามร้านขายหนังสือชั้นนำ (ซีเอ็ด ร้านนายอินทร์ ศูนย์หนังสือจุฬา ฯลฯ)
1.4.การสอนการบรรยาย เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ ลูกค้า ผู้บริโภค เกิดความศรัทธาในตัวคุณและบริษัทของคุณ คุณสามารถสอนหรือบรรยายให้แก่องค์กรหรือสถานที่ต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัย วิทยาลัย ชุมชน องค์กร หน่วยงาน ฯลฯ เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้บริโภค เห็นว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวงการนั้นๆ การสอนการบรรยาย ทำให้คุณไม่เสียค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด แต่สิ่งที่สำคัญ คุณควรระวังและไม่ควรทำดังนี้ อย่าใช้สถานที่ที่คุณบรรยายในการขายสินค้าและบริการ แต่จงให้ข้อมูลที่มีคุณค่าแทน , คุณจำเป็นจะต้องมีความสามารถในการพูดอยู่บ้าง เพราะสินค้าดี แต่คนพูดไม่ดีก็ทำให้สินค้านั้นอาจไม่ดี แต่ในทางกลับกัน หากสินค้าไม่ดี แต่คนพูดดี ก็อาจทำให้สินค้านั้นดีขึ้นมาได้ , อย่าลืมให้เบอร์โทรศัพท์หรือสถานที่ติดต่อ เพราะหากมีคนฟังสนใจเขาก็จะสามารถโทรศัพท์มาปรึกษาถามซื้อสินค้าของคุณได้ และถ้าหากคุณคิดว่าคุณสามารถถ่ายทอดได้เป็นอย่างดี คุณก็ควรถ่ายภาพจากกล้องเคลื่อนไหวหรืออัดวีดีโอ เพื่อนำมาลงในสื่ออินเตอร์เน็ตได้อีกด้วยก็จะเป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ได้อีกทางหนึ่งเลยทีเดียว
1.5.เข้าเป็นสมาชิกของ ชมรม สมาคม สโมสรต่างๆ การเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่ม องค์กรต่างๆเหล่านี้จะทำให้คุณมีฐานลูกค้ามากขึ้น อีกทั้งมีคนให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริม อุดหนุนสินค้าของคุณ หลายคนอาจมองข้าม แต่หลายคนได้ประโยชน์จากการเข้ากลุ่มเหล่านี้ เพราะบางธุรกิจใช้สนามกอล์ฟ ในการติดต่อเจรจาทางด้านการค้า และหากคุณเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ หากสมาชิกของกลุ่มเลือกคุณให้เป็นประธาน นายกสมาคม นายกสโมสร ก็จะยิ่งทำให้คุณมีโอกาสขายสินค้าและบริการได้มากยิ่งกว่าเดิม ทั้งนี้เพราะภาพลักษณ์ของคุณจะดูดีในสายตาของผู้บริโภคหรือคนที่พบเห็น
การทำการส่งเสริมทางด้านการตลาดแบบกองโจรนี้ คุณจะต้องทราบและคุณจะต้องยึดหลักปฏิบัติดังนี้
1.คุณจะต้องมีความอดทน เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด งบประมาณมีจำนวนน้อย คุณจะต้องออกแรงมากกว่า คู่แข่งขันที่มีงบประมาณมากกว่า ดังนั้นคุณจำเป็นต้องอดทน ทำงานหนัก ทำงานมากกว่าคู่แข่ง ทุ่มเทมากกว่าคู่แข่ง
2.คุณต้องใช้ความคิดให้มากกว่าคู่แข่ง หากคุณมีโอกาสดูภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการทำสงคราม เช่น 3 ก๊ก , การต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 คุณจะเห็นภาพชัดเจนว่า บางครั้ง ฝ่ายที่มีทหารมากกว่าก็ไม่จำเป็นจะต้องได้รับชัยชนะเสมอไป แต่ตรงกันข้ามฝ่ายที่มีทหารน้อยกว่าก็สามารถได้รับชนะสงครามได้เช่นกัน ทั้งนี้ฝ่ายที่มีทหารน้อยกว่า จำเป็นจะต้องคิดให้มากขึ้น วางแผนให้มากขึ้น ทำการบ้านให้มากขึ้น ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ยุทธวิธี ตลอดเวลาตามสถานการณ์ในการต่อสู้นั้นเอง
