หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  
  -  
  -  
  -  
  -  
  -  
  -  ปัญหาของเด็ก
  -  สู่ผู้นำ
  -  อาหารปลอดภัย
  -  ทำไมคนดีๆ จึงลาออก
  -  ฝึกพูด
  -  เหล้า เบียร์ วัยรุ่น
  -  ศิลปะการฟัง
  -  ปัญหาสิ่งแวดล้อม
  -  พจนานุกรมวัยรุ่น
  -  สื่ออนาคต
  -  พ่อแม่
  -  หมวก 6 ใบ
  -  คอร์รัปชั่นภัยร้ายสังคมไทย
  -  พ่อแม่ รังแกฉัน
  -  หลักการเขียนบทความ
  -  เด็กนอกระบบ
  -  หลักการนำเสนอ
  -  การเตรียมความพร้อมของบุคลากรสาธารณสุข
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หลักการเขียนบทความ
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
http://www.drsuthichai.com/
ลับปากกาคอยอนาคต เพราะการเขียนดี เป็นเครื่องมือสำคัญในความก้าวหน้าของท่าน
ถ้าพูดถึงเรื่องงานเขียน งานเขียนมีหลายประเภทเช่น การเขียนนิทาน การเขียนเรื่องสั้น การเขียนเรียงความ การเขียนบทละคร การเขียนสารคดี การเขียนนวนิยาย การเขียนบทความ ฯลฯ
ถ้ามีคนถามกระผมว่า แล้วผมชอบงานเขียนประเภทใด กระผมขอตอบแบบไม่คิดว่า กระผมชอบงานเขียนประเภทการเขียนบทความครับ แล้วกระผมก็มีโอกาสเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและระดับประเทศเฉพาะเดือนละไม่ต่ำกว่า 15 บทความ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับบรรดานักเขียนที่มีผลงานเป็นประจำ ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจเป็นเพราะว่ากระผมทำงานประจำและทำงานหลายด้านจึงไม่ค่อยมีเวลาเขียน
แต่การที่กระผมได้มีโอกาสเขียนบทความเดือนละไม่ต่ำกว่า 15 บทความต่อเดือน แล้วเขียนมานานกว่า 10 ปี จึงอยากเขียนบทความฉบับนี้เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่ท่านผู้อ่านและถ้าท่านผู้อ่านมีอะไรเพิ่มเติมก็สามารถเสนอความคิดเห็นถึงกระผมได้ครับ
บทความ หมายถึง ความเรียงร้อยแก้ว ที่เขียนขึ้นเพื่อแสดงความคิดเห็นของผู้เขียน โดยมีหลักฐานประกอบ อ้างอิง แต่ควรมีความคิดเห็นของผู้เขียนมากกว่าการแสดงข้อมูลหลักฐานต่าง เพราะถ้ามีข้อมูลมากๆ ก็จะกลายเป็นรายงานไปในที่สุด
การเขียนบทความที่ดีควรจะมีลักษณะคือ ต้องมีความน่าสนใจ มีเนื้อหาที่แปลกใหม่ มีความกะทัดรัด มีการอ้างอิง และมีวิธีการเขียนที่น่าสนใจชวนให้ติดตาม
หลักการเขียนบทความที่ดี ควรมีโครงเรื่องแบ่งออกเป็น 3 ตอน คือ มีคำนำ มีเนื้อเรื่องและมีสรุปจบ ซึ่งทั้ง 3 ตอน ต้องมีความสอดคล้องกัน สัมพันธ์กัน อาจลำดับความตามเวลา อาจลำดับความจากเหตุไปสู่ผล อาจลำดับความจากคำถามไปสู่คำตอบ
สำหรับ ชื่อเรื่อง ควรตั้งชื่อให้เป็นที่น่าสนใจ เมื่อคนอ่านแล้ว อยากรู้ อยากอ่านว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร
