หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  
  -  
  -  
  -  
  -  
  -  
  -  ปัญหาของเด็ก
  -  สู่ผู้นำ
  -  อาหารปลอดภัย
  -  ทำไมคนดีๆ จึงลาออก
  -  ฝึกพูด
  -  เหล้า เบียร์ วัยรุ่น
  -  ศิลปะการฟัง
  -  ปัญหาสิ่งแวดล้อม
  -  พจนานุกรมวัยรุ่น
  -  สื่ออนาคต
  -  พ่อแม่
  -  หมวก 6 ใบ
  -  คอร์รัปชั่นภัยร้ายสังคมไทย
  -  พ่อแม่ รังแกฉัน
  -  หลักการเขียนบทความ
  -  เด็กนอกระบบ
  -  หลักการนำเสนอ
  -  การเตรียมความพร้อมของบุคลากรสาธารณสุข
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
ฝึกพูด
มาฝึกพูดกันเถอะ


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)


การพูดเก่งทำให้ท่านได้เปรียบผู้อื่น การพูดเก่งทำให้ท่านได้ชื่อเสียง เงินทอง การพูดเก่งทำให้ท่านได้รับตำแหน่งสูงกว่าผู้อื่น และการพูดเก่งทำให้ท่านได้รับสิ่งต่างๆอีกมากมาย


นี่คือข้อดีของการที่ท่านพูดดีและพูดเก่ง สำหรับท่านที่ต้องการจะเป็นนักพูดนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยในยุคปัจจุบัน เพราะในยุคนี้เรามีตัวอย่าง นักพูดที่เก่งๆ เราสามารถหาดูได้ไม่ยากนัก บางทีเราอาจหาดูได้จากห้องนอนด้วยซ้ำไป( ดูโทรศัพท์) ซึ่งยุคนี้เป็นยุคข้อมูลข่าวสาร เราสามารถหาข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายกว่าในอดีตเป็นอันมาก เรามีระบบอินเตอร์เน็ตซึ่งช่วยให้ผู้ที่ต้องการเป็นนักพูดได้


หาข้อมูลเพื่อมาประกอบการพูดได้ในเวลาอันรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย ในอดีต เราต้องไปหาตามห้องสมุด ซึ่งห้องสมุดหลายแห่งไม่มีหนังสือหรือข้อมูลที่เราต้องการ แต่ปัจจุบันเรามีห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือ อินเตอร์เน็ตนั้นเอง


สำหรับคนที่ต้องการเป็นนักพูดจำเป็นจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้


1.เป็นนักอ่านที่ดี ชอบอ่านหนังสือ หาข้อมูลเพื่อใช้ในงานพูดของตน เนื่องจากงานพูดจำเป็นจะต้องมีเนื้อหา มีสาระ มีศิลปะในการใช้ภาษา ดังนั้น ผู้ที่อ่านมาก ย่อมมีข้อมูลมากและมีความแตกฉานในเรื่องของการใช้ภาษา


สำหรับประเทศไทย มีข้อเท็จจริงในเชิงสถิติที่น่าห่วงใย ปัจจุบันอัตราการอ่านหนังสือของเด็กและเยาวชนไทยต่อปีอยู่ในระดับต่ำมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ ๕ เล่มต่อคนต่อปีเท่านั้น ต่ำกว่าประเทศเวียดนามที่กำลังเร่งพัฒนาประเทศไล่กวดไทยอยู่ในขณะนี้ หากเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งของไทยอื่นๆ ปรากฏว่าคนสิงคโปร์มีอัตราการอ่านเฉลี่ย ๑๗ เล่มและมาเลเซีย ๔๐ เล่มต่อคนต่อปี ส่วนประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น มีอัตราการอ่าน ๕๐ เล่มต่อคนต่อปี(ผู้จัดการรายสัปดาห์ 19 กพ.52)


2.เป็นนักจินตนาการและช่างฝัน การเป็นนักพูดที่ดีและประสบความสำเร็จจำเป็นที่ต้องมีจินตนาการเพื่อสร้างความแตกต่างจากผู้อื่น เพราะถ้าไม่มีจินตนาการและการช่างฝัน นักพูดผู้นั้นก็มักจะพูดแนวทางเดียวกันกับนักพูดทั่วๆไป และเมื่อพูดในแนวทางเดียวกันกับนักพูดทั่วไปแล้ว ก็มักจะไม่ประสบความสำเร็จ


3.ถ้าอยากเป็นนักพูด ก็จง พูด พูด และพูด จงหาเวทีให้กับตนเอง ท่านที่ต้องการว่ายน้ำเป็น ท่านต้องลงไปว่ายน้ำ ถ้าท่านอยากเป็นนักพูดไม่มีวิธีอื่น ท่านต้องหาเวทีพูดให้กับตัวเอง การพูดเป็นทักษะ ถ้าเราพูดบ่อยๆ เราก็จะเก่งไปเอง


สำหรับท่านที่คิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติของนักพูดที่ดีแล้ว แต่มีปัญหาว่าจะเข้าสู่วงการได้อย่างไร


สำหรับผมคิดว่า ท่านควรเริ่มเวทีเล็กๆก่อนหรือหาโอกาสพูด ในเวทีเล็ก เมื่อพูดได้ดี คนก็จะเชิญท่านพูดในเวทีระดับชาติเอง เมื่อถึงจุดนั้น เงิน ทอง ชื่อเสียงและตำแหน่งก็จะตามมาเองครับ





จงทำให้ผู้ฟังสนุกสนาน ในขณะเดียวกันก็สอนเขาไปด้วย

...
  
เหล้า เบียร์ วัยรุ่น

การดื่ม สุรา เบียร์ ของเด็กวัยรุ่น


โดย ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์




ถึงแม้รัฐบาลจะมีมติจากคณะรัฐมนตรีให้ปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งสุราแช่ประเภทเบียร์ และสุรากลั่นชนิดสุราขาว สุราผสมและสุราพิเศษ(บรั่นดี)โดยมีผลทันทีตั้งแต่เวลา 24.00 น.ของคืนวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 ก็ตาม


แต่ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการปรับขึ้นภาษีในช่วงที่กำลังซื้อของประชาชนลดลง จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและปัญหาการเมือง ทำให้มีแนวโน้มที่ประชาชนจะตัดสินใจชะลอหรือลดการบริโภคเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ลง แต่อาจเกิดปัญหาการผลิตและลักลอบนำเข้าสุราโดยไม่เสียภาษีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดน ทำให้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจไม่เพิ่มขึ้นตามที่ตั้งเป้าไว้


