หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  
  -  
  -  
  -  
  -  
  -  การเตรียมการพูด
  -  วิเคราะห์ผู้ฟัง
  -  พูดดี ต้องประเมิน
  -  การพูดแบบผู้นำ
  -  การพูดจูงใจคน
  -  การวิเคราะห์ผู้ฟัง
  -  ควรพูดให้ได้ทั้งสาระและความบันเทิง
  -  ทำไมการพูดถึงล้มเหลว
  -  วิธีการฝึกพูดด้วยตนเอง
  -  การพูดต่อหน้าที่ชุมชน
  -  ศิลปะการพูด
  -  สู่วิทยากรมืออาชีพ
  -  พูดเหมือนผู้นำ
  -  การเลือกวิทยากร
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

...
  

...
  

...
  

...
  

...
  
การเตรียมการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

คนที่จะเป็นนักพูด นักบรรยาย วิทยากร และนักพูดทุกประเภท ที่ดี ที่เก่ง และมีชื่อเสียงได้นั้น คนๆนั้นจะต้องมีคุณสมบัติที่ดีหลายประการ แต่คุณสมบัติที่สำคัญมากที่สุด ข้อหนึ่งก็คือ

การเตรียมการพูดนั้นเอง เพราะการเตรียมการพูดจะทำให้นักพูด ท่านนั้นเกิดความมั่นใจในตนเอง การเตรียมการพูดจะทำให้รู้โครงสร้างของเรื่องที่จะพูดและเนื้อหาโดยรวม
การพูด ก็เหมือนกับการแสดง หรือ นักพูดก็เหมือนนักแสดงอย่างหนึ่ง ก็คือ ถ้ามีการเตรียมการพูด มีการฝึกซ้อมอย่างดี ก็จะทำให้การพูดครั้งนั้นๆ ประสบความสำเร็จ นักแสดงก็เช่นกัน ดังนั้นการเตรียมการพูดจึงมีความสำคัญมากจนมีผู้กล่าวว่า ผลสำเร็จของการพูดแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับการเตรียมการพูดประมาณ 70 % เหลืออีก 30% อยู่ที่การพูดบนเวที

ซึ่งการเตรียมการพูดที่ดีนั้น จะต้องมีหลักดังนี้

1.ต้องรู้วัตถุประสงค์ของการพูด รวมทั้งผู้ฟังก่อน การรู้วัตถุประสงค์ของการพูดในครั้งนั้นๆจะทำให้เราเตรียมข้อมูล วิธีการได้ถูกต้อง เช่น การพูดในครั้งนั้นเป็นการพูดเพื่อการบันเทิง เราก็พยายามเตรียมการพูด โดยการหามุข หาเรื่องสนุกๆ ตลกๆ มาพูดให้มากหน่อย หรือการพูดครั้งนั้นเพื่อการจูงใจ ชักจูง เราก็ต้องเตรียมข้อมูลให้มีการอ้างอิง หาหลักฐาน คำพูดของผู้มีชื่อเสียง และหนังสือมาประกอบ อีกทั้งต้องวิเคราะห์ว่าผู้ฟัง เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ควรพูดลีลา ท่าทาง น้ำเสียง เรื่องที่จะพูดตรงต่อความสนใจของผู้ฟังไหม
2.หาข้อมูลประกอบการพูด การพูดก็เหมือนกับการทำอาหาร เราต้องหาข้อมูลเหมือนกับเราจะทำแกงเนื้อสักถ้วย เราก็ต้องไป หาพริก หาเกลือ หาน้ำ หาเนื้อ หาน้ำปลา หาเครื่องแกง หาผัก ฯลฯ สำหรับข้อมูลที่ดีจะต้องมีความหลากหลาย เช่น มีตัวเลขสถิติ , ตัวอย่าง , หลักฐาน , คำคม , สุภาษิต ดังนั้น ผู้ที่เป็นนักจดบันทึก มีสมุดบันทึกติดตัว จดคำคม ข้อมูลต่างๆ เพื่อนำไปใช้ประกอบการพูด มักจะได้เปรียบเพราะมีการเตรียม มีการหาข้อมูลตลอดเวลา
3.เขียนโครงสร้างเรื่องลงไปบนกระดาษ ขั้นตอนนี้จะต้องเขียนโดยมีโครงสร้างสุนทรพจน์คือ มีคำนำ มีเนื้อเรื่อง และมีสรุปจบ โดยเขียนรายละเอียดทั้งหมดลงไปบนกระดาษ แล้วจึงนำ มาเพิ่มเติม มาตัด มาเสริม และอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยน คำพูดหรือภาษาที่ใช้เพื่อนำไปพูด ไปบรรยาย (คำนำควรมีเนื้อหาประมาณ 10-15 % เนื้อเรื่องควรมีเนื้อหาประมาณ 70-80 % สรุปจบควรมีเนื้อหาประมาณ 10-15 % )
4.ซ้อมพูดหรือฝึกหัดการพูด อาจจะซ้อมพูดต่อหน้ากระจก อาจจะเป็นการซ้อมพูดคนเดียวในที่ต่างๆ ดังเช่นนักพูดดังๆในอดีตและปัจจุบันทำกัน เช่น อาจารย์จตุพล ชมพูนิช เคยให้สัมภาษณ์ว่าเคยซ้อมพูดคนเดียวตอนเดินกลับบ้านโดยเลือกเรื่องที่จะพูดแล้วเริ่มพูด ตั้งแต่ต้นซอยจนถึงบ้านที่อยู่ท้ายซอย,อับราฮัม ลินคอล์น อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ซ้อมพูดขณะอยู่บนหลังม้า ฯลฯ