ลักษณะของการเขียนบทความที่ดีจะต้องมีการแสดงความคิดเห็นของผู้เขียน ที่แหลมคม มีเหตุมีผล มีความคิดที่ลึกซึ้งกว่านักเขียนคนอื่นๆ ขณะเดียวกันการนำเสนอ สำนวนโวหาร ที่ดีจะเป็นส่วนช่วยให้งานเขียนบทความเกิดความน่าอ่านยิ่งขึ้น
งานเขียนแบ่งออกเป็นหลายประเภท สำหรับงานการเขียนบทความก็แบ่งออกเป็นหลายประเภทเช่นกัน เช่น งานเขียนบทความประเภทวิจารณ์ บทความสัมภาษณ์ บทความเชิงวิชาการ บทความวิเคราะห์ บทความชีวประวัติ บทความให้คำแนะนำ เป็นต้น
ท้ายนี้กระผมอยากฝากคำแนะนำสำหรับท่านผู้อ่านที่ต้องการเขียนบทความ เริ่มแรกท่านควรเลือกเขียนเรื่องที่ตนเองถนัด มีประสบการณ์ ท่านก็สามารถเขียนเรื่องนั้นได้ง่ายกว่าการที่ท่านเลือกเรื่องที่ตนเองไม่มีความรู้ ไม่มีความถนัด เมื่อท่านสามารถเขียนบทความจากเรื่องที่ตนถนัดแล้ว ท่านจะเริ่มมีทักษะในการเขียนบทความ และเมื่อท่านต้องการให้บทความท่านเป็นที่นิยมหรือผู้อ่านรู้จัก ท่านก็ควรเขียนบทความในเรื่องที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจ
อีกทั้งไม่ควรใช้ถ้อยคำที่ฟุ่มเฟือย ไม่เขียนวกวน ควรเขียนคำให้ถูกต้อง ควรมีพจนานุกรมไทยเป็นของตนเอง ควรมีย่อหน้าให้เหมาะสม เพราะการมีย่อหน้าจะทำให้ผู้อ่านอ่านบทความของท่านได้ง่ายกว่าการไม่มีย่อหน้า ต้องแสดงข้อมูลหลักฐานที่เป็นความจริง เช่น สถิติ ตัวเลข แผนภูมิ ถ้าหากจะใช้วิธีการเขียนบทความแบบตั้งคำถามแก่ผู้อ่าน ก็ควรหาคำตอบไว้เป็นลำดับ และต้องมีความกล้าหาญในการแสดงความคิดเห็น แต่เป็นความคิดเห็นประเภทสร้างสรรค์ ไม่ใช่ความคิดเห็นในทางทำลาย
ไม่มีน้ำตา เสียงหัวเราะจากนักเขียนก็ไม่มีน้ำตาและเสียงหัวเราะจากผู้อ่าน



...
  
เด็กนอกระบบ
เด็กนอกระบบ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2553 กระผมได้มีโอกาสไปร่วมเป็นวิทยากรร่วมงานเสวนา “ พลังรักพลังอำนาจของเยาวชนในเทศบาลแม่กาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ” จัดโดย เทศบาลแม่กา สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ(สสส.)และสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน(สสค.)
โดยในเวทีได้พูดถึงเรื่องประเด็น เด็กนอกระบบ สถานการณ์ในปัจจุบันของเด็กนอกระบบตำบลแม่กา จังหวัดพะเยา และ วิธีการแก้ไขปัญหาเด็กนอกระบบ ซึ่งมีตัวแทนจาก ภาคศาสนา(พระสงฆ์) , ภาควิชาการ(กระผม),ภาคการศึกษานอกโรงเรียนและตัวแทนเทศบาลแม่กา
ถ้าพูดถึง เด็กนอกระบบ หมายถึง เด็กที่ไม่มีโอกาสได้เรียนในระบบการศึกษา (โดยปัจจุบันมีเด็กนอกระบบ ที่ออกจากระบบการศึกษาในระดับประถมศึกษา(สูงสุด)และเด็กนอกระบบที่ออกจากระบบการศึกษาในระบบ ระบบมัธยมศึกษา(รองลงมา) ถึงแม้ทางรัฐบาลได้ออกกฏหมายบังคับให้เด็กเรียน 15 ปี ในระบบก็ตาม แต่ความเป็นจริง แต่ละโรงเรียนก็มีการถูกประเมินการศึกษาจากหน่วยงานต่างๆ เช่น สมศ. จึงทำให้แต่ละโรงเรียนต้องสร้างเด็กให้ได้มาตรฐาน ทั้งเป็นคนดีและเป็นคนเก่ง จึงทำให้เด็กที่มีคุณภาพต่ำกว่าจากมาตรฐานหลุดออกจากการศึกษาในระบบที่ละคนสองคน ซึ่งเด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กที่น่าสงสารเนื่องจาก เป็นเด็กที่เรียนไม่เก่ง หัวไม่ดี มีปัญหาครอบครัว เป็นเด็กยากจน มีปัญหา ขาดคนเข้าใจ
