หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  บทความที่ดี
  -  เทคนิคการประชุม
  -  ปัญหาของเด็ก
  -  การพูดของอาจารย์จตุพล ชมภูนิช
  -  พูดดี ต้องประเมิน
  -  ลักษณะนักพูด
  -  ผู้นำพูด
  -  พูดโอกาสต่างๆ
  -  สั่นเพราะไมค์
  -  ผู้บริหาร มนุษย์สัมพันธ์
  -  เทคนิคในการพูด
  -  IMC ของไทยรักไทย
  -  เอดส์ วัยรุ่น สังคมไทย
  -  นักเขียน
  -  เด็กขายตัว
  -  สู่ผู้นำ
  -  อาหารปลอดภัย
  -  ทำไมคนดีๆ จึงลาออก
  -  อารมณ์ขันกับนักพูด
  -  การพูดหน้าชุมชน
  -  เลิกเหล้าเข้าพรรษา
  -  ฝึกพูด
  -  น้ำเมารอบสถานศึกษา
  -  การมีมนุษย์สัมพันธ์
  -  ยาเสพติดประเทศไทย
  -  เหล้า เบียร์ วัยรุ่น
  -  องค์กรกับผู้บริหาร
  -  ศิลปะในการบริหาร
  -  คนตกงานกับปัญหาสัึงคม
  -  คนคือทรัพย์สิน
  -  เหล้ากับเทศกาลสงกรานต์
  -  ผู้บริหารกับการตลาด
  -  ศิลปะการฟัง
  -  เพศกับวัยรุ่น
  -  ทีม
  -  คำคม 3 ก๊ก
  -  กล้าล้มเหลวจึงสำเร็จ
  -  เป้าหมายกับความสำเร็จ
  -  บทบาทนักบริหาร
  -  เอดส์ สังคมไทย
  -  ธรรมชาติการขาย
  -  ลิขสิทธิ์
  -  กิ๊ก
  -  เมืองไทยเมืองเซ็กส์
  -  จริยธรรมของไทย
  -  แฟชั่น นักศึกษา
  -  ปัญหาสิ่งแวดล้อม
  -  ปัจจัยในการบริหาร
  -  การเปลี่ยนแปลงกับการบริหาร
  -  น้ำมันลอยติดลมบน
  -  น้ำมันยังเป็นปัญหาใหญ่
  -  เรียนภาษาอังกฤษให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
  -  โลกร้อน
  -  พ่อแม่
  -  ปัญหามากมายสังคมไทย
  -  บุหรี่
  -  เลิกเหล้า เลิกจน
  -  ขยะเป็นทอง
  -  ผู้นำ
  -  สนุกกับงาน
  -  คิด พูด ทำ ความสำเร็จ
  -  ยกระดับบริการและความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะ
  -  คอร์รัปชั่นภัยร้ายสังคมไทย
  -  พ่อแม่ รังแกฉัน
  -  หลักการเขียนบทความ
  -  เด็กนอกระบบ
  -  ก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
  -  การเตรียมความพร้อมของบุคลากรสาธารณสุข
  -  นักพูดที่ดีต้องรู้จักวิเคราะห์ภาษากายของผู้ฟัง
  -  จริยธรรม คุณธรรม ความรับผิดชอบ
  -  การตลาดเพื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
ธรรมชาติการขาย
ธรรมชาติของงานขาย

โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)

คนไทยจำนวนมากยังมีความเข้าใจผิดและยังรังเกียจงานขาย แต่จริงๆ แล้วงานขายเป็นงานที่แทรกอยู่ทุกอณูของธุรกิจและของหน่วยงานทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็น การเมือง การตลาด การศาสนา และ การบริโภค ถ้าไม่มีงานขาย ก็ไม่เกิดธุรกิจ ไม่มีหน่วยงาน องค์กร ตัวอย่างเช่น


ถ้าผมไปซื้อรถจักรยานยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ภายในร้านขายรถจักรยานยนต์ ไม่มีคนซื้อรถจักรยานยนต์ยี่ห้อดังกล่าวเลย หนักๆเข้าก็ต้องปิดร้าน แล้วมันไปกระทบกับอะไรครับ กระทบกับโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์