บางคนอาจไม่คุ้นกับการฝึกพูดคนเดียว อาจจะให้คนรู้จักนั่งฟังหรือให้เพื่อน ภรรยา นั่งฟังแล้วช่วยเสนอแนะข้อที่ควรปรับปรุงในการพูดก็ได้


การซ้อมพูดที่ดี ควรทำท่าทางประกอบและควรจับเวลาด้วย เนื่องจากจะได้ตัดทอนเนื้อหา หากใช้เวลามาก แต่ถ้าเวลาเหลือมากจะได้เพิ่มเติมเนื้อหาเข้าไป การทำท่าทางประกอบในการซ้อมพูดจะทำให้เมื่อออกไปพูดจริงจะไปดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ถ้าท่านยิ่งซ้อมพูดมากเท่าไรก็จะยิ่งดีเท่านั้น


สรุปคือ การเตรียมการพูดเป็นสิ่งที่สำคัญ จะละเลยไม่ได้ ควรเตรียมตัวทุกครั้งเพราะความสำเร็จของการเป็นนักพูดที่ดี อยู่ที่การเตรียมการพูดนั่นเอง


...
  
วิเคราะห์ผู้ฟัง
วิเคราะห์ผู้ฟัง
นักพูดที่ดีต้องรู้จักวิเคราะห์ผู้ฟัง


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


การที่จะพูดให้ถูกใจผู้ฟัง ต้องทราบในเบื้องต้นก่อนว่าผู้ฟังคือใคร มีความต้องการอะไร มีจำนวนเท่าไร เสมือนหนึ่งเราทำอาหารต้องทราบในเบื้องต้นก่อนว่าผู้ทานต้องการอาหารประเภทไหน รสชาติเป็นอย่างไร


การวิเคราะห์ผู้ฟังจึงมีความสำคัญมากในการพูดต่อหน้าที่ชุมชน การวิเคราะห์ผู้ฟังเราสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้


1.จำนวนผู้ฟัง มีความสำคัญมากเพราะการพูดกับคนจำนวนน้อย เราต้องมีวิธีการพูดที่แตกต่างกับวิธีการพูดที่มีคนจำนวนมาก รวมทั้งการใช้อุปกรณ์ในการพูดก็สำคัญไม่น้อย เช่น เอกสารประกอบการบรรยาย ห้องสำหรับใช้บรรยายหรือใช้ในการพูด ถ้าคนน้อยแต่ใช้ห้องประชุมที่ใหญ่มากๆ หรือ ถ้าคนมากแต่ดันใช้ห้องประชุมขนาดเล็กๆ ทำให้บรรจุคนไม่พอ ดังนั้นนักพูดต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วย


2.เพศและวัย เรื่องของเพศและวัย เพศชายส่วนใหญ่ชอบ การผจญภัย การต่อสู้ กีฬา ส่วนเพศหญิงชอบเรื่องของ ความสวยงาม แฟชั่น ดังนั้นการพูดต้องพูดให้มีความสำคัญกับเพศของผู้ฟัง สำหรับวัยเด็ก มักชอบเรื่องที่สนุกสนาน มักมีสมาธิสั้นในการฟัง มักชอบนิทาน วัยรุ่นชอบเรื่องเกี่ยวกับรักๆใคร่ๆ ชอบเรื่องที่มีความท้าทาย วัยผู้ใหญ่สนใจเรื่องของอาชีพ การสร้างฐานะ และวัยชรา สนใจเรื่องศาสนา เป็นต้น