3.คุณจำเป็นจะต้องมีความสม่ำเสมอ การส่งเสริมการตลาดเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการแข่งขัน แต่จะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่ทำๆ หยุดๆ เพราะการจะสร้างภาพหรือสร้างแบรนด์ให้เกิดขึ้นภายในใจของลูกค้านั้นต้องอาศัยความสม่ำเสมอและต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร
4.ความมั่นใจในตนเอง หลายคนมีความคิดที่ดี หลายคนมีการวางแผนที่ดี แต่หากคนๆนั้น ไม่มีความมั่นใจในตนเองเสียแล้ว เขาก็คงทำอะไรสำเร็จได้ยาก การส่งเสริมการตลาดแบบกองโจรก็เช่นกัน การต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแรงกว่า ใหญ่กว่า เงินงบประมาณมากกว่า หากคุณไม่มีความเชื่อมั่นและคิดว่าต่อสู้ไม่ได้ คุณก็จะไม่สามารถชนะคู่แข่งขันได้ ทั้งนี้ แค่คุณคิดก็เห็นได้แล้วว่า คุณแพ้หรือชนะ จงเชื่อมั่นในตนเองแล้วคุณจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน
สำหรับข้อความข้างต้นจึงเหมาะสำหรับผู้อ่านที่เป็น เจ้าของกิจการที่มีงบประมาณในการส่งเสริมการตลาดที่มีเงินจำนวนน้อย , นักการตลาดของบริษัทเล็กๆ , นักศึกษา นิสิตและคนทั่วไปที่สนใจเรื่องของการตลาด เพราะทุกๆคนสามารถเป็นนักการตลาดได้อย่างแน่นอนครับ
...
  
ครบเครื่องเรื่องการสื่อสารการตลาด
ครบเครื่องเรื่องการสื่อสารการตลาด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ครบเครื่องเรื่องการสื่อสารการตลาด ภาษาอังกฤษมักเรียกว่า Integrated Marketing Communication หรือเรียกย่อว่า IMC เป็นการพัฒนาการสื่อสารการตลาดที่นำการสื่อสารหลายๆรูปแบบมาผสมผสานกันอย่างต่อเนื่องเพื่อไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อให้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของ IMC จึงขออ้างอิงคำอธิบายของนักวิชาการดังนี้
Shimp (2000: 124) ได้ นิยามความหมายของการสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการว่า เป็นกระบวนการของการพัฒนาและการใช้รูปแบบต่างๆ ของโปรแกรมการสื่อสารเพื่อโน้มน้าวใจผู้บริโภคตามเป้าหมาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลกระทบโดยตรงต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค
American Association of Advertising Agencies (cited in Belch and Belch, 2004: 242) ได้ให้ความหมายของ IMC ว่า เป็นแนวความคิดของการวางแผนการสื่อสารการตลาดที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าเพิ่ม โดยการผสมผสานรูปแบบการสื่อสารต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดความชัดเจน กลมกลืน