ลงท้ายโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อนั้นก็ต้องปิดโรงงาน แล้วมันไปกระทบกับอะไรอีกครับ กระทบกับโรงงานผลิตยางรถจักรยานยนต์ กระทบกับโรงงานผลิตเหล็ก กระทบกับโรงงานผลิตกระจก โรงงานพวกนี้อาจกระทบโดยมีกำไรน้อยลง แล้วสิ่งที่ตามมาก็คือ การปลด การลด พนักงาน ลง นี่เกิดจากสาเหตุอะไรครับ ถ้าไม่มีงานขาย


ในทางกลับกัน ถ้าคนซื้อรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อนี้ มากๆ หรือ ถ้ามีพนักงานขาย สิ่งที่ตามมาก็คือ การจ้างงานมากขึ้น ก็จะมีการขยายกิจการประเภทต่างๆ มากขึ้น มีการจ้างพนักงานฝ่ายต่างๆ มากขึ้น เช่น ฝ่ายผลิต


ฝ่ายบัญชี ฝ่ายโรงงาน และ องค์กรก็จะเดินหน้าต่อไปได้


ฉะนั้น ถ้าไม่มีงานขาย ก็ไม่มีธุรกิจ ไม่มีหน่วยงาน ไม่มีองค์กร


ในความเป็นจริงแล้ว พวกเราก็เป็นนักขายทุกคน เราต่างเป็นพนักงานขาย เราซื้อ เราขาย เราแลกเปลี่ยนสินค้า บริการกัน เช่น


นักร้อง ก็ต้องขายเสียงเพลง


นักเขียน ก็ต้องขายความคิด ขายจินตนาการ


นักดนตรี ก็ต้องขายเสียงเพลง และขายความสามารถในการเล่นดนตรี


ลูกจ้าง ก็ต้องขายแรงงาน


ข้าราชการ ก็ต้องขายบริการให้ความสะดวกแก่ประชาชน


ครู อาจารย์ ก็ต้อง ขายความรู้ วิชาการ


สรุป คือ เราทุกคน ทุกอาชีพ ต่างก็เป็นนักขาย แล้วทำไมเราต้องไปรังเกียจงานขายด้วย อาจมีสาเหตุหนึ่ง คือเราอาจยึดคำพังเพยโบราณมาว่า “ สิบพ่อค้าไม่เท่าพระยาเลี้ยง ” แต่มายุคนี้อาจต้องเปลี่ยนคำพังเพยโบราณใหม่ครับว่า “ พ่อค้าคนเดียวเลี้ยงพระยาได้ตั้งสิบคน ”


ดังนั้น เราต้องมาปรับเปลี่ยน ทัศนคติของคนไทยเสียใหม่ โดยให้เห็นงานขายเป็นอาชีพหนึ่งที่มีความสำคัญและมีเกียรติของสังคมไทย

...
  
ลิขสิทธิ์
กฎหมายลิขสิทธิ์


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


www.drsuthichai.com


085-0294726


ถ้าพูดถึงเรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ ต้องถือว่าคนไทยจำนวนมากยังไม่ค่อยเข้าใจและหลายคนทำผิดกฎหมายลิขสิทธิ์โดยไม่รู้ตัวหรือตั้งใจ เช่น การคัดลอกถ่ายเอกสารหนังสือ ตำราต่างๆ ตามร้านถ่ายเอกสารเพื่อจำหน่าย , การคัดลอกแผ่น vcd dvd ภาพยนตร์ เพลง ต่าง ๆ , การที่คนหนึ่งถ่ายภาพวัดวาอารามต่างๆ แล้ว ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของผู้ถ่ายแล้วมีคนนำไปใช้โดยไม่ขออนุญาต ฯลฯ สิ่งต่างๆเหล่านี้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ มีความผิดตามกฎหมายแต่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ทราบเพราะเห็นหลายๆคนเขาทำกันในบทความฉบับนี้เราจะมาพูดถึงกฎหมายลิขสิทธิ์กัน


กฎหมายลิขสิทธิ์เป็นกฎหมายที่ให้การคุ้มครองแก่ผู้สร้างสรรค์งานของตนเอง โดยไม่ให้มีผู้อื่นกระทำการผลิตซ้ำ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งงานคุ้มครองเหล่านี้เป็นไปตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 กำหนดงานที่ได้รับการคุ้มครอง คือ งานสร้างสรรค์ประเภท นาฏกรรม ศิลปกรรม วรรณกรรม ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง โสตทัศนวัสดุ ดนตรี งานแพร่ภาพแพร่เสียง ฯลฯ