3.พื้นฐานการศึกษาของผู้ฟัง การพูดให้ผู้ฟังที่มีระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน เราจะต้องมีวิธีการพูดที่แตกต่างกัน ถ้าผู้ฟังที่มีระดับการศึกษาสูง เราสามารถใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษได้บ้าง แต่ถ้าพูดให้ผู้ฟังที่มีระดับการศึกษาต่ำ ไม่ควรพูดทับศัพท์ และต้องเตรียมเนื้อหา วิธีการนำเสนอที่แตกต่างกันด้วย ต้องใช้ภาษาให้เหมาะสม ในบางครั้งนักพูดคิดไปเองว่า การพูดโดยใช้ภาษาที่สวยงามหรือภาษาวรรณกรรมจะทำให้ผู้ฟังชอบ แต่เปล่าเลย ผู้ฟังที่มีพื้นฐานการศึกษาที่ต่ำ มักจะไม่เข้าใจ ทำให้การสื่อสารไม่มีประสิทธิภาพในที่สุด


4.อาชีพ ของผู้ฟัง เช่น อาชีพทางด้านการแพทย์ สาธารณสุข จะมีศัพท์ในการพูดที่ใช้สื่อสารกันในโรงพยาบาลหรือที่ทำงาน บางครั้งตัวคนไข้หรือผู้ป่วยจะไม่ว่าแพทย์ พยาบาลหมายถึงอะไร ดังนั้น ถ้าเรานำศัพท์ในทางด้านการแพทย์ สาธารณสุข ไปบรรยายให้วงการทหาร วงการเกษตร ผู้ฟังจะไม่ทราบความหมาย หรือใช้ศัพท์ในวงการทหาร ไปพูดในแวดวงแพทย์ สาธารณสุข ก็มักจะไม่ได้ผลเช่นกัน


5.ต้องทราบความคาดหวังของผู้ฟัง การบรรยายบางแห่ง ผู้ฟังถูกเกณฑ์ให้มาฟังโดยหัวหน้างานหรือเจ้าของ ดังนั้น ผู้ฟังกลุ่มดังกล่าวมักไม่มีความสนใจหรือความคาดหวังว่าจะนำความรู้ไปใช้ได้อย่างจริงจัง ในการบรรยายบางแห่งผู้ฟังมักเกิดอารมณ์เบื่อหน่ายเสียมากกว่าเพราะผู้ฟังเหมือนถูกบังคับให้มานั่งฟังการบรรยาย


6.ทัศนคติของผู้ฟัง มีความสำคัญมากในการพูด เช่น การพูดเรื่องการเมือง เรื่องศาสนา ต้องระวังมากๆเพราะ ถ้าจะพูดดี หรือ เราคิดว่าความคิดของเราถูกต้องอย่างไรก็ตาม ผู้ฟังมักจะไม่เชื่อ เพราะเรื่องการเมือง เรื่องศาสนา เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล รวมถึงทัศนคติของผู้ฟังต่อผู้พูดด้วย ถ้าผู้ฟังไม่ชอบผู้พูดเป็นการส่วนตัวแล้ว จะพูดให้ดีอย่างไร ก็คงยากที่ผู้ฟังคนนั้นจะชอบเรา


7.ต้องหมั่นสังเกตผู้ฟัง เวลาฟังบรรยายหรือพูด ถ้าผู้ฟัง เกิดอาการเบื่อหน่าย ไม่สนใจ หลับ และสนใจเรื่องอื่นๆ เราต้องเปลี่ยนวิธีการพูดให้เหมาะสม เช่น ต้องนำเรื่องที่ขำขันที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเรื่องที่บรรยายมาเล่า เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น หรือ เรื่องที่แปลกๆ ที่ทันสมัย สิ่งที่ผู้ฟังยังไม่เคยได้ยิน มาเล่า เพื่อสอดแทรกการบรรยายให้ผู้ฟังหันมาสนใจการพูดของเรา หรือไม่อย่างนั้น ก็อาจจะมีเกมส์ มีเพลง หรือกิจกรรมต่างๆมาสอดแทรกการพูดหรือการบรรยาย


ดังนั้น ถ้าต้องการเป็นนักพูดที่ดีต้องหมั่นวิเคราะห์ผู้ฟัง ว่าผู้ฟังของเราเป็นใคร มาจากไหน มีพื้นฐานความรู้แค่ไหน มีทัศนคติอย่างไร เป็นเพศไหน วัยไหน เสมือนหนึ่งนักพูดเป็นพ่อครัว ต้องรู้ว่าผู้ทานชอบอาหารรสชาติอะไร อยู่ในวัยไหน จะได้ทำอาหารให้ถูกปากผู้ทาน



...
  