Russell and Lane (2002: 391)ให้ความหมายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการว่า เป็นการสื่อสารการตลาดที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงการโฆษณา หรือการประชาสัมพันธ์เท่านั้น แต่เป็นการทำความเข้าใจในสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการอย่างแท้จริง จากนั้นจึงคิดและวางแผนให้การสื่อสารทั้งหมดขององค์กรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ซึ่งการทำ IMC ต้องอาศัยกระบวนการที่หลากหลายและอย่างเป็นระบบ กล่าวคือต้องเริ่มต้นจากการวิเคราะห์สภาวะทางการตลาด กลุ่มเป้าหมาย มีการจัดกิจกรรมพิเศษ มีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ มีการส่งเสริมการขาย และเครื่องมือต่างๆอีกมากมาย
ทำไมธุรกิจต่างๆ องค์กรต่างๆ หน่วยงานต่างๆ จะต้องทำ IMC เพราะการสื่อสารเป็นส่วนประสมหนึ่งที่ขาดไม่ได้ เนื่องจากการสื่อสารจะทำให้ลูกค้า ประชาชน ผู้บริโภค ผู้ใช้บริการ ได้รับทราบข้อมูล ข่าวสารต่างๆ อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร
IMC มีความจำเป็นแค่ไหน มีความจำเป็นเป็นอันมากในยุคปัจจุบันและอนาคต ตามความเป็นจริงแล้วในยุคปัจจุบัน เราต้องยอมรับกันว่า สื่อต่างๆมีมากขึ้น สื่อบางอย่างที่นิยมในอดีตมีราคาแพงขึ้น ผู้บริโภค สามารถรับสื่อต่างๆได้อย่างมากมายกว่าในอดีต
IMC กับการส่งเสริมตราสินค้า IMC สามารถส่งเสริมตราสินค้าได้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตราสินค้า มีความสัมพันธ์กับราคา ความคุ้มค่า หากว่าตราสินค้าไหน เป็นที่รู้จักมาก โอกาสที่ลูกค้าจะซื้อสินค้า บริการ ก็ยิ่งจะมีมากขึ้น อีกทั้งในยุคปัจจุบัน มีคู่แข่งรายใหม่ๆ เข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น หากไม่มีการทำ IMC ก็จะถูกแย่งลูกค้าไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น เราจำเป็นที่จะต้องมีการสื่อสารตราสินค้า อันได้แก่ การโฆษณา,การขายโดยพนักงานขาย,การประชาสัมพันธ์,การส่งเสริมการขาย,การจัดโชว์รูม,การใช้ยานพาหนะของบริษัทเคลื่อนที่,การใช้ป้ายต่างๆ,การใช้สื่อทางอินเตอร์เน็ต,การจัดนิทรรศการ,การใช้ผลิตภัณฑ์เป็นสื่อ เป็นต้น
IMC ที่ยอดเยี่ยมมักจะต้อง ใหม่ แปลก ใหญ่ ดัง กล่าวคือ หากทำสื่อต่างๆ ออกมาเหมือนกับคู่แข่งในท้องตลาด ก็จะไม่ได้รับความสนใจจากลูกค้าเท่าที่ควร ตรงกันข้าม หากว่าเราทำสื่อต่างๆออกมาอย่างสร้างสรรค์ให้ 1.ใหม่ 2.แปลก 3.ใหญ่ 4.ดัง หากเป็นลักษณะนี้ ก็จะสร้างความจดจำและเป็นที่ประทับใจของลูกค้าได้มากกว่า
1.ใหม่ คือ ถ้าทำอะไรเป็นเจ้าแรก มักจะทำให้เกิดเป็นที่จดจำได้มากกว่า
2.แปลก คือ ถ้าทำอะไรให้แตกต่างกว่าคนอื่น มากจะได้รับความสนใจที่ดีกว่า
3.ใหญ่ คือ ถ้าทำอะไรให้ยิ่งใหญ่กว่าคู่แข่ง จะทำให้คนมาร่วมงานมาก ภาพลักษณ์ก็จะเหนือกว่า
4.ดัง คือ ถ้าทำอะไรต้องมีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ให้คนรับรู้ อีกทั้งควรมีคนดังๆ มาร่วมงาน มาเปิดงาน เช่น นักการเมืองดัง นักกีฬาดัง ดารา นักแสดงดัง ก็จะทำให้เป็นที่สนใจ
IMC กับ การประชาสัมพันธ์ ธุรกิจยุคปัจจุบัน มักให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ องค์กรหลายแห่งในยุคปัจจุบัน ถึงกับสนับสนุนและให้ความสำคัญในการทำประชาสัมพันธ์มากกว่าการทำการโฆษณาเสียอีก เพราะ การประชาสัมพันธ์ใช้จ่ายในการซื้อสื่อน้อยกว่าการโฆษณาซึ่งจะต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากในการซื้อสื่อ อีกทั้งยังได้รับความน่าเชื่อถือมากกว่า ซึ่งเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ที่สำคัญๆ ได้แก่ การให้ข่าว การสัมภาษณ์ การสร้างสื่อมวลชนสัมพันธ์ การสร้างชุมชนสัมพันธ์ การจัดกิจกรรมพิเศษ การทำการกุศล เป็นต้น