เมื่อเด็กกลุ่มดังกล่าวหลุดออกจากระบบการศึกษาก็ทำให้เด็กดำเนินชีวิตตามยถากรรม ขณะที่เพื่อนเรียนในระบบ ใช้เวลาอยู่ในระบบ แต่เด็กกลุ่มนี้ ต้องอยู่ที่บ้าน อยู่ตามร้านเกมส์ อยู่ตามสถานบันเทิงต่างๆ แล้วเด็กกลุ่มดังกล่าวก็จะก่อปัญหาแก่สังคมต่อๆไป ไม่ว่า ก่อปัญหายาเสพติด ก่อปัญหาอาชญากรรม ก่อปัญหาการทำร้ายร่างกายกัน ปัญหาลักจี้ชิงปล้น และปัญหาอื่นๆ
สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหาเด็กนอกระบบ เราจะทำอย่างไร กระผมขอตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า เราก็คงต้องเอา เด็กนอกระบบ กลับเข้าสู่ระบบ เสีย แต่ถ้าเป็นระบบในปัจจุบัน กลุ่มเด็กนอกระบบดังกล่าวคงไม่สามารถเข้าไปสู่ในระบบได้ เนื่องจากโรงเรียนแต่ละแห่งคงไม่อยากรับ เราคงต้องหาระบบที่มีมาตราฐานต่ำกว่าการศึกษาในระบบ เช่น ระบบการศึกษานอกโรงเรียน(กศน.) หรือ การออกแบบกิจกรรมต่างๆ ของหน่วยงานหรือองค์กรพัฒนาเอกชน(NGO) ต่างๆ ที่ต้องออกแบบกิจกรรมหลักสูตรเพื่อรองรับ เด็กนอกระบบ ดังกล่าว เช่น หลักสูตรประกอบอาชีพเพื่อให้เด็กนอกระบบมีอาชีพในการทำงานได้ในอนาคต
ด้าน วัดหรือสถานปฏิบัติธรรมก็ช่วย เด็กกลุ่มนี้ได้ระดับหนึ่ง แต่คงต้องมีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมในการสอนหรืออบรม (ขนาดเด็กในระบบบางส่วนยังไม่ค่อยชอบในการอบรมของวัดบางแห่งซึ่งการอบรมไม่เร้าใจและไม่สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ในเด็กกลุ่มนี้)
สรุป ปัญหาเด็กนอกระบบ คงต้องหาเจ้าภาพดูแล เจ้าภาพที่ควรดูแลมากที่สุด คงต้องเป็นรัฐบาล แต่เราจะไปหวังอะไรมากจากรัฐบาลไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลแต่ละชุดมีปัญหาในระดับประเทศต้องแก้ไขมากมาย ดังนั้นจึงคงต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานท้องถิ่นที่ต้องสัมผัสกับเด็กนอกระบบในพื้นที่ หน่วยงานท้องถิ่น เช่น เทศบาล , อบต. , อบจ. ฯลฯ ซึ่งสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) คงมีแนวความคิดนี้เช่นกัน จึงได้ให้ทุนองค์กรส่วนท้องถิ่นหรือหาความร่วมมือโดยการจัดทำโครงการเพื่อการแก้ไขปัญหาเด็กนอกระบบ
แต่การแก้ปัญหาเด็กนอกระบบไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เนื่องจาก ปัญหาดังกล่าวเปรียบเทียบแล้ว คงเหมือนเชือก 1 เส้น ที่มีปมหลายปม แก้ปมนี้ อาจจะต้องเจออีกปมหนึ่ง เนื่องจากปัญหาเด็กนอกระบบมีความซับซ้อน และเกี่ยวโยงกับปัญหาอื่นๆ ด้วย กล่าวคือ เกี่ยวกับปัญหาครอบครัว,เกี่ยวกับปัญหาบริโภคนิยม,เกี่ยวกับปัญหายาเสพติด,เกี่ยวกับปัญหาสังคม ฯลฯ




...