พูดดี ต้องประเมิน
พูดดี ต้องประเมิน
จะรู้ว่าพูดดี ต้องมีคนประเมิน
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


ความผิดพลาดของตนเอง เป็นบทเรียนที่นำตนไปสู่ความสำเร็จ


ปัจจุบันนี้กระผมมีงานอดิเรกคือ ไปบรรยายในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกชน ราชการ บางทีก็ไป “ทอล์กโชว์” ตามโรงเรียนต่างๆ บ้าง ไปๆ มาๆ รายได้จะดีกว่างานหลักเสียอีก


จากการบรรยายในสถานที่ต่างๆ มักมีคนถามกระผมว่า “ทำอย่างไรจึงจะบรรยายเก่ง” กระผมก็ได้อธิบายว่า อันนี้ไม่ใช่พรสวรรค์นะ มันเป็นพรแสวงต่างหาก เพราะความจริงกระผมไม่สามารถบรรยายได้ตั้งแต่เกิด กระผมมาฝึกฝนเอาทีหลังนี่เอง กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้ กระผมเองก็เคยเป็นนักพูดประเภท สลายม็อบ อยู่นานทีเดียว คือ พูดไปคนค่อยทยอยออกทีละคนสองคน


จุดสำคัญคือ เราต้องพยายามปรับปรุงตัวเอง และมีคนถามต่อว่าจะปรับปรุงตัวเองอย่างไร คำตอบคือ การพูดแต่ละครั้งเราควรหาคนที่รู้จัก แล้วให้เขาวิจารณ์การพูดของเรา หรือให้ผู้เข้ารับการอบรม ประเมินเราเวลาเราพูดเสร็จ เมื่อเราได้ข้อมูลหรือข้อบกพร่อง เราก็สามารถนำมมาปรับปรุง หรือแก้ไขในการพูดครั้งต่อไป

ฉะนั้น การประเมินการพูด หมายถึง การวิเคราะห์ว่าที่เราพูดหรือปาฐกถาไปนั้น ต้องแก้ไขอย่างไร ถ้าเป็นไปได้ควรหาเทปไปอัด คำบรรยายของเรา ในปัจจุบันนี้มีเครื่องถ่ายภาพเคลื่อนไหว ถ้าเรานำไปถ่ายภาพการบรรยายของเราได้ยิ่งดี เพราะจะทำให้เรารู้ว่า ท่าทาง กริยา อาการ ของเราเวลาเราพูดเป็นอย่างไร พูดดีหรือไม่ ท่าทางดีหรือเปล่า น้ำเสียง จังหวะในการพูด เหมาะสมหรือเปล่า


การประเมินการพูด เปรียบเทียบก็คล้ายกับเรามีกระจกเงา ส่องดูการแต่งกายส่องบุคลิกท่าทางของเรา และถ้าไม่สวย ไม่ดี ก็มาแก้ไข มาเปลี่ยนแปลงให้ดีเสีย


เพราะฉะนั้น รักจะพูดให้คนพอใจ อยากจะเป็นนักพูดประเภทพูดแล้วคนชื่นชอบ คนชอบฟัง เมื่อพูดเสร็จแต่ละครั้งอย่าถอนหายใจโล่งอกเป็นอันขาดว่า หมดทุกข์หมดโศกแล้ว ขอให้เก็บความทรงจำนั้นไว้แล้วมานั่งคิดว่า ถ้าจะให้ดีกว่าที่ได้พูดไปเราควรทำอย่างไร เราต้องแก้ไขตรงไหน เขามีความคิดความเห็นเกี่ยวกับการพูดของเราอย่างไร อย่าปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ ถ้าเราใฝ่ใจอยากจะเป็นนักพูดที่มีอนาคต

ท่านถูกติ ต้องตรอง มองที่ติ


แล้วเริ่มริ ลงรอย คอยแก้ไข


ติเพื่อก่อ ต่อสติ ติเข้าไป


เป็นบันได ไต่เต้า ให้เราดี

...
  