IMC กับ การทำการตลาด บน Facebook ในยุคนี้ หากบริษัทใดไม่ทำการตลาดใน Facebook ก็มักจะเสียเปรียบคู่แข่งขัน เพราะการทำการตลาดบน Facebook มีข้อดีหลายอย่าง เช่น ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ทันสมัย , เป็นสื่อที่มีราคาถูก , เป็นสื่อที่มีความไวต่อการรับรู้ข้อมูล , เป็นสื่อที่สามารถเชื่อมโยงไปยังสื่อต่างๆโดยเฉพาะเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆได้เป็นอันมาก , อีกทั้งเรายังสามารถทำการโฆษณาสินค้า บริการผ่านกลุ่มคนในเครือข่ายได้อีกด้วย
Facebook สามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คิด เช่น การเขียนบล็อก เชื่อมโยง Twitter เชื่อมโยง Youtube ทำสไลด์ฟรีเซนเตชัน ดึงข่าวเทรนด์ตลาดมาแสดงในFacebook(Social RSS) , MSN Messenger , Yahoo Messenger , Skype เพื่อสร้างความสัมพันธ์คุยธุรกิจกับลูกค้า เป็นต้น
IMC กับ การโฆษณา การโฆษณามีความจำเป็นอย่างยิ่งในการทำการตลาด แต่ทั้งนี้ เราควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆด้วย เช่น งบประมาณในการทำโฆษณามีจำนวนเท่าไร , ควรใช้สื่อใดในการทำโฆษณา , ควรสร้างโฆษณางานโฆษณาอย่างไร , ใครคือกลุ่มเป้าหมายของการโฆษณา , บุคลิกภาพของสินค้าสัมพันธ์กับสื่อโฆษณาหรือไม่ เป็นต้น
IMC กับ พรรคการเมือง ในปัจจุบันพรรคการเมืองเกือบทุกพรรคของไทย นิยมใช้การตลาดมาประยุกต์ใช้กับการเมือง เช่น ตราสินค้า(Brand Name) อันได้แก่ชื่อพรรค (เพื่อไทย,ประชาธิปัตย์,ชาติไทยพัฒนา) , มีสโลแกน ( คิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อไทยทุกคน ) และมีการเลือกใช้วิธีการสื่อสารตราสินค้า(Brand contact point) เช่น การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย การขายโดยใช้พนักงานขาย การใช้ผลิตภัณฑ์เป็นสื่อ การใช้ยานพาหนะเคลื่อนที่ การตลาดเจาะตรง แผ่นพับ ฯลฯ จึงไม่ต้องแปลกใจที่พรรคการเมืองต่างๆในยุคปัจจุบัน มีความจำเป็นจะต้องใช้งบประมาณอย่างมากมายมหาศาล
IMC กับ CSR (Corporate Social Responsibility) การทำกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม หากบริษัทใดไม่มีการทำ IMC ก็จะทำให้ประชาชนไม่ได้รับทราบข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหว แต่ตรงกันข้ามบริษัทใด องค์กรใด เสียงบประมาณน้อยกว่า หรือทำน้อยกว่า แต่ทำ IMC ไปด้วย ก็จะทำให้เป็นที่รู้จักของประชาชน

ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า การทำ IMC จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าต่อหน่วยงานใด องค์กรใด หากทำ IMC ก็จะทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ ทำให้เกิดรายได้ ทำให้เกิดกำไร ต่อธุรกิจและต่อบริษัท


...