สำหรับงานด้านวรรณกรรม กระผมขอขยายรายละเอียดเพิ่มเติมได้แก่พวกงานนิพนธ์ทุกชนิด เช่น จุลสาร หนังสือ สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ สุนทรพจน์ คำปราศรัย ปาฐกถา เทศนา รวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สิ่งเหล่านี้จะคุ้มครองลิขสิทธิ์ทันทีเมื่อสร้างเสร็จโดยไม่ต้องมีขั้นตอนทางกฎหมายใดๆ อีกทั้งยังไม่ต้องเผยแพร่แก่สาธารณชนก่อน


ดังนั้น ผู้ใดจะเอาผลงานของเจ้าของลิขสิทธิ์ต้องได้รับการยินยอมก่อน การมีกฎหมายลิขสิทธิ์คุ้มครองทำให้ผู้ผลิตงานมีกำลังใจในการทำงานอีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนได้ ดังเช่น มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกคนหนึ่ง อย่างบิลเกต ซึ่งได้ผลิตซอฟแวร์ไมโครซอฟขึ้นแล้วนำไปขายทั่วโลกจนร่ำรวยขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือ เจ้าของกูเกิ้ล เซริร์ชเอนจินระดับโลก หรือ เจ้าของผลงานหนังสือ แฮรี่ พอลเตอร์ เป็นต้น หากไม่มีกฎหมายลิขสิทธิ์ก็จะทำให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานหมดกำลังใจและไม่อยากสร้างสรรค์ผลงานเพื่อเป็นประโยชน์แก่สังคมและโลก


สำหรับงานที่ไม่มีลิขสิทธิ์นั้น คือ งานที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตก่อนซึ่งจะนำไปใช้ประโยชน์ส่วนรวมหรือส่วนตัวก็ได้ ได้แก่ ข่าวประจำวัน รัฐธรรมนูญ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจงและหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ เป็นต้น


มีคนมักถามผมว่า ลักษณะอย่างไรจึงถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ การกระทำที่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ คือ


การนำผลงานของผู้สร้างสรรค์ไป ขาย ให้เช่า เผยแพร่ต่อสาธารณชน นำหรือสั่งเข้ามาในประเทศ แจกจ่ายในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ ฯลฯ


สำหรับโทษทางกฎหมายมีทั้งทางแพ่งและทางอาญา กล่าวคือ ต้องมีโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หากพฤติกรรมทำละเมิดดังกล่าวเพื่อการค้า ผู้กระทำจะต้องโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ


แต่จากการสังเกตของกระผม ในประเทศไทยเรากฎหมายมีผลบังคับใช้ หรือนำไปปฏิบัติไม่เคร่งครัดเท่าที่ควร หากวิเคราะห์ดูแล้ว หากปฏิบัติกันอย่างจริงจัง เราจะเห็นผู้กระทำผิดกฎหมายลิขสิทธิ์อีกมากมายเลยทีเดียว สำหรับกรณีที่เกิดการฟ้องร้องกันขึ้น ส่วนใหญ่มักมีผลประโยชน์มาก แต่หากมีผลประโยชน์น้อย ผู้ฟ้องอาจไม่คุ้มค่าเนื่องจาก เสียเวลา เสียเงิน และปวดหัวกับการมีเรื่องมีราว จึงไม่มีการฟ้องร้องกันขึ้น


ดังนั้น หากจะคัดลอกผลงานหรือดัดแปลงของใคร ก็ควรจะขออนุญาตเจ้าของผลงานเขาด้วย อีกทั้งควรศึกษาด้วยว่า การกระทำในลักษณะไหนจึงถือว่ามีความผิดกฏหมายที่เกี่ยวกับลิขสิทธิ์







...
  