การพูดแบบผู้นำ
ผู้นำพูด
การพูดแบบผู้นำ

โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


บทความในวันนี้กระผมขอพูดถึงเรื่องของการพูดแบบผู้นำ ซึ่งการพูดแบบผู้นำนี้จะพูดธรรมดาเหมือนผู้ตาม หรือคนทั่วไปไม่ได้ เพราะมันจะไม่เห็นความแตกต่างระหว่างผู้นำกับผู้ตามดังนั้นคนที่ต้องการเป็นผู้นำหรือเป็นผู้นำอยู่แล้ว จึงต้องเรียนรู้หลักการวิธีการเพื่อนำไปใช้ในการพูดในแต่ละครั้ง ผมเชื่อว่าพวกเราคงเคยได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับประโยคคำคมของผู้นำภายในประเทศและในต่างประเทศมาบ้างแล้ว คำคมเหล่านี้ทำให้เป็นที่จดจำและนำไปคิดเพิ่มแล้วก่อให้เกิดปัญญาขึ้นเช่น


“ จงอย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรแก่ท่านบ้าง แต่จงถามว่าท่านจะให้อะไรแก่ประเทศบ้าง ”

เป็นคำพูดสุนทรพจน์ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เคนาดี้

“ ถ้าท่านไม่สามารถลุกขึ้นพูดต่อหน้าฝูงชนได้ ก็อย่าปราถนาเป็นผู้นำ"


เป็นคำพูดของหลวงวิจิตร

หรือ “ ระบบประชาธิปไตยคือระบบที่ปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน

เป็นคำพูดสุนทรพจน์ของอดีตประธานาธิบดี ลินคอล์น

ดังนั้นในวันนี้เราจะมาพูดเรื่องเทคนิคการพูดแบบผู้นำ ดังนี้

- ผู้นำจะต้องพูดด้วยความมั่นใจ พูดชัด ไม่ติดติดขัดขัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ภาษาก็ต้องพูดชัดไม่ว่าจะเป็นผู้นำที่พูดภาษาอังกฤษหรือพูดภาษาไทย ผู้นำจะต้องรู้จักการใช้ภาษานั้นได้เป็นอย่างดี และมีการใช้คำได้หลากหลายมากกว่าผู้ตาม การพูดการใช้ภาษาของผู้นำจะทำให้ผู้ตามทราบว่าผู้นำมีการศึกษาดีมากน้อยแค่ไหนดังคำโบราณได้พูดไว้ว่า “ สำเนียงบอกภาษา กริยาบอกสกุล ” การพูดด้วยความมั่นใจจะทำให้ผู้ตามเกิดความมั่นใจตามด้วย

- ผู้นำจะต้องพูดให้มีคำคมอยู่บ้าง เพราะการพูดที่ไม่มีคำคมอยู่เลยจะทำให้ผู้ฟังจำเนื้อหาไม่ได้ทั้งหมดแต่ผู้นำคนใดมีคำคมอยู่บ้าง ก็จะเป็นที่น่าสนใจและเป็นที่จดจำของผู้ฟังดังคำคมประโยคข้างต้นที่กระผมได้กล่าวถึง เนื่องจากคำคมเป็นคำสั้นๆหรือประโยคสั้นๆ แต่กินใจความและสามารถขยายความได้มากขึ้น คำคมบางคำทำให้คนฟังคิดตามแล้วเกิดปัญญาขึ้นตามมาด้วย

- ผู้นำจะต้องพูดให้มีอารมณ์ขันบ้าง เพราะการพูดจริงจังตลอดเวลาจะทำให้ผู้ฟังเครียด แต่ถ้าผู้นำคนใดนำอารมณ์ขันมาใช้ คนฟังมักจะชอบโดยเฉพาะสังคมไทย ผู้ฟังมักชอบฟังอะไรที่ตลก ขบขัน มากกว่าฟังอะไรที่เครียด ดูจริงจัง

- ผู้นำจะต้องพูดให้มีไหวพริบปฏิภาณในการพูด เนื่องจากการพูด การปราศรัย บางแห่งจะมีผู้ฟังถามลองของหรือถามลองภูมิผู้พูด ดังนั้น ผู้เป็นผู้นำจะต้องตอบให้ได้หรือให้ทันเหตุการณ์ผู้นำจะต้องมีไหวพริบปฏิภาณในการพูดตอบโต้