  
การตลาดขั้นเทพ
การตลาดขั้นเทพ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
เราต้องยอมรับว่าการขายสินค้า ผลิตภัณฑ์ ในยุคนี้ ต้องเผชิญกับคู่แข่งเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งภายในประเทศและคู่แข่งภายนอกประเทศที่สามารถเข้ามาขายสินค้าภายในประเทศได้อย่างเสรีมากขึ้น ทำอย่างไรถึงจะขายสินค้า ผลิตภัณฑ์ได้เพิ่มขึ้น นี่คือคำถาม ที่บรรดาเจ้าของกิจการมีความต้องการ
สำหรับการที่จะขายสินค้าได้เพิ่มขึ้นนั้น จึงต้องอาศัยเรื่องของการตลาดเข้ามาช่วย การตลาดขั้นเทพจึงมีเนื้อหาที่จะทำให้คุณมีลูกค้ามากขึ้นและลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าของคุณเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. คุณต้องใช้สื่อเพิ่มมากขึ้น เราคงต้องยอมรับว่า ธุรกิจน้ำอัดลม โค้ก ( ได้ลงทุนกับการโฆษณาเป็นจำนวนมากมายมหาศาล บริษัท นีลเส็น ประเทศไทย จำกัด รายงานภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาทั้งปี 2556 ว่า โค้ก ได้ใช้ งบการตลาดสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งถึง 1,193 ล้าน 4 แสน 3 หมื่นบาท บาท ) นี่ยังไม่นับงบประมาณที่ โค้ก ใช้ในการโฆษณาทั่วทั้งโลก ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ โค้ก จึงมียอดขายเพิ่มขึ้นทุกๆปี และมีส่วนแบ่งการตลาดมาเป็นอันดับหนึ่งโดยตลอด
2.คุณต้องกระตุ้นจูงใจ กระตุ้นอารมณ์ให้คนอยากซื้อ เราจะเห็นโฆษณาต่างๆในโทรทัศน์ ที่กระตุ้นให้คนอยากทดลองหรืออยากลองใช้ โฆษณาของสินค้าบางตัว ใช้ดาราชื่อดังแสดง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ดาราชื่อดังไม่เคยใช้สินค้านั้นๆด้วยซ้ำไป ดังเราจะเห็นได้จากสื่อต่างๆที่ปรากฏ อีกทั้งในปัจจุบันยังได้มีการนำคนดังในวงการต่างๆเช่น วงการการเมือง วงการศึกษา วงการการกีฬา ฯลฯ มานำเสนอสินค้าอีกด้วย
3.คุณต้องมีการแจกฟรีหรือลดสินค้า เป็นบางช่วง คนเราส่วนใหญ่มักชอบของฟรี หรือชอบซื้อสินค้าลดราคา บางคนซื้อไปเป็นจำนวนมากๆ เกินความจำเป็น ฉะนั้นการแจกฟรีหรือการลดสินค้า ก็ถือว่าเป็นการกระตุ้นลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อสินค้าอีกวิธีหนึ่ง เพียงแต่ต้องมีการวางแผนงานว่าจะแจกฟรีหรือลดสินค้าในช่วงเดือนใดของปี
4.คุณต้องนำเสนอความกลัว บริษัทประกันชีวิตได้กระตุ้นให้คนซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิต ก็ด้วยการนำเสนอ เรื่องของ ความตาย ความเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ซึ่งก็ได้ผลดีสำหรับลูกค้าบางส่วน ที่มีความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
5.คุณต้องกระตุ้นความภาคภูมิใจ รถยนต์ราคาแพงบางยี่ห้อ ราคาเป็นล้านบาทขึ้นและไม่ยอมลดราคา แต่ก็มีคนแห่ไปซื้อขับเป็นจำนวนมาก เพราะคนซื้อเกิดความภาคภูมิใจที่ได้ใช้ ถึงแม้จะต้องจ่ายเงินไปด้วยราคาสูงก็ตาม หรือ ไวน์ บางขวดราคาเป็นแสนๆ แต่ก็มีคนซื้อกินกัน เนื่องมาจากเกิดความภาคภูมิใจที่ได้กินไวน์ในราคาแพง อีกทั้งยังนำไปอวดหรือนำไปคุยกับเพื่อนๆได้อีกด้วย