แต่ถ้านับสถิติการดื่ม สุรา เบียร์ ของประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ในปัจจุบันมีมากกว่าในอดีตเป็นอันมาก เหตุผลน่าจะมาจากหลายปัจจัย เช่น การดื่ม สุรา เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อต้องการเข้าสังคมและเป็นที่ยอมรับของบรรดาเพื่อน, ความอยากลอง, การดื่มเพื่อคลายเครียด ฯลฯ
ความจริงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของวัยรุ่น คงห้ามกันลำบากเนื่องจากกระแสโลก กระแสทุน กระแสบริโภคนิยม มีแนวโน้มจะไปในทิศทางนั้น เราสังเกตจากการดูโฆษณารวมทั้งสื่อในรายการบันเทิงต่างๆ เช่น ละครในโทรทัศน์ ภาพยนตร์ รวมทั้งรายการเพลงต่างๆ
ปัจจุบันธุรกิจร้านสุรา เบียร์ ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากเดิม โดยบริษัท สุรา เบียร์ พยายามหาลูกค้ารายใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น รวมถึงบริษัท บุหรี่ ก็เริ่มหากลุ่มลูกค้าวัยรุ่นเพิ่มขึ้นอีก จึงไม่แปลกใจเลย ทำไม ร้านขายสุรา เบียร์ จึงเกิดขึ้นในบริเวณ มหาวิทยาลัย สถานศึกษา มากขึ้นทุกวัน และเจ้าของธุรกิจขายสุรา เบียร์ ก็คิดว่าการขายสุรา เบียร์ไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรมเพราะเป็นการประกอบธุรกิจที่สุจริตอย่างหนึ่ง


ถึงแม้รัฐบาลจะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศ (มาตรการ ๑๒ จำกัดสถานที่จำหน่าย) ก็ตาม เพราะ กฎหมายเป็นกฎหมายจำกัดสถานที่จำหน่าย แต่ไม่ใช้กฎหมายห้ามดื่ม ดังนั้น ผู้ที่เป็นนักดื่มก็คงต้องหาดื่มกันต่อไปในสถานที่ซึ่งกฏหมายเปิดช่องให้จำหน่ายได้
วัยรุ่นที่อยู่ในวัยเรียน บางรายถึงกับนำค่าเทอม ค่ากิจกรรม ไปซื้อ สุรา เบียร์ จนหมด บางรายถึงขนาดขายตัวเพื่อแลกกับเงินแล้วนำเงินไปใช้ฟุ่มเฟือย รวมทั้งเลี้ยงสุรา เบียร์ แก่เพื่อนวัยรุ่น
ผลกระทบจากการดื่ม สุรา เบียร์ ของวัยรุ่นซึ่งอยู่ในวัยเรียน ส่วนมากมักทำให้การเรียนตกต่ำ เนื่องจากต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเที่ยวกลางคืน เมา เนื่องจากเวลาดื่มเหล้า เบียร์ไปมากๆ ติดต่อกันหลายวัน จะทำให้รู้สึกเบลอๆ มึนๆ ไม่สดชื่น รู้สึกเฉื่อยชา หลงๆ ลืมๆ ทำให้การศึกษาเล่าเรียนไม่มีประสิทธิภาพ เพราะสมองสั่งการช้าลง
การดื่ม เหล้า เบียร์ ของวัยรุ่นยังนำไปสู่การมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน บางรายเมาแล้วขับ ซึ่งนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุมากมาย
ถึงแม้รัฐบาลจะขึ้นภาษี สุรา เบียร์และ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็ตาม แต่การดื่มสุรา เบียร์ ของประชาชนคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นคงต้องมีต่อไป รัฐบาลจะใช้กฏหมายบังคับไม่ให้ดื่มก็คงทำได้ยาก แต่จะทำอย่างไร ให้ลดปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากการดื่มสิ่งเหล่านี้ เช่น ลดการเกิดอุบัติเหตุอันเกิดจากการดื่ม และ ลดการทะเลาะวิวาทอันเกิดจากการดื่มกิน ฯลฯ






















...
  
ศิลปะการฟัง
ศิลปะการรับฟัง

โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)

ผู้บริหารที่ดีต้องมีความรู้ ความสามารถ และทักษะต่างๆ มากมาย ทักษะหนึ่งที่ผู้บริหารควรมีในตัวเอง ก็ คือ ทักษะในการรับฟัง หรือ ศิลปะการรับฟัง ครับ ในวันนี้ เราจะมาพูดเรื่องนี้กันครับ


“ความด้อยสมรรถภาพในการสื่อความของมนุษย์ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับมากระเดียด ขาดความเชี่ยวชาญในการฟัง และไม่สามารถฟังผู้อื่นด้วยความเข้าใจ"

เป็นคำพูดของ คาร์ล โรเจอร์ (นักจิตวิทยา)


ผู้บริหารที่มีปัญหาในเรื่องการรับฟังลูกน้อง มักจะมีคำพูดดังนี้ “ รู้แล้ว ๆๆ ” หรือ “ ผมไม่เห็นด้วยกับคุณ ” คำพูดเหล่านี้มักปิดโอกาสไม่ให้ผู้บริหารได้รับรู้ถึงปัญหา หรือ ข้อมูลใหม่ที่ลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชา ต้องการสื่อ


ความจริงแล้ว ข้อเสนอของลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชา บางคนถึงแม้จะมีความรู้น้อยแต่อาจจะมีประสบการณ์มากในบางเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาไม่รู้ก็ได้ ดังนั้น ผู้บริหารที่มีทักษะหรือศิลปะการรับฟัง มักจะได้ข้อมูลดีๆ และยังเป็นที่ชื่นชมของลูกน้องอีกด้วย เนื่องจากผู้บริหารคนใด มีศิลปะการรับฟัง มักจะเป็นการให้เกียรติผู้ใต้บังคับบัญชา


สำหรับข้อมูลความคิดของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดี มักเกิดขึ้นในที่ประชุม ผู้บริหารที่ดีจึงต้องเปิดโอกาส พร้อมทั้งกระตุ้นให้ผู้ใต้บังคับบัญชา แสดงความคิดเห็น พยายามจับประเด็นว่าเป็นเรื่องอะไร เพื่อให้เกิดความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์มากที่สุดในการนำไปใช้ และพยายามทำความเข้าใจว่าลูกน้องหรือผู้พูดต้องการอะไร


ไม่คาดคั้น ผู้พูด


ผู้บริหารควรต้องมีมารยาทในการรับฟัง คือ ควรจะสบสายตา หรือพยักหน้ายิ้มให้แก่ผู้เสนอความคิดเห็นอีกทั้งไม่พูดขัดจังหวะหรือพูดแทรกขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายแสดงความคิดเห็น


ผู้บริหารควรมีความอดทนในการที่จะรับฟัง เพราะผู้ใต้บังคับบัญชา จำนวนมากมักแสดงความคิดเห็นหรือขาดเทคนิคในการนำเสนอ บางคนพูดวกไปเวียนมา


ผู้บริหารควรรับฟังอย่างกระตือรือร้น คือ ต้องมีสมาธิในการฟัง ไม่ใช่คิดเรื่องอื่นๆ ตลอดเวลาในการฟัง พอผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจบ ก็ยังไม่รู้ว่าเขาพูดเรื่องอะไรเลย ไม่ฟังแบบเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา แต่ต้องฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่แสดงอาการเบื่อหน่าย