กิ๊ก
กิ๊ก คือ อะไร
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

มีคนเคยถามกระผมว่า “ กิ๊ก หมายถึงอะไร ” “ กิ๊ก คือ อะไร ” เพราะเขาได้ยินน้องๆ นักศึกษาหลายคนบอกว่าวันนี้ไม่ได้ไปกับแฟนแต่ไปกับ “กิ๊ก” เมื่อเจอคำถามนี้ กระผมถึงกับ อึ้ง ตอบไม่ได้ ทำให้ต้องไปค้นคว้า โดยกระผมได้ทำการเปิดพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้ความหมายไว้ว่าเป็นคำคุณศัพท์หรือกริยาวิเศษณ์ หมายถึงเสียงของแข็งกระทบกัน


ซึ่งกระผมคิดว่าคงไม่ใช่ความหมายของเด็กนักศึกษาที่เขาพูดกัน จึงได้ค้นคว้าเพิ่มเติม กระผมจึงไปสอบถามเด็กนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา จึงได้รับคำตอบว่า


"กิ๊ก...มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน" แต่เมื่อถามถึงรายละเอียดนักศึกษาคนนี้ ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ด้วยความอยากรู้อยากเห็น กระผมจึงได้ไปหาเอกสารต่างๆ จึงได้ความว่า การจะเป็นกิ๊กกันได้ต้องมีกฎดังนี้เขาเรียกว่า


กฎแห่งการมีกิ๊ก 10 ข้อ
1.ห้ามหึงหวงแต่ห่วงกันได้
2. มี Sex กันได้แต่ไม่ใช่เจ้าของกัน
3.ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องมากเกินเหตุ
4. กิ๊กอาจเปลี่ยนสถานะได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ห้ามเศร้า
5. ห้ามใช้กิ๊กร่วมกันกับเพื่อน
6. ถ้ากิ๊กคิดจะไปมีแฟนเป็นตัวตนโดยไม่ใช่เรา ห้ามฟูมฟายแต่ต้องพยายามยอมรับและยินดีด้วย แล้วค่อยตกลงกันอีกทีว่าจะยังกิ๊กกันต่อรึเปล่า
7. ไม่จำเป็นต้อง take care กันเกินเหตุ เพราะ เป็นแค่กิ๊ก
8. กิ๊กมีได้ไม่จำกัดจำนวนเป็น infinity ไม่จำกัดเพศ วัย และ สถานภาพ
9. กิ๊กสำคัญรองจากแฟน
10. กิ๊กยังไงก็เป็นกิ๊กต้องเจียมตัว (ถ้าแฟนเขาจับได้ต้องเลิก)


นี่ก็เป็นกฎแห่งการมีกิ๊ก แต่กระผมมีความห่วงใยอยู่ในกฎข้อที่ 2 คือ มี Sex กันได้แต่ไม่ใช่เจ้าของกัน ซึ่งกระผมเห็นว่ามันผิดจารีตประเพณีไทยแต่โบราณ ไทยเราสอนให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว ทำให้กระผมรับไม่ได้กับคำว่า “ กิ๊ก ” มี Sex ได้แต่ไม่จำเป็นต้องแต่งงานเป็นสามี-ภรรยากัน หรืออาจมี “ กิ๊ก ” กับสามี-ภรรยาของคนอื่น ถ้าพูดกันตรงๆ ก็อาจพูดได้ว่า “ กิ๊ก ” เป็นการสนับสนุนให้คนเรามี “ ชู้ ” กัน ถ้าเช่นนั้น ท่านผู้อ่านจะรับได้มั้ยถ้า สามี-ภรรยา ของท่านไปมี กิ๊ก หรือ มี ชู้ กับ สามี-ภรรยา ชาวบ้านเขา และถ้าท่านจับได้ คนเขาจับได้ท่านจะรู้สึกอย่างไร


ปัจจุบัน ยุคสมัยอาจเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต สื่อลามกมากขึ้น ลัทธิบริโภคนิยม เข้ามาแทนที่ ทำให้คนต้องการสิ่งต่างๆมากขึ้น ทำให้ความสุขต่างๆ ลดน้อยลง ดังนั้น ค่านิยมที่ดีงามของไทย บางอย่างจึงถูก กระแสดังกล่าว กลืน ทับถม จนหายไปในที่สุด


ในวันนี้กระผมอยากเชิญชวนพวกเรา มาสร้างค่านิยมที่ดีและถูกต้องกัน ค่านิยมที่ รักเดียวใจเดียว ไม่คบชู้สู่ชาย ค่านิยมที่สร้างความคุ้มกันให้กับครอบครัว การมี กิ๊กหรือมีชู้ แน่นอนทำให้ครอบครัวแตกแยก เกิดปัญหาหย่าร้าง ลูกขาดความอบอุ่น ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมอื่นๆตามมา ค่านิยมที่ทำให้พ้นภัยจาก โรคติดต่อต่างๆ เช่น โรคเอดส์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์


ความรัก ความห่วงใย คือ สายใยของครอบครัว


...
  