  
หลักการนำเสนอ
หลักการนำเสนออย่างได้ผล
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
กุญแจที่นำไปสู่ความสำเร็จในการทำงานหรือการดำเนินชีวิตมีด้วยกันหลายดอก แต่กระผมเชื่อแน่ว่าการนำเสนอที่ดีและมีประสิทธิภาพคือกุญแจดอกสำคัญที่จะนำ ทุกๆท่านไปสู่ความสำเร็จในการทำงานและการดำเนินชีวิตได้เร็วกว่าคนอื่นๆ
การนำเสนอที่ดี มักทำให้นักขาย ขายของได้ง่ายและมากขึ้น การนำเสนอที่ดี มักทำให้นิสิต นักศึกษา เกิดความประทับใจและอยากที่จะเข้าเรียนในรายวิชานั้น การนำเสนอที่ดี มักทำให้นักการเมือง ผู้นั้นได้มีโอกาสได้รับเลือกตั้งมากขึ้น และ การนำเสนอที่ดี มักทำให้ผู้ที่ฝึกฝนได้รับประโยชน์ต่างๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ เงินทอง ชื่อเสียง ตำแหน่ง หน้าที่ การยอมรับนับถือ ฯลฯ
ดังนั้น การเรียนรู้หลักการ ขั้นตอน การนำเสนอ จึงเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้และควรศึกษาเป็นอย่างยิ่ง สำหรับขั้นตอนของการนำเสนอที่ดีมีดังนี้
1.เตรียมให้พร้อม การเตรียมตัวถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญ ปัจจัยหนึ่งของการนำเสนอที่ดี หากมีการเตรียมตัวมาน้อย การนำเสนอก็อาจไม่เป็นที่ประทับใจ การเตรียมควรเตรียมตั้งแต่
1.1. การวิเคราะห์ว่าผู้ฟังคือใคร ผู้ฟังมีจำนวนเท่าไร ผู้ฟังเขาอยากฟังเรื่องอะไร ประเด็นไหน ผู้ฟังมีความรู้ขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับเนื้อหาที่เราจะนำมาเสนอมากน้อยแค่ไหน เพราะการวิเคราะห์สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรานำเสนอได้ตรงกับหัวใจของผู้ฟัง
1.2. การวิเคราะห์สถานที่ในการนำเสนอ ว่าสถานที่ที่เราจะนำเสนอเป็นห้องประชุม เป็นสวน เป็นชายหาด เป็นสถานที่แบบต้องใช้เครื่องมืออุปกรณ์อะไรช่วยในการนำเสนอบ้าง เช่น ใช้เครื่องขยายเสียง , สิ่งของต่างๆที่ประกอบการนำเสนอ เป็นต้น
1.3.การวิเคราะห์เนื้อหาที่จะนำเสนอ การเตรียมเนื้อหา เป็นส่วนที่มีความสำคัญมาก เราควรรวบรวมข้อมูลที่จะนำเสนอมาให้ได้มากที่สุด แล้วจึงคัดเลือกข้อมูลหรือเนื้อหาเฉพาะที่เราจะนำไปนำเสนอ อีกทั้งต้องควรกำหนดรูปแบบที่จะนำเสนอ ว่าเราจะทำเสนอรูปแบบใด เช่น เราจะนำเสนอโดยรูปแบบเล่าเรื่องราว หรือ นำเสนอรูปแบบโดยใช้หลักวิชาการ หรือ นำเสนอรูปแบบเป็นทางการ ไม่เป็นทางการ หรือผสมผสานระหว่างเป็นทางการกับไม่เป็นทางการ ฯลฯ