ผู้บริหารบางคนที่ไม่มีศิลปะการรับฟัง มักจะรู้สึกว่า “ ทุกอย่างเกิดจากความคิดของตนเองไม่มีใครช่วยคิดเลย ” นั้นแสดงว่า ตนเองไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นช่วยคิดหรือมีโอกาสในการแสดงความคิดเลย ธรรมดามนุษย์เราส่วนใหญ่มักเป็นนักคิดอยู่แล้ว บางคนคิดมาก คิดฟุ้งซ่านไปเลยก็มี


ดังนั้น ทักษะการฟังเป็นทักษะที่สำคัญของผู้บริหาร หรือ ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จไม่ว่าด้านใดพึ่งต้องเรียนรู้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าทักษะทางด้านการพูด การอ่าน และการเขียน เพราะทักษะการฟังมักจะทำให้ผู้ฟัง ฝึกจับประเด็น ฝึกความจำ ฝึกเป็นนักคิดนักเขียนต่อไปอีกทั้งทำให้ผู้นั้นเกิดสติปัญญาความรู้เพิ่มมากขึ้นในลำดับต่อไป


ทักษะการฟังยังเป็นพื้นฐานในการเข้าสังคม และช่วยลดความขัดแย้งในสังคม ลดการเข้าใจกันผิด อีกด้วย




















...
  
ปัญหาสิ่งแวดล้อม
โดย บ้านเมืองออนไลน์ เมื่อเวลา 9:03:00 วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2550

คอลัมน์ : บ้านเมืองเรื่องวันจันทร์ : ปัญหาสิ่งแวดล้อม ใครรับผิดชอบ
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
ถามว่าปัญหาสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันใครเป็นผู้รับผิดชอบ ถ้าจะตอบว่า ต้องช่วยกัน ต้องร่วมมือกัน ก็ฟังดูดี แต่อาจเป็นข้อสรุปที่ง่ายเกินไป และอาจจะไม่มีใครปฏิบัติและรับผิดชอบ

ถามต่อว่า ถ้าอย่างนั้น ควรเป็นใครเป็นผู้รับผิดชอบ ในความเห็นของกระผมขอแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

กลุ่มแรก รัฐบาล เป็นกลุ่มที่มีอำนาจหน้าที่ กำกับ ดูแล โดยออกกฎหมายมาเพื่อใช้บังคับ ให้คนในประเทศปฏิบัติ อีกทั้งยังมีกลไก บุคลากร ข้าราชการ งบประมาณ เครื่องมือ ฯลฯ ในการดำเนินการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม

กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มธุรกิจ เป็นกลุ่มที่มีผลประโยชน์ จากการผลิตสินค้า บริการ โดยใช้ทรัพยากรต่างๆ ของประเทศ เพื่อทำการผลิตสินค้า และบริการ เพื่อจำหน่ายทั้งภายในและส่งออกต่างประเทศ เป็นกลุ่มที่ก่อให้เกิดสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ โดยเฉพาะในกระบวนการผลิต ที่ก่อให้เกิดสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ เช่น น้ำเสีย บางโรงงานปล่อยน้ำเสีย ของเสียทิ้งลงแม่น้ำลำคลอง ลำน้ำสาธารณะ โดยไม่มีการบำบัด อากาศเสีย บางโรงงานปล่อยควันพิษ ฝุ่นละอองที่เป็นพิษออกจากโรงงานโดยไม่มีการกรองอากาศ ฯลฯ

กลุ่มที่สาม คือ ประชาชน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มใหญ่สุด เป็นกลุ่มที่มีสถานะทั้งการผลิตและบริโภค ในฐานะผู้ผลิตคือ ผู้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ทั้ง ดิน น้ำ ป่าไม้ โดยเฉพาะทางด้านเกษตรกรรม ทำให้เกิดผลกระทบที่ตามมา เช่น ทำให้ดินเสื่อมคุณภาพ น้ำถูกปนเปื้อนด้วยสารเคมีซึ่งมาจากปุ๋ยและยาฆ่าแมลง อีกทั้งคนในกลุ่มนี้เป็นทั้งผู้บริโภค คือ ใช้สินค้าและบริการ ที่ฝ่ายธุรกิจผลิตออกมา ซึ่งสินค้าบางตัวอาจส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากน้อยต่างกัน ตัวอย่าง การใช้สินค้าที่ อุปโภค บริโภค โดยทิ้งสารตกค้าง หรือ ย่อยสลาย ไม่ได้ก่อให้เกิดขยะ หรือสิ่งที่พิษตามมามากมาย

ซึ่งทั้งสามกลุ่ม ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ใช่ รัฐ เก็บภาษีได้แล้ว ก็โยนความผิดให้กลุ่มธุรกิจและกลุ่มของประชาชน โดยอ้างว่า เพราะ ขยะ น้ำเสีย อากาศเป็นพิษ มาจากโรงงาน ถ้าจะโยนความผิดอย่างนี้ ก็คงยากที่จะแก้ไขได้

การที่จะร่วมมือกันของทั้งสามกลุ่มได้ต้องอาศัยความเข้าใจในปัญหา การศึกษา การเก็บข้อมูล รวมถึงต้องสร้างจิตสำนึก ความรับผิดชอบ

ดังกรณี การใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร การใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูง จะทำให้สารตะกั่วออกจากท่อไอเสีย และตกค้างอยู่ที่ถนน เมื่อสูดเข้าไปจะมีผลกระทบกับระบบหายใจ ระบบประสาท ระบบสมอง ถ้ารับไปมากๆ ก็จะทำให้ความจำเสื่อม ดังนั้น รัฐบาลจึงเริ่มรณรงค์ให้ใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2534 โดยได้รับความร่วมมือ จากกลุ่มธุรกิจและกลุ่มประชาชน ทำให้สารตะกั่วในอากาศและตามท้องถนนลดน้อยลง

สิ่งที่ควรทำหรือควรปฏิบัติสำหรับการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
หลักใครทำ ใครทิ้ง ผู้นั้นจ่าย การผลิต ตามกระบวนการต่างๆ กลุ่มธุรกิจและกลุ่มประชาชน อาจก่อให้เกิด น้ำเสีย อากาศ เป็นพิษ ผู้นั้นจะต้องรับผิดชอบการกระทำ โดยอาจเสียค่าระบบป้องกันต่างๆ หรือ ถ้ามีผลกระทบต่อสังคมโดยรวม ต้องจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ควรกระจายความรับผิดชอบ ในการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยกระจายจากส่วนกลางไปยังส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น จนลงไปถึงประชาชน โดยสร้างจิตสำนึก สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน

ปัญหาสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย ทุกประเทศทั่วโลก ล้วนมีปัญหาเช่นกัน ดังนั้น ปัญหาสิ่งแวดล้อมจึงเป็นปัญหาของชาติที่ทุกคน ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน กระผมเชื่อว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่มีพลัง ถ้าต้องการแก้ไขอย่างแท้จริงและจริงจัง กระผมเชื่อว่า เราจะสามารถป้องกัน รักษา รวมถึงฟื้นฟูคุณภาพของสิ่งแวดล้อมของประเทศได้ดีขึ้น ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจาก ทั้งสามกลุ่มคือ รัฐบาล กลุ่มธุรกิจ และประชาชน



...
  