- ผู้นำจะต้องพูดด้วยอารมณ์ กระผมไม่ได้หมายถึงใช้อารมณ์ในการพูดนะครับ ไม่ใช่ไปด่าผู้ฟังอะไรทำนองนั้น แต่ผู้นำจะต้องใส่อารมณ์ในการพูด เช่นพูดเรื่องเศร้าก็ต้องใช้น้ำเสียงและสีหน้า ท่าท่างอย่างหนึ่ง พูดเรื่องตลก ก็ต้องทำสีหน้า น้ำเสียงอีกอย่างหนึ่ง พูดจูงใจ ก็ต้องใช้น้ำเสียงจริงจัง ท่าทางจริงจัง เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อมั่น

และยังมีอีกหลายทักษะ ที่ผู้นำจะต้องเรียนรู้และนำไปปฏิบัติ เพราะการพูดแบบผู้นำเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ศาสตร์ก็คือสามารถเรียนรู้ได้ จากหนังสือ ตำรา ทฤษฏีต่างๆ ศิลป์คือการประยุกต์ใช้เพื่อนำศาสตร์ไปปฏิบัติ ท้ายนี้อยากฝากบทกลอนของผู้แต่งที่มีคนแต่งเอาไว้กระผมเคยเห็นครั้งแรกในมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อสิบกว่าปีก่อน

“ วาทะการนั้นเป็นเช่นของสูง เป็นเครื่องจูงใจคนดั่งมนต์ขลัง

เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ทรงพลัง และเป็นทั้งศาสตราเป็นอาภรณ์

เราจะใช้วิชาล้ำค่านี้ เพื่อสร้างสรรค์ สิ่งดีเป็นนุสรณ์

เพื่อเทิดธรรมพัฒนาประชากร เพื่อบ้านเกิดเมืองนอนแผ่นดินไทย”






Nov 9 /2010

51.
พูดโอกาสต่างๆ
การพูดในโอกาสต่างๆ


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


เมื่อวันที่ 26-27 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมากระผมได้มีโอกาสเป็นวิทยากรให้แก่ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลดงเจน จังหวัดพะเยา ในหัวข้อ “ การพัฒนาบุคลิกภาพและการพูดต่อหน้าที่ชุมชน” ณ โรงเรียนดงเจนวิทยาคม จังหวัดพะเยา ในวันที่สองของการฝึกอบรมกระผมได้บรรยายในหัวข้อการพูดโอกาสต่างๆ เนื่องจากผู้เข้ารับการฝึกอบรมส่วนใหญ่เป็นผู้นำท้องถิ่น จึงมีโอกาสในการขึ้นพูดในโอกาสต่างๆมาก เช่น การพูดในงานมงคลสมรส การพูดในงานขึ้นบ้านใหม่ การพูดในงานคล้ายวันเกิด การพูดในงานศพ การพูดในงานต้อนรับสมาชิกใหม่และการพูดกล่าวแสดงความยินดี ฯลฯ


สิ่งสำคัญในการพูดในโอกาสต่างๆ มีดังนี้ครับ


- ผู้พูดจะต้องรู้สถานการณ์และผู้ฟัง เช่น ถ้างานนั้นดำเนินไปด้วยความล่าช้า เราจำเป็นจะต้องพูดให้น้อยลง ทั้งๆที่เรามีอะไรต่างๆจะพูดมากมายก็ตาม โดยเฉพาะเลยเวลารับประทานอาหารไปนานแล้ว เพราะขนาด ก่องข้าวน้อยยังฆ่าแม่ได้เลย นับประสาอะไรกับผู้พูดที่ไม่ใช่ญาติมิตรกัน


- ต้องรู้ลำดับรายการผู้จะขึ้นพูดในโอกาสต่างๆ ต้องรู้ว่าลำดับของรายการต่างๆเป็นไปอย่างไรจะได้เตรียมตัวถูก ต้องรู้ว่ารายการอะไรก่อน รายการอะไรหลัง


- ต้องรู้จุดมุ่งหมายของงานนั้นๆ ว่าลักษณะของงานเป็นลักษณะงานที่บันเทิงสนุกครึกครื้น


เฮฮา หรือ เป็นงานที่เศร้าโศกสลด เราจะได้พูดให้ถูกกาลเทศะ


สำหรับโอกาสในการพูดในโอกาสต่างๆ มีดังนี้


1.การกล่าวแนะนำ โดยมากเป็นการกล่าวแนะนำ ผู้ที่อภิปราย วิทยากร ผู้โต้วาที หรือผู้เข้าร่วมอบรมหรือประชุม สัมมนาในงานนั้นๆ เป็นการกล่าวแนะนำก็เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักและสนใจ “ตัวผู้พูด” และ “เรื่องที่จะพูด”


2.การกล่าวต้อนรับ เป็นการกล่าวต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือนหรือกล่าวต้อนรับสมาชิกใหม่