1.4.การวิเคราะห์การใช้โสตทัศนูปกรณ์ประกอบการนำเสนอ ว่าเราจะใช้อะไร ในการเป็นสื่อที่จะนำเสนอ เช่น เครื่องฉายแผ่นใส คอมพิวเตอร์ Ipad กระดาน โปสเตอร์ คลิปภาพยนตร์ ฯลฯ ทั้งนี้คงต้องวิเคราะห์ผู้ฟังและความสามารถในการนำเครื่องมือไปใช้ของผู้ที่นำเสนอ
2.ซ้อมให้ดี เมื่อเราเตรียมสิ่งต่างๆในข้อที่ 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราต้องลองนำเนื้อหา อุปกรณ์โสตทัศนูปกรณ์ต่างๆ มาฝึกซ้อม อาจจะทำเนื้อหาเป็นโน้ตย่อ ฝึกซ้อมโดยการพูดด้วยตนเอง แล้วก็เปิดโสตทัศนูปกรณ์ต่างๆ ไปตามเนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งปัจจุบันนั้น เทคโนโลยีมีความทันสมัย ทำให้การฝึกซ้อมเป็นไปได้ง่าย เช่น มีโปรแกรมนำเสนอผ่านคอมพิวเตอร์ , การเปิดคลิปภาพยนตร์ประกอบในช่วงต่างๆ ของเนื้อหา ว่าส่วนเนื้อหาใดเราจะเปิดคลิปภาพยนตร์ตรงไหน , การใช้โปสเตอร์ประกอบการนำเสนอว่าควรอยู่ในเนื้อหาส่วนใด ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำเสนอของผู้นำเสนอแต่ละคน
3.นำเสนออย่างมั่นใจ เมื่อถึงเวลาในการนำเสนอ เราควรนำเสนอแบบมั่นใจในตนเอง เพราะถ้าเนื้อหาเตรียมตัวมาอย่างดี การฝึกซ้อมอยู่บ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดความมั่นใจในการนำเสนอ แต่หลายๆคน ยังคงเป็นโรคปอด(แหก) เราอาจใช้เทคนิคบางอย่างเข้าช่วยได้ เช่น การใช้ Power Words หรือ หาคำที่มีพลังมาปลุกกำลังใจของตนเอง ( ตัวอย่าง “การพูดในเรื่องนี้เรารู้ดีที่สุด” หรือ “ใครเต็มที่ไม่เต็มที่ไม่รู้แต่เราต้องนำเสนออย่างเต็มที่” หรือ “สู้ตาย” หรือ “ฉันทำได้” ) แล้วก็ขึ้นเวทีพูดด้วย เสียงดัง ฟังชัด ด้วยความมั่นใจ
4.รับมือกับการตอบคำถาม ในช่วงที่เตรียมข้อมูล การวิเคราะห์ผู้ฟัง การวิเคราะห์เนื้อหา เราควรคาดเดาด้วยว่า ถ้าเราเป็นผู้ฟัง เราอยากที่จะถามเรื่องอะไร ลองตั้งคำถามมาให้มากที่สุด หรือ ลองให้เพื่อนๆ ช่วยตั้งคำถาม แล้วเราลองทดลองตอบคำถามนั้น เมื่อถึงเวลาตอบจริงก็จะทำให้เราตอบคำถามได้ด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้น จงใช้ความเยือกเย็น สุขุม ในการตอบคำถาม
สรุป หลักการนำเสนออย่างได้ผล เราต้องมีการเตรียมตัวที่ดี (เช่น การวิเคราะห์ผู้ฟัง การวิเคราะห์สถานที่ การวิเคราะห์เนื้อหาและการวิเคราะห์การใช้โสตทัศนูปกรณ์) เราต้องมีการซ้อมให้ดี เราต้องมีการนำเสนออย่างมั่นใจและเราต้องรับมือกับการตอบคำถาม

...