6.คุณต้องกระตุ้นด้วยการชิงโชค ลูกค้าหลายๆคน เกิดความโลภเกิดความอยากได้รางวัล เมื่อมีการชิงโชค จึงพยายามซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะได้ส่งชิ้นส่วนไปชิงรางวัล การชิงโชคนี้สอดคล้องกับนิสัยที่ชอบเสี่ยงโชคของคนไทย อีกทั้งทำได้ง่าย เป็นการกระตุ้นยอดขายได้อย่างรวดเร็วในช่วงที่มีการชิงโชค
7.คุณต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ลูกค้าเป็นจำนวนมากมักอุดหนุน สินค้า ผลิตภัณฑ์กับผู้ขายหรือเจ้าของที่ตนเองรู้จัก มากกว่าอุดหนุนสินค้ากับคนอื่นๆที่ตนเองไม่รู้จัก ฉะนั้นหากคุณต้องการขายสินค้าได้มากขึ้น คุณควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าของคุณ หลายบริษัทใหญ่ๆ ได้นำระบบ การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management : CRM) มาใช้
8.คุณต้องกระตุ้นยอดขายด้วยการบริการ หากว่าการบริการของคุณดีกว่าคุณแข่ง ลูกค้ารายเก่าก็มักจะโฆษณาแบบปากต่อปากให้แก่สินค้าของคุณ แต่ตรงกันข้ามถ้าหากว่าการบริการของคุณไม่ดี ลูกค้าก็จะโฆษณาแบบปากต่อปากให้แก่สินค้าของคุณ แต่โฆษณาให้ในทางลบ ซึ่งอาจทำให้ยอดขายของคุณตกในเวลาต่อมา
9.คุณต้องนำเสนอคุณประโยชน์ของสินค้าของคุณ สินค้าหลายตัวมีประโยชน์มากเช่น รักษาโรคต่างๆได้เป็นอย่างดี เมื่อสินค้ามีคุณประโยชน์มาก จึงทำให้คนอยากซื้อสินค้าเพื่อนำเอาไปใช้ การนำเสนอคุณประโยชน์จึงเป็นอีกทางหนึ่งในการทำให้สินค้ของคุณขายดี จงหาคุณประโยชน์ของสินค้าเพื่อกระตุ้นยอดขาย
10.คุณต้องกระตุ้นโดยใช้คำพูดที่ทรงพลังและจูงใจ เช่น คุณสามารถให้เงินทำงานแทนคุณได้ , จงสร้างระบบแล้วให้ระบบทำงานแทนคุณ, รวยลูกเดียว (ส่วนใหญ่คำพูดเหล่านี้ใช้มากในการทำธุรกิจเครือข่าย) สำหรับคำพูดที่ทรงพลังในการขายสินค้า คือ ดีที่สุด , เร็วที่สุด , เยี่ยมที่สุด, ถูกที่สุด เป็นต้น
11.คุณต้องสร้างเรื่องราว หลายธุรกิจมักจะมีเรื่องราว โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทำให้เกิดธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงต่อกัน เช่น ธุรกิจขายของฝาก ของที่ระลึก , ธุรกิจขนส่งนักท่องเที่ยว , ธุรกิจถ่ายภาพ เป็นต้น
12.คุณต้องสร้างความแตกต่างของสินค้า สินค้าเหมือนๆกัน มักขายได้ในราคาเท่ากันหรือมีราคาถูกกว่าราคาตลาด แต่หากว่าคุณสามารถสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นกับสินค้าได้ สินค้าของคุณจะเป็นที่น่าสนใจ น่าดึงดูดใจให้คนมาซื้อ อีกทั้ง ยังขายได้ในราคาแพงกว่าราคาตลาดอีกด้วย
13.คุณต้องเพิ่มช่องทางการตลาดของคุณให้มากยิ่งขึ้น เช่น การขายผ่านทางโทรศัพท์มือถือ การบริการผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ในยุคปัจจุบันโทรศัพท์มือถือกลายเป็นสื่อโฆษณาและช่องทางในการจัดจำหน่าย โทรศัพท์มือถือสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง ถ่ายรูป ดูหนัง ฟังเพลง ดู Social Media ดูข้อมูลต่างๆได้ อีกด้วย