พจนานุกรมวัยรุ่น
คอลัมน์ : บ้านเมือง – เรื่องวังจันทร์ : พจนานุกรมฉบับ วัยโจ๋

โดย ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)

พจนานุกรมฉบับ วัยโจ๋

ถ้าพูดถึงเรื่องของการใช้ภาษาไทยในทุกวันนี้ นับว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเป็นอย่างมาก คำบางคำไม่มีการพูดถึงหรือมีการใช้ แต่ตรงกันข้ามได้มีคำที่เกิดขึ้นใหม่เป็นจำนวนมากที่ฟังแล้วมักไม่เข้าใจ โดยเฉพาะคำที่ใช้ในกลุ่มของผู้ที่เรียกตัวเองว่า วัยรุ่นหรือวัยโจ๋

ถ้าพวกเราไปเปิดพจนานุกรมฉบับเก่าๆ เพื่อหาคำเหล่านี้ก็มักจะไม่เจอ เนื่องจากคำเหล่านี้ไม่ได้บรรจุในพจนานุกรมฉบับเก่า และยังมีอีกหลายคำที่ไม่สามารถบรรจุได้ในพจนานุกรมฉบับใหม่ได้ คำที่บรรจุในพจนานุกรมคำใหม่ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เช่น คำเหล่านี้

อินเทรนด์ หมายถึง ทำตัวตามกระแสนิยม ชะนี หมายถึง คำที่กะเทยใช้เรียกผู้หญิง เจ๊ดัน หมายถึง ผู้หญิงที่ส่งเสริมให้ผู้อ่อนประสบการณ์ประสบความสำเร็จ ชิ่ง หมายถึง หลบฉาก หลบไปอีกทางหนึ่ง เนียน หมายถึง กลมกลืน แนบเนียน ชิวชิว หมายถึง สบายๆ ง่ายๆ ธรรมดา จอแบน หมายถึง หน้าอกเล็กมาก

แอ๊บแบ๊ว หมายถึง แสร้งทำให้ดูเป็นเด็กไร้เดียงสา ซกมก หมายถึง สกปรก ซอมซ่อ มั่วนิ่ม หมายถึง ฉวยโอกาสปะปนเข้าไปทำให้แยกไม่ออก กิ๊ก หมายถึง เพื่อนสนิทต่างเพศซึ่งอาจจะมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว อึ๊บ หมายถึง ร่วมหลับนอน และยังมีคำใหม่อีกจำนวนมาก แต่เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด จึงขอนำมาเสนอเพียงแค่นี้ก่อน

ถ้าท่านผู้อ่านสนใจ อาจซื้อพจนานุกรมคำใหม่ เล่ม 1 ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ที่ออกใหม่ มาอ่านกันได้ โดยรวบรวมมาจาก โฆษณา หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ กลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นิสิต นักศึกษาไว้ทั้งหมด 1,576 คำ เรียงตามตัวอักษร ก-ฮ

แต่ถ้าท่านผู้อ่านได้มีโอกาสเล่นอินเตอร์เน็ต ท่านก็อาจเจอคำเหล่านี้ได้ไม่ยาก เนื่องจากการสื่อสารในโลกอินเตอร์เน็ตต้องใช้ความเร็ว จึงทำให้ภาษาเกิดการผิดเพี้ยนหรือภาษาวิบัติ แต่ถ้าเป็นมุมมองของพวกวัยโจ๋หรือวัยรุ่น อาจพูดว่า ภาษาเหล่านี้เป็นภาษาที่สร้างสรรค์ก็เป็นได้

ซึ่งคำที่เกิดขึ้นใหม่นี้ อาจเกิดจากคำเดิมที่มีการใช้คำขยายใหม่, คำที่มีอยู่แล้วแต่ขาดตัวอย่างการใช้คำเปรียบเทียบที่ยังไม่ได้เก็บไว้, คำเลียนเสียง แสดงอารมณ์, คำในภาษาต่างประเทศที่ใช้กันมาก, คำภาษาปาก เป็นต้น

แหม! สำหรับพวกเราที่ไม่ใช่วัยโจ๋หรือวัยรุ่น ก็คงต้องทำใจ กระผมเชื่อว่า ทุกภาษา ก็คงต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัย เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเวียดนาม ฯลฯ ก็คงต้องมีคำที่เกิดขึ้นใหม่และคำที่ตายหรือคำที่ไม่มีใครใช้เช่นกัน

สำหรับประเทศไทยของเรานี้ นับว่าโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่มีภาษาเป็นของตนเอง ต้องขอขอบพระคุณพ่อขุนรามคำแหง ที่พระองค์ทรงประดิษฐ์อักษรไทย ให้คนไทยได้ใช้กันจนทุกวันนี้ และโชคดีที่ภาษาไทยของเรายังคงอยู่คู่กับประเทศไทยของเรา ซึ่งบางประเทศไม่มีการใช้ภาษาของตนเองแล้ว

...
  
สื่ออนาคต
โดย บ้านเมืองออนไลน์ เมื่อเวลา 10:09:00 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551

คอลัมน์ ; บ้านเมืองเรื่องวังจันทร์ : “สื่อสารมวลชนในอนาคต” (หนังสือพิมพ์บ้านเมือง ฉบับวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551)

ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ สำนักวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์
ม.นเรศวร พะเยา

“สื่อสารมวลชนในอนาคต”

ทีวี 10,000 ช่อง วิทยุ 100,000 สถานี หนังสือพิมพ์ 1,000,000 หัวหนังสือพิมพ์ กำลังจะเป็นจริง โลกแห่งการเปลี่ยนแปลง ทำให้สื่อสารมวลชนจำเป็นจะต้องมีการปรับตัวในอนาคต ในอดีตมีคำว่า “ใครคือผู้ครอบครองสื่อ คนนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้” เพราะผู้ชมหรือผู้อ่าน มักเป็นฝ่ายที่ตั้งรับ โดยเจ้าของสื่อสารมวลชนสามารถกำหนดเนื้อหาของข้อมูลข่าวสารต่างๆ ผ่านสื่อได้

แต่ในโลกอนาคตอันใกล้ ทีวีหรือหนังสือพิมพ์ รวมทั้งสื่อสารมวลชนอื่นจะมีจำนวนมากมาย มหาศาล โดยผ่านทาง อินเตอร์เน็ต ทางทีวีก็จะเปลี่ยนเป็น “อินเตอร์เน็ตทีวี” (ไอพีทีวี)

หรือ Internet Protocol Television แล้วทางหนังสือพิมพ์ก็จะเป็น “อินเตอร์เน็ตหนังสือพิมพ์”