  
การเตรียมความพร้อมของบุคลากรสาธารณสุข
การเตรียมความพร้อมของบุคลากรสาธารณสุข
เพื่อรองรับประชาคมอาเซียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ความเคลื่อนไหวของประชาคมสุขภาพอาเซียน สถานการณ์สุขภาพของไทย ปรากฏว่าอายุโดยเฉลี่ยของคนไทยเราเพิ่มสูงขึ้น ทั้งชายและหญิง เช่น ปี 2507 อายุชายไทยมีอายุเฉลี่ย 56 ปี หญิงมีอายุเฉลี่ย 62 ปี จนกระทั้งถึงปี 2553 ชายไทยมีอายุเฉลี่ย 70 ปี หญิงมีอายุเฉลี่ย 77 ปี (ที่มา : สำนักงานสถิติแห่งชาติ 2554 )
สาเหตุการตายจำแนกสาเหตุสำคัญต่อประชาการ 100,000 คน(ที่มา:สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข,2553) ไทยเรามีอัตราเสียชีวิตจากโรคมะเร็งมาเป็นอันดับที่ 1 คือ ปี 2549 (83 คน ต่อประชากร 100,000 คน) ปี 2553 (91 คน ต่อประชากร 100,000 คน) อันดับที่ 2 คือ อุบัติเหตุ ปี 2549 (59 คนต่อประชากร 100,000 คน) ปี 2553 (51 คนต่อประชากร 100,000 คน) อันดับที่ 3 โรคหัวใจ ปี 2549 (28 คนต่อประชากร 100,000 คน) ปี 2553 (28 คนต่อประชากร 100,000 คน) อันดับที่ 4 คือ โรคความดันเลือดสูงและหลอดเลือดสมอง อันดับที่ 5 คือ โรคปอดอักเสบและโรคปอดอื่นๆ อันดับที่ 6 คือโรคไตอักเสบ อันดับที่ 7 โรคเกี่ยวกับตับ อันดับที่ 8 โรคเบาหวาน อันดับที่ 9 โรคบาดเจ็บจากการฆ่าตัวตาย อันดับที่10 โรควัณโรค อันดับที่ 11 โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องจากไวรัส(เอดส์) เป็นต้น
ปริมาณการบริโภคน้ำอัดลมต่อคนของคนไทยสูงที่สุดในอาเซียน(ที่มา BMI ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปี 2554 )ไทยเราบริโภคสูงที่สุดในอาเซียนในอัตรา 41.30 หน่วย:ลิตร/คน/ปี , ฟิลิปปินส์ ในอัตรา 31.30 หน่วย:ลิตร/คน/ปี , สิงคโปร์ ในอัตรา 26.55 หน่วย:ลิตร/คน/ปี ,มาเลเซีย ในอัตรา 17.05 หน่วย:ลิตร/คน/ปี,เวียดนาม ในอัตรา 5.31 หน่วย:ลิตร/คน/ปี และอินโดนีเซีย ในอัตรา 3.13 หน่วย:ลิตร/คน/ปี เป็นต้น
ผลกระทบจากแรงงานข้ามชาติ ปี 2553(ข้อมูลจากสำมะโนประชากรและการเคหะ) ประชากรที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย มีประมาณ 2.7 ล้านคน (ซึ่งเท่ากับ 4.1 ของประชากรทั่วประเทศ) มากกว่าครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในกรุงเทพและภาคกลาง และร้อยละ 90 เป็นแรงงานต่างชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน และมีการประเมินอีกว่า มีแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาผิดกฎหมายอีก 1 ล้านคน (รวมแรงงานต่างชาติโดยประมาณ 3 ล้านคน)
สำหรับผู้ป่วยชาวต่างประเทศที่เข้ามารักษาในประเทศไทยมีมากขึ้น จึงทำให้รายได้ในส่วนนี้เพิ่มมากขึ้นทุกๆปี
สาธารณสุข กับ อาเซียน เมื่อมีการเปิดประเทศมากขึ้น ประชากรในอาเซียนและทั่วโลก สามารถเข้าออกกันง่ายขึ้น จึงทำให้เกิดปัญหาทางด้านสาธารณสุขตามมาอย่างมากมาย เช่น นักท่องเที่ยว แรงงานต่างด้าว จะนำพาโรคภัยต่างๆเข้ามามากขึ้น การค้าขายสัตว์ พืช อาหารต่างๆ จะนำพาเชื้อโรคหรือพาหะนำโรคเข้ามามากขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่เป็นภัยต่อสุขภาพ(เหล้า บุหรี่ ยาเสพติด สารเคมีอันตราย)จะเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้น ประชาชนต้องเผชิญกับโรคภัยต่างๆ (โรคระบาด โรคอุบัติเหตุใหม่ โรคติดต่อทั้งเรื้อรังและไม่เรื้อรัง)