14.คุณต้องสร้าง แบรนด์(Brand) ให้แข็งแกร่ง แบรนด์เป็นเครื่องมือหนึ่งทางการตลาดที่ได้รับความนิยมและมีการพูดถึงกันมาก แบรนด์ทำให้สินค้านั้นเกิดความยั่งยืนกว่าสินค้าที่ไม่ได้สร้างแบรนด์ แบรนด์ทำให้สินค้านั้น ขายได้ดี ขายได้มากกว่าสินค้าที่ไม่ได้มีการสร้างแบรนด์
15.คุณต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ สตีฟ จอบส์ เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ สินค้าตระกูล I เป็นที่นิยมของตลาดก็เนื่องมาจาก สตีฟ จอบส์ เป็นผู้คิดริเริ่มหาสิ่งแปลกๆใหม่ๆ ให้กับวงการ ฉะนั้น สินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ จึงเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะสินค้าภายในตลาดมีความคล้ายคลึงกันหรือมีความเหมือนกันเป็นจำนวนมาก
16.คุณต้องรู้จักจังหวะ จังหวะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอันมาก สำหรับการสร้างยอดขายสินค้า ช่วงใดที่เศรษฐกิจตกต่ำ แน่นอน ยอดขายสินค้าย่อมมีโอกาสขายได้น้อยกว่า สินค้าที่ขายในช่วงเศรษฐกิจดี ฉะนั้น การหาจังหวะในการลงทุน จังหวะในการขายสินค้าตามแนวโน้มทางเศรษฐกิจ จึงเป็นสิ่งที่ต้องศึกษา หาข้อมูลก่อนที่จะลงทุนจริงๆ
17.คุณต้องใช้การตลาดออนไลน์เขย่า ปัจจุบันธุรกิจขนาดเล็กขนาดกลาง สามารถทำการตลาดได้ด้วย Social Media ,Facebook Marketing , Twitter Markting ,Youtube,Game Marketing เช่นเดียวกับธุรกิจขนาดใหญ่ เนื่องจากเทคโนโลยีปัจจุบันมีความทันสมัยเป็นอันมาก
18.คุณต้องไม่สร้างชื่อเสียให้แก่สินค้าของคุณ สินค้าหลายตัวเมื่อมีเรื่องมีราวที่ไม่ดี สินค้าไม่มีคุณภาพ ใช้แล้วเป็นอันตราย จึงทำให้ลูกค้าไม่ซื้อสินค้านั้นอีกต่อไป เลยทำให้ประสบกับการขาดทุน ฉะนั้น ควรระวังเรื่องที่ทำให้เกิดการเสียชื่อเสียงแก่สินค้าและบริษัท
19.คุณต้องมีการปรับแผนการตลาดของคุณเพื่อให้เข้ากับประเทศ วัฒนธรรมนั้นๆ ศาสตร์ทางด้านการตลาดเป็นทั้งศาสตร์คือเรียนรู้ได้ เป็นทั้งศิลป์คือสามารถนำเอาไปประยุกต์ใช้ได้ ตามสถานการณ์ ดังนั้น ศาสตร์ทางการตลาดจึงไม่อยู่นิ่งกับที่ เป็นศาสตร์ที่ต้องเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผู้ใช้ศาสตร์ด้านนี้จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาจึงจะประสบความสำเร็จในการทำการตลาด
ฉะนั้นการที่จะขายสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น การที่จะขยายสินค้าให้ได้มากขึ้น จึงต้องอาศัยการตลาดเข้ามาช่วย ข้อความในบทความ เรื่อง การตลาดขั้นเทพ จึงเป็นข้อมูลหนึ่งที่เราสามารถนำเอาไปอ่าน นำเอาไปศึกษาและนำเอาไปใช้ อีกทั้ง ท่านผู้อ่านควรที่จะมีการค้นคว้าและศึกษาเพิ่มเติม ท่านผู้อ่านจึงจะประสบความสำเร็จในเรื่องการตลาด



...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.