ปัจจุบันประเทศไทยเรามีทีวีจำนวนหลักสิบ โดยมีทีวีช่องหลักและทีวีผ่านทางดาวเทียม ซึ่งนับว่ามากกว่าในอดีตที่มีจำนวนหลักหน่วย คือ ช่อง 3, 5, 7, 9 แต่ถ้ารวมกันทั้งโลกในปัจจุบันเรามีสถานีโททัศน์ทั่วโลกอยู่ที่หลักร้อยช่อง แต่เมื่อเข้าสู่ยุคของ “IPTV” จำนวนช่องทีวีจะมีมากถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว

นับจากที่มีอินเตอร์เน็ต เกิดขึ้นมาทำให้โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วขึ้น คนรับรู้ข่าวสารข้อมูลมากขึ้น ทีวีหรือหนังสือพิมพ์ ที่ผ่านอินเตอร์เน็ตยังมีจุดเด่นอีกอย่างก็คือ นอกจากจะได้ดูรายการแบบเรียลไทม์เหมือนโทรทัศน์ทั่วไปแล้ว ยังสามารถเรียกดูย้อนหลังได้อีกด้วย หนังสือพิมพ์ทางอินเตอร์เน็ต วิทยุผ่านทางอินเตอร์เน็ต ก็เช่นกัน

จุดเด่นดังกล่าวทำให้บริษัทต่างๆ เริ่มพัฒนาโปรแกรมเพื่อส่งข้อมูลผ่าน ทีวีทางอินเตอร์เน็ต เช่น ค่ายกูเกิล หรือยาฮู บริษัทเมืองไทยก็เริ่มมีการขยับตัว ถ้ามีเวลาท่านผู้อ่านลองเข้าไปที่ เว็บไซต์ www.wakeupwakeupwakeup.com ท่านก็จะเห็นการพัฒนาทีวีอินเตอร์เน็ตของไทยเรา ซึ่งในเว็บไซต์มีทั้งหนังสั้นประมาณ 30 กว่าเรื่อง เพราะกำลังเปิดทำการมาประมาณ 4-5 เดือน ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้จัดทำทีวีอินเตอร์เน็ตทั่วโลก สามารถนำเสนอผลงานที่สร้างสรรค์ได้มากขึ้นและสามารถมีขีดการรับรู้ได้กว้างทั่วโลก แต่ข้อเสียก็คือ เป็นการยากต่อการควบคุม

ถ้าหากทีวีอินเตอร์เน็ตบางช่องนำเสนอเรื่องราวที่ไม่มีความเป็นจริง และไปกระทบถึงบุคคลอื่น อาจจะถึงขั้นฟ้องร้องกันในเวลาต่อมา อีกทั้งยังอาจจะมีทีวีอินเตอร์เน็ตประเภท หนังโป๊ คลิปโป๊ และ สิ่งที่ไม่มีสาระปะปนมาได้เช่นกัน ซึ่ง เว็บไซต์ประเภทดังกล่าว บ้านเรานิยมกันเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคของไทยเรานิยมใช้อินเตอร์เน็ต เพื่อความบันเทิงมากกว่าใช้เพื่อทำงานถึง 80% เลยทีเดียว

ถ้าสื่อสารมวลชนเปลี่ยนแปลงไป ดังกล่าว เราซึ่งหมายถึงผู้บริโภคหรือผู้ชมหรือผู้อ่าน อาจไม่ใช่ผู้ที่ตั้งรับอีกต่อไป เราอาจเป็นผู้รุก ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคหรือประชาชนก็เริ่มรุกมากขึ้นแล้ว เช่น ทุกคนสามารถเป็นผู้สื่อข่าวได้ เพียงแต่โพสต์เรื่องขึ้นมาแล้วก็จะกระจายไปโดยอัตโนมัติ

สำหรับประเทศไทยเรา การให้บริการทีวีผ่านอินเตอร์เน็ตจะต้องขอใบอนุญาตจาก กสช. ก่อน แต่ขณะนี้ กสช.ยังไม่ได้รับการอนุมัติแต่งตั้งจากวุฒิสภา แต่กระแสของสื่อสารมวลชนของโลกยุคใหม่กำลังแรง



...
  
พ่อแม่
พ่อแม่ รังแกฉัน

โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(โทนี่)


อันชนกชนนีนี้รักเจ้า เทียมเท่าชีวาก็ว่าได้


เมื่อสมัยเด็กๆ เมื่อตอนที่กระผมกำลังเรียนอยู่ในโรงเรียน กระผมได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาที่ดีและให้แง่คิดมาก กระผมคิดว่าคนรุ่นวัย 20 ปี ขึ้นไป หลายคนคงได้อ่านเช่นกัน หนังสือเล่มนั้นก็คือ หนังสือเรื่อง “ พ่อแม่ รังแกฉัน “ เนื้อเรื่อง เท่าที่จำได้ พอสรุปได้ว่า เป็นเรื่องราวความรักของพ่อแม่ที่ผิดพลาดโดยการ “ ตามใจ” เรื่องมีอยู่ว่าพ่อแม่ เป็นเศรษฐี รักลูกมากๆ มีอะไรก็หามาให้ ตามใจสารพัด ใครจะว่า กล่าวด่าลูกก็ไม่ได้ ลูกจะผิดจะถูกอย่างไรก็ไม่เคยเตือน สอนสั่ง เมื่อลูกไม่สนใจการเรียนก็ไม่เคยเตือน จนลูกเข้าสู่วัยรุ่น ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยไม่เคยห้าม คบเพื่อนไม่ดี พากันไปเที่ยว พากันไปกินเหล้า พากันเที่ยวไม่ยอมเรียนหนังสือ พ่อแม่ก็ไม่ว่า ตามใจทุกอย่าง จนเมื่อลูกโตใหญ่และพ่อแม่ก็แก่ตามไปด้วย ปรากฏลูกเศรษฐี เอาไม่รอด ความประพฤติชั่วช้า จนพ่อแม่ตายไปชีวิตที่ร่ำรวยเงินทองจากพ่อแม่ก็กลับเป็นยากลำบาก เพราะหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ในที่สุดต้องกลายเป็นขอทาน ตอนเป็นขอทานกลับไม่สำนึก โทษพ่อแม่ว่าเป็นความผิดที่ตามใจ(รังแกฉัน) จนกระทั่งได้พบกับซินแส ได้เล่าเรียนจนประกอบอาชีพได้


นี่คือ ยาพิษของการเลี้ยงลูกด้วยการตามใจ


หนังสือเล่มนี้ สอนให้รู้ว่า พ่อแม่ ที่รักลูกมากเกินไป ตามใจเกินไป ใครว่ากล่าว สั่งสอนไม่ได้ ในที่สุด เมื่อลูกโตใหญ่ขึ้น ก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่เอาตัวไม่รอด


ฉะนั้น ความรักจึงเป็นเสมือนดาบสองคม ด้านหนึ่งถูกใช้ในการถากถางในการดำเนินชีวิตและอีกด้านหนึ่งก็อาจเป็นอาวุธที่ร้ายแรงคอยทิ่มแทงผู้ที่ใช้ความรักได้เช่นกัน