เมืองไทยเมืองเซ็กส์
หรือเมืองไทยจะเป็นเมืองเซ็กส์
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


เมื่อวานนี้ กระผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือพิมพ์เก่าๆ ได้มีนักการเมืองที่เป็นสุภาพสตรีท่านหนึ่งบอกว่า วิธีการผูกใจสามี ต้องไม่นุ่งชุดชั้นใน ไม่ต้องนุ่งยกทรง และกางเกงใน แล้ว ภรรยาที่ดีต้องเป็นโสเภณีตอนอยู่บนเตียงกับสามี นักการเมืองหญิงท่านนี้ปัจจุบันก็มีข่าวอยู่หน้าหนึ่งตามหนังสือพิมพ์ต่างๆ คอยวิจารณ์ มรรยาทหรือการแต่งตัว โป๊ ของดาราต่างๆ บ้าง คอยวิจารณ์การสอนลูกของดาราบ้าง แต่สิ่งที่กระผมสนใจก็คือ การบรรยายต่อหน้าที่ชุมชนของท่านเรื่องการผูกใจสามี โดยใช้เซ็กส์เป็นตัวนำ


การผูกใจต่อสามีมีตั้งมากมายแต่ทำไม ต้องมาลงที่เรื่อง เซ็กส์ หรือเมืองไทยจะเป็นเมืองเซ็กส์ นี่ไม่ใช่เรื่องแรกที่เคยได้ยินได้ฟังมา แต่กระผมได้ยินเรื่องพรรณนี้มาตั้งหลายครั้ง แม้กระทั่ง ชาวต่างชาติ ต่างประเทศเอง เขาก็พูดทำนองนี้ กระผมเองได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศอยู่บ้าง และได้มี โอกาสสอบถามชาวต่างประเทศว่า คุณเคยไปเมืองไทยหรือเปล่า เขาตอบว่าเคย แล้ว คุณคิดว่าเมืองไทยเป็นอย่างไร ฝรั่ง หรือ แขก เขาตอบทันทีว่า เป็นเมืองเซ็กส์ ทำไม เขาคิดอย่างนั้น แล้วเราไม่สามารถห้ามให้เขาคิดได้ด้วย เมื่อไม่กี่ปีก่อนเขาก็บันทึกไว้ ในหนังสือบันทึกที่รวบรวมเรื่องราวต่างๆไว้ในโลก เขาบันทึกว่าเมืองไทยมีดี 2 อย่าง คือ เซ็กส์ และ กอฟส์ กระผมเป็นคนมีนิสัยไม่ดีอยู่อย่างหนึ่งคือ ถ้าอยากรู้เรื่องอะไร กระผมจะพยายามค้นหาและสืบค้นจนพบ ดังนั้นผมจึงอยากรู้เรื่องว่าทำไมชาวต่างชาติ มาเที่ยวเมืองไทยกลับไปประเทศเขาแล้วทำไมถึงว่าไทยเป็นเมืองเซ็กส์ จึงได้ถาม เขาบอกว่า บริษัทนำเที่ยวพาเขาเที่ยวเมืองไทย ในเมืองต่างๆที่สวยงาม แต่ไปจบที่สถานที่ท่องเที่ยวประเภทขายบริการทางเพศ เช่น ย่านพัฒน์พงษ์ ย่านรัชดา ส่วนต่างจังหวัดก็ไม่น้อยหน้า เช่น พัทยา ไกด์ก็พาไปสถานบริการทางเพศ หรือ แม้แต่โรงแรมดังๆในกรุงเทพฯเอง กระผมก็เคยเจอด้วยตัวกระผมเอง ตอนกลางคืนมักจะมีหญิงขายบริการทางเพศ มาเคาะประตู แล้วถามขายบริการทางเพศ เราเองมักเคยชินกับสิ่งเหล่านี้แต่นักท่องเที่ยว เขาไม่คิดอย่างนั้น เขาคิดว่าถ้ามาเมืองไทย ต้องมานอนกับหญิงสาวไทย