การเปลี่ยนแปลงในด้านสาธารณสุขเมื่อเปิดอาเซียน คือ การลงทุนเสรีจะมากขึ้น จะตั้งโรงเรียน โรงพยาบาลจะง่ายขึ้น , ไทยมีโอกาสในการเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยว การบิน การสัมมนา การแสดง การบริการทางด้านการแพทย์ ปัญหาทางด้านแรงงานจะไม่ขาดแคลนเพราะแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานมากขึ้น ปัญหาการขาดแคลนสาธารณูปโภคและบริการพื้นฐาน เกิดปัญหาอาชญากรรมและปัญหาสังคมสูงขึ้น
การเตรียมความพร้อมของบุคลากรสาธารณสุข จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนเพื่อให้การเปิดประชาคมอาเซียน 31 ธันวาคม 2558
จากปัญหาและการเปลี่ยนแปลงข้างต้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การเตรียมความพร้อม ต้องคิดในแง่ดีว่า อาเซียนคือโอกาสและสิ่งที่ท้าทาย จะทำให้เราเกิดการพัฒนาตนเองเพื่อให้ต่อสู้กับการแข่งขัน
การเตรียมความพร้อมกำลังคนด้านสาธารณสุข ต้องมีการเร่งผลิตบุคลากรสาธารณสุขให้เพียงพอ เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ พยาบาลเทคนิค อสม. เป็นต้น อีกทั้งต้องมีการสร้างเสริมสมรรถนะภาพด้านภาษาอังกฤษ เทคโนโลยี ไปพร้อมๆกัน
สำหรับแนวโน้มในอนาคตหากมีการเปิดประชาคมอาเซียน ก็จะมีแพทย์ พยาบาล อยากที่จะมาเปิดคลินิคหรือสถาพยาบาลในประเทศไทยมากขึ้น อีกทั้งหากมีการเปิดเขาก็คงเลือกเปิดในเมืองหลวง เขาคงไม่เลือกเปิดในชนบท เช่นเปิดที่ถนนสีลม ถนนสาธร ถนนสุขุมวิท ซึ่งจะเน้นลูกค้าชาติต่างประเทศ เพราะสามารถหารายได้ได้มากกว่านั้นเอง
การเตรียมความพร้อมในด้านระบบบริการด้านสุขภาพ ต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพ คุณภาพในการทำงาน ให้ได้มาตรฐานที่สูงขึ้น , มีแผนงานบริการชาวต่างชาติ แรงงานต่างชาติ นักท่องเที่ยว และมีกลยุทธ์ต่างๆที่ดึงดูดการใช้บริการ
การเตรียมพร้อมทางด้านตัวบุคคล คนทำงานสาธารณสุขต้องทำความเข้าใจประชาคมอาเซียน เปิดรับวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกในอาเซียน และปรับตัวในเรื่องของการสื่อสารทั้งการฟัง การพูด การอ่านและการเขียน โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ และที่สำคัญต้องไม่มีการหยุดพักในการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
การเตรียมพร้อมระดับองค์กร หน่วยงานสาธารณสุขต้องสร้างพันธมิตร ร่วมมือภายในและภายนอกอาเซียน มีการยกระดับหลักประกันสุขภาพให้สูงขึ้น องค์กรต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง ยกระดับหน่วยงานราชการให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ดังประเทศสิงคโปร์ ระบบราชการมีประสิทธิภาพอย่างมากในการทำงาน
ท้ายนี้อยากฝาก คำพูดของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก องค์พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย
“ True success exists not in learning, but in its application to the benefit of mankind”
หรือ “ความสำเร็จที่แท้จริงมิได้อยู่ที่การเรียนรู้ หากแต่อยู่ที่การนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อคุณประโยชน์แก่มนุษยชาติ”


...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.