3.การกล่าวอวยพร ส่วนใหญ่เป็นการกล่าวในโอกาสที่เป็นงานมงคล เช่น งานมงคลสมรสหรืองานแต่งงาน งานวันคล้ายวันเกิด(ไม่ใช่งานวันเกิด เพราะวันเกิดมีวันเดียว) งานขึ้นปีใหม่ งานฉลองการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งต่างๆ ฯลฯ


4.การกล่าวไว้อาลัย โดยมากเรามักคิดถึงแต่งานศพ แต่จริงๆแล้วการกล่าวไว้อาลัยมีหลายอย่าง เช่น ไว้อาลัยผู้ตาย ไว้อาลัยผู้ที่ย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ หรือที่ทำงานใหม่และไว้อาลัยในงานโอกาสไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ เป็นต้น


สำหรับท้ายนี้กระผมมีตัวอย่างการกล่าวอวยพรในงานมงคลสมรส โดยผู้กล่าวเป็นแม่ของเจ้าบ่าวดังนี้


สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ชีวิตของความเป็นผู้หญิงทุกคนคงไม่แตกต่างจากดิฉัน คืออยากให้คนที่เรารักหรือผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเราได้มีความสุขและดิฉันก็ได้ปฏิบัติต่อครอบครัวของดิฉันเสมอมา ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปดิฉันก็เชื่อว่าสุภาพสตรีที่นิสัยดีและน่ารักคนนี้ คือสะใภ้ของดิฉันจะทำหน้าที่ภรรยาที่ดีและรักลูกชายของดิฉันได้นานแสนนานตลอดไป ขอบคุณค่ะ

หรือ พ่อของเจ้าบ่าวกล่าวดังนี้

สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน กระผมขอเปรียบชีวิตของคนเราเหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีความจริงใจเป็นรากแก้ว


มีความอดทนคือลำต้น มีความร่มเย็นคือร่มใบพร้อมทั้งความดีงามคือดอกผล จึงได้ชื่อว่า ต้นไม้แห่งความรัก


ความผูกพันและกระผมเชื่อว่าเจ้าบ่าวและเจ้าสาวทั้งสองจะหมั่นดูแลรับผิดชอบซึ่งกันและกัน เหมือนต้นไม้ดังกล่าวมา ส่วนครอบครัวของทั้งสองฝ่ายนั้นจะเป็นเม็ดฝนชโลมความชุ่มชื่นแด่เจ้าบ่าวเจ้าสาวตลอดไป


ท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานแต่งงานในวันนี้(โดย อ.ภูวดล ภูภัทรโยธิน )





...
  