และถ้าจะให้ดี ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการศึกษาก็ควรที่จะให้เด็กไทยรุ่นใหม่ได้มีโอกาสอ่าน วรรณกรรมประเภทเหล่านี้ให้มากๆ ในโรงเรียนถ้ากระผมจำไม่ผิด หนังสือเรื่อง “ พ่อแม่รังแกฉัน” น่าจะเป็นหนังสือคำประพันธ์บางเรื่องของ ท่านพระยาอุปกิตศิลปสาร


ในสังคมไทยเราปัจจุบันมีมากมาย ไม่ว่าเศรษฐี ไม่ว่าชาวไร่ชาวนา หาเช้ากินค่ำ ผู้หลักผู้ใหญ่บางคน ที่สอนลูกในลักษณะนี้ คือ ตามใจลูก ลูกผิดครูสั่งสอนก็ไม่ได้ ใครจะเตือนก็ไม่ได้ จึงทำให้เด็กเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จึงมีนิสัย ที่ชั่วร้าย ไม่โต ควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้


ในสังคมไทยเราปัจจุบันเราต้องยอมรับเลยว่า การเลี้ยงลูกในสมัยนี้ยากกว่าสมัยก่อน มาก เพราะ


สังคมปัจจุบันเรามีสิ่งเร้า สิ่งยั่วยุ สิ่งเสพติด สิ่งอบายมุข การพนัน เกมส์ และรวมทั้งสื่อลามกอนาจารเป็นจำนวนมาก


ดังนั้น วิธีการเลี้ยงดูลูกหลาน จึงต้องเปลี่ยนแปลงจากอดีต พ่อแม่ผู้ปกครองต้องดูแลให้เวลาลูกหลานเพิ่มมากขึ้น มีศาสตร์และมีศิลป์ในการสอน และต้องมีวิธีการดูปัญหา แก้ปัญหา เป็นระบบ


ไม่มองจุดเดียว เพราะปัญหาของเด็กและเยาวชนในปัจจุบัน ค่อนข้างเชื่อมโยงกัน เช่น ปัญหาเด็กติดเกมส์ก็มักจะทำให้เด็กเสียการเรียน ร้านเกมส์บางร้านอาจเป็นแหล่งมั่วสุม ซึ่งเป็นที่มาของการขายยาเสพติด การล่อลวงเด็กไปมีเพศสัมพันธ์ เมื่อเด็กต้องการเล่นเกมส์ ต้องการหาเงินไปซื้อยาเสพติด ก็จะเกิดปัญหาลักขโมยตามมา เด็กบางคนอาจมีปัญหามากจนเกิดอาการซึมเศร้า จนกระทั่งต้องฆ่าตัวตายก็มี และยังมีปัญหาที่เชื่อมโยงกับปัญหาเหล่านี้อีกมากมาย


เราจะเห็นได้ว่าปัญหาเด็กและเยาวชน เป็นปัญหาที่ใหญ่ และถ้ายังไม่ช่วยกันแก้ อนาคตของประเทศไทยเราก็คงต้องแย่ เพราะ เด็กและเยาวชนก็คืออนาคตของชาติ (เด็กในวันนี้เป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า)


ความรักความห่วงใย คือ สายใยของครอบครัว

...
  
หมวก 6 ใบ
หมวก 6 ใบ คิด 6 แบบ( Six Thinking Hats)
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

เมื่อพูดถึงเรื่องของความคิดและเรื่องของระบบสมองของคนเราแล้ว มีความสลับซับซ้อนมากจึงมีคนคิดค้นเครื่องมือหลากหลายชนิดมาเพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ เข้าใจและเกิดความสนุกสนานในการเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการคิด ซึ่งมีเครื่องมือต่างๆ เช่น การทำ Mind Mapping , หลักคิดแบบพุทธศาสนา โยนิโสมนสิการ และเครื่องมืออีกหลากหลาย แต่ในที่นี้กระผมขอพูดถึงเครื่องมือตัวหนึ่งคือ หมวก 6 ใบ คิด 6 แบบ หรือ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Six thinking hats


Six thinking hats คือ เครื่องมือที่ช่วยให้การคิดมีระบบเป็นการคิดอย่างมีโฟกัส มีการจำแนกความคิดออกเป็นด้านๆ และคิดอย่างมีคุณภาพ เพื่อช่วยจัดระเบียบการคิด ทำให้การคิดของคนเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น


ดร. Edward de Bono (เอดเวิร์ด เดอ โบโน) เป็นผู้คิดเครื่องมือดังกล่าว เพื่อให้การคิดเป็นระบบเพื่อให้ผู้เรียนมีหลักในการจำแนกความคิดออกเป็น 6 ด้าน ทำให้เกิดความคิดในการแก้ปัญหาและตัดสินใจอย่างเป็นระบบ เป็นการเพิ่มศักยภาพให้ทักษะการคิด ทำให้ไม่คิดข้ามไปข้ามมา หรือคิดพร้อมกันทุกอย่างในเวลาเดียวกัน ทำให้ประหยัดเวลา


การคิดตามทฤษฏีของดร. Edward de Bono (เอดเวิร์ด เดอ โบโน) ได้แบ่งหมวกออกเป็น 6 สีโดยสมมุติหมวกทั้ง 6 สี แทนความคิดด้านใดด้านหนึ่ง คือ หมวกสีขาว,หมวกสีแดง ,หมวกสีเหลือง ,หมวกสีเขียว,หมวกสีดำ และหมวกสีฟ้า ซึ่งแต่ละสีมีความหมายดังนี้


หมวกสีขาว สีแห่งความเป็นกลาง ไม่มีอคติ ไม่ลำเอียง เกี่ยวกับข้อเท็จจริงและตัวเลข


หมวกสีแดง แสดงถึงความโกรธ ความเดือดดาลและอารมณ์ แสดงในมุมมองด้านอารมณ์


หมวกสีดำ สีดำมืดมนและจริงจัง หมวกสีดำคือข้อควรระวัง และคำเตือน มันชี้ให้เห็นถึง


จุดอ่อนของความคิดนั้น ๆ


หมวกสีเหลือง สีเหลืองส่องสว่าง และให้ความรู้สึกในทางที่ดี หมวกสีเหลืองจึงเป็นมุมมองในแง่บวก รวมถึงความหวัง และการคิดในแง่ดีด้วย


หมวกสีเขียว สีเขียวคือสีของหญ้า พืชพรรณ ความอุดมสมบูรณ์ การเติบโตงอกงาม


หมวกสีเขียวหมายถึงความคิดริเริ่ม และความคิดใหม่ ๆ


หมวกสีฟ้า สีฟ้าเยือกเย็น และเป็นสีของท้องฟ้าซึ่งอยู่เบื้องบนเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง หมวกสีฟ้าจึงหมายถึงการควบคุม การจัดระบบกระบวนการคิดและการใช้หมวกอื่น ๆ