การพูดจูงใจคน
การพูดจูงใจคน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
การพูดจูงใจ เป็น การพูดประเภทหนึ่งในวัตถุประสงค์ของการพูดต่อหน้าที่ชุมชน กล่าวคือวัตถุประสงค์ของการพูด ได้แก่ การพูดเพื่อการบอกเล่า การพูดเพื่อความบันเทิงและการพูดเพื่อการจูงใจ
การพูดจูงใจ จึงเป็นศิลปะในการพูดที่ต้องอาศัยการฝึกฝน การศึกษา และดูแบบอย่างของนักพูดที่สามารถพูดจูงใจคนได้
ก่อนที่เราจะศึกษาหรือเรียนรู้การพูดจูงใจ เราควรศึกษาธรรมชาติหรือความต้องการของคนก่อน เนื่องจากคนทุกคนมีความต้องการไม่เหมือนกัน เช่น ถ้าเราพูดจูงใจเด็ก กับพูดจูงใจผู้ใหญ่ เราอาจจะมีวิธีการพูดที่แตกต่างกัน หรือ ถ้าเราพูดให้ผู้ฟังในกลุ่มอาชีพต่างๆฟัง เราอาจจะต้องมีวิธีในการพูดจูงใจที่แตกต่างกัน เช่น พูดให้ชาวนาฟัง กับพูดให้นักวิชาการฟัง ฯลฯ
แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องความต้องการของมนุษย์หรือคนเรา กระผมคิดว่า คนเรามีความต้องการในเรื่องใหญ่ๆ ที่คล้ายกันกล่าวคือ เรื่องของ กิน กาม และเกียรติ
- กิน คนเราเมื่อเกิดมาเป็นคนหรือมนุษย์จะต้องมีการบริโภคหรือการกิน ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารประเภทต่างๆ การดื่มกินน้ำประเภทต่างๆ
- กาม คนเราเกิดมาแล้ว ตามสัญชาตญาณของการสืบพันธุ์ ก็ต้องมีเรื่องของเพศสัมพันธ์
- เกียรติ คนเราเกิดมา ก็อยากจะมีชื่อเสียง อำนาจ ความดัง ความมีหน้าตาในสังคม
ดังนั้น คนเราหรือมนุษย์เรา จึงได้แสวงหาเรื่องของการ กิน กาม และเกียรติ กันด้วยความกระเสือกกระสนดิ้นรน (ทั้งนี้ผู้เขียนขอใช้คำว่า คนเราหรือมนุษย์เราส่วนใหญ่ จึงไม่ได้หมายถึงทุกคน)
เมื่อเราศึกษาธรรมชาติความต้องการของคนเราหรือมนุษย์เราแล้ว ที่นี้ ในการพูดต่อหน้าที่ชุมชน เทคนิคในการพูดจูงใจคน เราจำเป็นจะต้องศึกษา เรียนรู้เช่นกัน กล่าวคือ ในการพูดจูงใจให้คนคล้ายตามเรานั้น
- ผู้พูดจำเป็นจะต้องพูดด้วยอารมณ์ กล่าวคือ เมื่อต้องการให้ผู้ฟังเศร้า ผู้พูดจะต้องมีอารมณ์เศร้าก่อนอีกทั้งต้องแสดงอารมณ์ผ่านทางใบหน้า น้ำเสียง ท่าทาง เพื่อจูงใจให้ผู้ฟังมีอารมณ์เศร้าด้วย หรือ ต้องการพูดให้ผู้ฟังมีอารมณ์เกลียดชัง ผู้พูดต้องแสดงอารมณ์ความรู้สึกเกลียดชัง ผ่านทางภาษาพูดและภาษากายต่างๆของผู้พูด เพื่อส่งความรู้สึกอารมณ์ดังกล่าวไปยังผู้ฟัง เป็นต้น
- ผู้พูดจะต้องพูดด้วยความจริงใจ จากใจ ยิ่งพูดมาจากก้นบึ้งของหัวใจได้ยิ่งดี การที่จะพูดให้คนคล้ายตามหรือจูงใจคนได้นั้น ผู้พูดจะต้องพูดด้วยความจริงใจก่อน ซึ่งความจริงใจ ผู้ฟังสามารถสัมผัสได้ผ่านการแสดงอาการต่างๆของผู้พูด ไม่ว่าจะเป็นทางสายตา น้ำเสียง ท่าทาง กล่าวคือ ถ้าต้องการให้ผู้ฟังเกิดความศรัทธาในสิ่งใด ผู้พูดเองต้องมีความศรัธทาในสิ่งนั้นก่อน ถ้าผู้พูดไม่เชื่อถือไม่ศรัธทาก่อน ก็คงยากที่จะพูดให้ผู้ฟังเกิดความศรัธทาในสิ่งนั้นด้วย
- ผู้พูดจะต้องพูดถึงเรื่องของผลประโยชน์ของผู้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินเดือนเพิ่ม โบนัสเพิ่ม ได้บุญเพิ่ม ได้กุศลเพิ่ม ได้โลห์ ได้ชื่อเสียง เกียรติยศต่างๆ ฉะนั้น ผู้พูดสามารถชักจูงใจคนได้ด้วยการพูดถึงเรื่องของผลประโยชน์ เช่น หากต้องการได้เงินเดือนเพิ่ม โบนัสเพิ่ม ท่าน(ผู้ฟัง)จะต้องขยันทำงานขึ้น
ดังนั้น คนที่ต้องการพูดจูงใจเป็น จำเป็นจะต้องเรียนรู้ จากการอ่านมาก การฟังมาก การศึกษาดูแบบอย่างมากๆ เช่น หากท่านต้องการเป็นนักพูดจูงใจทางด้านการเมืองกล่าวคือ ต้องการพูดให้คนลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้ท่าน ท่านก็ควรตามไปฟังนักพูดทางการเมืองหรือศึกษาจาก เทป วีซีดี ดีวีดี รวมทั้งการดูการถ่ายทอดการหาเสียง การอภิปรายทางโทรทัศน์ ดูแล้วต้องวิเคราะห์ว่าทำไม นักการเมืองคนนี้พูดแล้วคนเชื่อ ทำไมนักการเมืองคนนี้พูดแล้วคนไม่เชื่อ อีกทั้งต้องรู้จักวิเคราะห์ผู้ฟังด้วย






...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.