ประโยชน์ของการใช้ Six Thinking Hats


1. ช่วยลดความขัดแย้งในการประชุมลงไปได้มาก


2. ช่วยให้เกิดการคิดทีละด้าน มองทีละด้าน จากด้านหนึ่งไปมองอีกด้านหนึ่ง ทำให้เห็นภาพจริงที่ชัดเจน


3. ช่วยให้ทุกคนอยากมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น เป็นการดึงเอาศักยภาพของแต่ละคนออกมา


4. ช่วยประหยัดเวลาในการประชุม


สรุป เรื่องเกี่ยวกับความคิดของคนเรามีความสำคัญ คนจะร่ำรวยได้ก็เพราะการคิด คนจะประ


สบความสำเร็จก็เพราะความคิดของเขา หากคนเราคิดไปเรื่อยโดยขาดหลักหรือความรู้เกี่ยวกับความคิด ก็จะทำให้เสียเวลา หรือไม่สามารถนำเอาศักยภาพมาใช้ ดังนั้นคนเราควรเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ หรือควรมีเครื่องมือมาช่วยให้เกิดระบบในการเรียนรู้


ท่านผู้อ่านที่สนใจ ท่านสามารถหาหนังสือ Six thinking hats ของ ดร. Edward de Bono (เอดเวิร์ด เดอ โบโน) มาอ่านได้ โดยมีผู้แปลเป็นภาษาไทย หากท่านผู้อ่านไม่ต้องการอ่านฉบับหนังสือภาษาอังกฤษ

...
  
คอร์รัปชั่นภัยร้ายสังคมไทย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
085-0294726
ก็ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับการประชุม ป.ป.ช.โลกครั้งที่ 14 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-13 พฤศจิกายน 2553 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในการจัดงานครั้งนี้ประเทศไทยได้รับเป็นเจ้าภาพการประชุมนานาชาติ ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ คืนความเชื่อมั่น : ทั่วโลกโปร่งใส สู้ภัยทุจริต ” โดยในวันแรกมี นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการ ป.ป.ช.และประธานสภาหอการค้า ลงนามแถลงการณ์ร่วมในการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐ ต่อหน้าผู้มาประชุมเกือบ 1,000 คน อันได้แก่ ผู้นำโลก นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวของกลุ่มพัฒนาองค์กรจาก 113 ประเทศ
ความจริงถ้าพูดถึงเรื่องของการคอร์รัปชั่นในเมืองไทยนั้น มีมาช้านานแล้ว จนกระทั้งบางหน่วยงาน บางองค์กรและคนของหน่วยงาน รวมทั้งประชาชนบางส่วน ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปเลยก็มี จนมีคนกล่าวว่าประเทศไทยติดอันดับต้นๆ ของประเทศที่ทุจริตคอร์รัปชั่นมากที่สุดในภูมิภาคและในโลก
ดังผลสำรวจความคิดเห็นของ สำนักวิจัยเอแบคโพล เมื่อเดือนตุลาคม พบตัวเลขที่น่าตกใจว่าคนไทยเห็นว่ารัฐบาล “ โกงก็ไม่เป็นไร ” มีจำนวนเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 63.2 เมื่อปี 2551 เพิ่มเป็นร้อยละ 76.1 ในปีนี้
ความจริงการทุจริตในเมืองไทยเกิดขึ้นจากคนสามกลุ่มใหญ่ๆ คือ ข้าราชการ นักการเมือง และนักธุรกิจ การทุจริตที่เห็นได้ชัดเจนเพราะมีผลประโยชน์มาก ส่วนใหญ่เป็นการโกงจากการก่อสร้างโครงการต่างๆ ของภาครัฐ เช่น ตึก อาคาร ถนน ฯลฯ ปีๆหนึ่งประชาชนผู้ที่ต้องเสียภาษี ต้องถูกโกงจากบุคคลสามฝ่ายไปปีละประมาณ 25,000-30,000 ล้านบาท อีกทั้งการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐบางแห่งมีการทุจริตได้เปอร์เซ็นต์จากการจัดซื้อจัดจ้าง ตามที่พวกเราคงได้เห็นกันตามสื่อต่างๆ
ถามว่าถ้าหากพวกเราสามารถแก้ไขปัญหาเงินที่ถูกโกงไปได้ เราก็สามารถใช้เงินเหล่านี้ไปพัฒนาประเทศชาติได้มากยิ่งขึ้น เช่น เราสามารถสร้าง โรงพยาบาลเพิ่มขึ้น เราสามารถจ้างแรงงานเพิ่มมากขึ้น เราสามารถสร้างโรงเรียน หรือให้การศึกษาแก่เด็กและเยาวชนของเราได้อีกมากมาย
ถามว่าเราสามารถจะแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นในประเทศได้ไหม ในความคิดเห็นของกระผมแก้ได้ ถ้าหาก รัฐบาลหรือผู้บริหารประเทศเอาจริงเอาจังในเรื่องดังกล่าว อีกทั้งบทลงโทษทางกฎหมายต้องมีความรุนแรง และมีผลบังคับกันอย่างจริงจัง อีกทั้งรัฐบาลต้องสร้างจิตสำนึกแก่ ข้าราชการ นักธุรกิจและนักการเมือง ไปพร้อมๆกัน
แต่หากดูจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว รัฐบาลชุดนี้ ยังมีข่าวเรื่องของคอร์รัปชั่นตามสื่อต่างๆ อีกทั้งมีบุคคลหลายฝ่ายออกมาพูดถึงเรื่องของการคอร์รัปชั่นของรัฐบาลกันอยู่ ซึ่งตามความเป็นจริงบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคอร์รัปชั่นก็คือ คนที่มีอำนาจในบ้านเมืองนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองในตำแหน่งสำคัญทางการเมือง นักธุรกิจระดับประเทศที่มักจะมีข่าวเรื่องของผลประโยชน์ต่างๆ จากนโยบายของภาครัฐ ข้าราชการหรือนักบริหารในภาครัฐ ที่คุมค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ
ผมเองได้มีโอกาสอ่านหนังสือพิมพ์ เจอเด็กหญิงดวงดี แซ่ลี้ หรือ น้องหนิง ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า “หนูเริ่มทำความดีจากการให้เพื่อนยืมของ เช่น ดินสอ ยางลบ ไม่พูดโกหกและยังช่วยเก็บขยะที่มีคนทิ้งเรี่ยราดในบริเวณโรงเรียน สิ่งที่คุณครูสอนและความรู้ที่ได้ทำกิจกรรมทำให้เรานำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ มีครั้งหนึ่งคุณครูเคยทดสอบพวกหนูด้วยการทำกระเป๋าเงินหล่นหาย แล้วหนูก็เก็บไปคืนและประกาศหาเจ้าของจนเจอ ทำให้ได้รับคำชมและรู้สึกดีใจที่ได้ทำความดี ”
จากข้อความข้างต้น ที่เด็กหญิงดวงดี แซ่ลี้หรือน้องหนิง ได้กล่าว ผมรู้สึกอายแทนผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบางคนได้ร่วมมือกันเพื่อโกงกินเงินของภาครัฐ ถามว่าจิตสำนึกของตนอยู่ไหน หากเปรียบเทียบกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
หรือว่าประเทศชาติ บ้านเมืองเรา มีการบังคับใช้กฎหมายหรือการปฏิบัติ สองมาตรฐานจริง ข่าวการที่ชาวบ้านบุกรุกที่ทำกินหรือแม่ลูกอ่อนขโมยนมเพื่อเลี้ยงลูกต้องถูกจับถูกลงโทษ แต่ในทางกลับกันบุคคลที่มีอำนาจ ร่ำรวยกับไม่ถูกลงโทษ ทั้งๆที่บุคคลที่มีอำนาจบางคนบุกรุกป่า บุกรุกภูเขา โกงกินคอร์รัปชั่นแต่ยังสามารถยิ้มแย้มแจ่มใสและได้รับการเคารพนับถือจากผู้คนในสังคม





...
  
พ่อแม่ รังแกฉัน
โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อันชนกชนนีนี้รักเจ้า เทียมเท่าชีวาก็ว่าได้
เมื่อ สมัยเด็กๆ เมื่อตอนที่กระผมกำลังเรียนอยู่ในโรงเรียน กระผมได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาที่ดีและให้แง่คิดมาก กระผมคิดว่าคนรุ่นวัย 20 ปี ขึ้นไป หลายคนคงได้อ่านเช่นกัน หนังสือเล่มนั้นก็คือ หนังสือเรื่อง “ พ่อแม่ รังแกฉัน “ เนื้อ เรื่อง เท่าที่จำได้ พอสรุปได้ว่า เป็นเรื่องราวความรักของพ่อแม่ที่ผิดพลาดโดยการ “ ตามใจ” เรื่องมีอยู่ว่าพ่อแม่ เป็นเศรษฐี รักลูกมากๆ มีอะไรก็หามาให้ ตามใจสารพัด ใครจะว่า กล่าวด่าลูกก็ไม่ได้ ลูก จะผิดจะถูกอย่างไรก็ไม่เคยเตือน สอนสั่ง เมื่อลูกไม่สนใจการเรียนก็ไม่เคยเตือน จนลูกเข้าสู่วัยรุ่น ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยไม่เคยห้าม คบเพื่อนไม่ดี พากันไปเที่ยว พากันไปกินเหล้า พากันเที่ยวไม่ยอมเรียนหนังสือ พ่อแม่ก็ไม่ว่า ตามใจทุกอย่าง จนเมื่อลูกโตใหญ่และพ่อแม่ก็แก่ตามไปด้วย ปรากฏลูกเศรษฐี เอาไม่รอด ความประพฤติชั่วช้า จนพ่อแม่ตายไปชีวิตที่ร่ำรวยเงินทองจากพ่อแม่ก็กลับเป็นยากลำบาก เพราะหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ในที่สุดต้องกลายเป็นขอทาน ตอนเป็นขอทานกลับไม่สำนึก โทษพ่อแม่ว่าเป็นความผิดที่ตามใจ(รังแกฉัน) จนกระทั่งได้พบกับซินแส ได้เล่าเรียนจนประกอบอาชีพได้
นี่คือ ยาพิษของการเลี้ยงลูกด้วยการตามใจ
หนังสือ เล่มนี้ สอนให้รู้ว่า พ่อแม่ ที่รักลูกมากเกินไป ตามใจเกินไป ใครว่ากล่าว สั่งสอนไม่ได้ ในที่สุด เมื่อลูกโตใหญ่ขึ้น ก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่เอาตัวไม่รอด
ฉะนั้น ความรักจึงเป็นเสมือนดาบสองคม ด้านหนึ่งถูกใช้ในการถากถางในการดำเนินชีวิตและอีกด้านหนึ่งก็อาจเป็นอาวุธ ที่ร้ายแรงคอยทิ่มแทงผู้ที่ใช้ความรักได้เช่นกัน
และ ถ้าจะให้ดี ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการศึกษาก็ควรที่จะให้เด็กไทยรุ่นใหม่ได้มีโอกาส อ่าน วรรณกรรมประเภทเหล่านี้ให้มากๆ ในโรงเรียนถ้ากระผมจำไม่ผิด หนังสือเรื่อง “ พ่อแม่รังแกฉัน” น่าจะเป็นหนังสือคำประพันธ์บางเรื่องของ ท่านพระยาอุปกิตศิลปสาร
ใน สังคมไทยเราปัจจุบันมีมากมาย ไม่ว่าเศรษฐี ไม่ว่าชาวไร่ชาวนา หาเช้ากินค่ำ ผู้หลักผู้ใหญ่บางคน ที่สอนลูกในลักษณะนี้ คือ ตามใจลูก ลูกผิดครูสั่งสอนก็ไม่ได้ ใครจะเตือนก็ไม่ได้ จึงทำให้เด็กเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จึงมีนิสัย ที่ชั่วร้าย ไม่โต ควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้
ในสังคมไทยเราปัจจุบันเราต้องยอมรับเลยว่า การเลี้ยงลูกในสมัยนี้ยากกว่าสมัยก่อน มาก เพราะ
สังคมปัจจุบันเรามีสิ่งเร้า สิ่งยั่วยุ สิ่งเสพติด สิ่งอบายมุข การพนัน เกมส์ และรวมทั้งสื่อลามกอนาจารเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น วิธีการเลี้ยงดูลูกหลาน จึงต้องเปลี่ยนแปลงจากอดีต พ่อแม่ผู้ปกครองต้องดูแลให้เวลาลูกหลานเพิ่มมากขึ้น มีศาสตร์และมีศิลป์ในการสอน และต้องมีวิธีการดูปัญหา แก้ปัญหา เป็นระบบ
ไม่ มองจุดเดียว เพราะปัญหาของเด็กและเยาวชนในปัจจุบัน ค่อนข้างเชื่อมโยงกัน เช่น ปัญหาเด็กติดเกมส์ก็มักจะทำให้เด็กเสียการเรียน ร้านเกมส์บางร้านอาจเป็นแหล่งมั่วสุม ซึ่งเป็นที่มาของการขายยาเสพติด การล่อลวงเด็กไปมีเพศสัมพันธ์ เมื่อเด็กต้องการเล่นเกมส์ ต้องการหาเงินไปซื้อยาเสพติด ก็จะเกิดปัญหาลักขโมยตามมา เด็กบางคนอาจมีปัญหามากจนเกิดอาการซึมเศร้า จนกระทั่งต้องฆ่าตัวตายก็มี และยังมีปัญหาที่เชื่อมโยงกับปัญหาเหล่านี้อีกมากมาย
เรา จะเห็นได้ว่าปัญหาเด็กและเยาวชน เป็นปัญหาที่ใหญ่ และถ้ายังไม่ช่วยกันแก้ อนาคตของประเทศไทยเราก็คงต้องแย่ เพราะ เด็กและเยาวชนก็คืออนาคตของชาติ (เด็กในวันนี้เป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า)
ความรักความห่วงใย คือ สายใยของครอบครัว

...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.