ดังนั้น กระผมต้องขอร้อง บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านท่องเที่ยวบางบริษัท เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวมีตั้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วัดวาอาราม ทะเล ภูเขา น้ำตก วัฒนธรรม ประเพณีไทยที่งดงาม ฯลฯ ทำไมไม่พาเขาไปดู แต่พาไปดูสถานบริการทางเพศหรือมีการแสดงลามก อนาจาร เกี่ยวกับทางเพศ


ถ้าบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยว ถ้ารักเมืองไทย ถ้าเกิดมาเป็นคนไทย เราต้องช่วยกัน อย่าเห็นแค่เพียง เงินทองแค่เล็กน้อย แต่ทำให้ภาพพจน์ ภาพลักษณ์ของประเทศไทยต้องเสียไป


อีกธุรกิจหนึ่งที่ทำลายภาพพจน์ของไทยเราเช่นกัน ก็คือ แหล่งขายบริการทางเพศที่มีมากขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน รวมกับการถ่ายภาพ และ วีดีโอเกี่ยวกับภาพลามก อนาจาร ผ่านทางสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วีซีดี ดีวีดี อินเตอร์เน็ต ฯลฯ


เมื่อสื่อเหล่านี้เผยแพร่ออกไป ทำให้ภาพพจน์ของคนไทยเสียไป ชาวต่างประเทศมักคิดว่า


เมืองไทยมีโสเภณีเด็ก ทั้งชายและหญิง รวมถึงความต้องการมาเมืองไทยเพื่อใช้บริการทางเพศแบบต่างๆ


ดังนั้น การจะรักษาภาพลักษณ์ของเมืองไทย เพื่อให้พ้นจากการเป็นเมือง เซ็กส์ ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย เช่น รัฐบาลต้องออกกฎหมายควบคุม ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง


ธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องเลิกกิจการ และที่สำคัญคือประชาชนทุกคนต้องคอยสอดส่องดูแล

...
  
จริยธรรมของไทย
จริยธรรมของคนในสังคมไทย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


จริยธรรม เป็นหนึ่งในวิชาหลักของ วิชา ปรัชญา ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับความดีงามทางสังคมมนุษย์ จำแนกแยกแยะว่าสิ่งไหนถูกและสิ่งไหนผิด หากจะอธิบายอย่างง่ายๆ แล้ว จริยธรรม หมายถึง การแยกสิ่งถูกจากผิด ดีจากเลว


ความหมายตามพจนานุกรมในภาษาไทย จริยธรรม หมายถึง ธรรมที่เป็นข้อประพฤติ


ศิลธรรมอันดี


แต่โดยส่วนตัวกระผมขอจำกัดความคำว่า จริยธรรม ว่า การทำความดี


ถ้าพูดถึงคนทุกอาชีพในสังคมไทยเรา ย่อมจะต้องมีจริยธรรมอยู่ เช่น นักการเมือง ก็ต้องมีจริยธรรมของนักการเมือง , หมอ ก็ต้องมีจริยธรรมของหมอ , ครู อาจารย์ ก็ต้องมีจริยธรรมของ ครู อาจารย์ , สื่อมวลชน ก็คงต้องมีจริยธรรมของความเป็นสื่อมวลชน ฯลฯ


แต่ในยุคปัจจุบัน ความเจริญก้าวหน้าทางด้านวัตถุนิยม เข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้ความดีงาม หรือ จริยธรรมของคนเรา กลับไม่เจริญก้าวหน้าตาม ซ้ำร้ายกลับ ลดน้อย ถอยลง


สังคมไทยในยุคปัจจุบันมีการแข่งขันสูง จนทำให้เกิดการเอาเปรียบซึ่งกันและกัน การเอาเปรียบกันในสังคมจึงมีทุกระดับ ตั้งแต่ขอทานไปจนถึงนายกรัฐมนตรี


ระบบอุปถัมภ์นำเราไปสู่การขาดจริยธรรม การเล่นพรรค เล่นพวก การไม่แยกระหว่างเพื่อน ญาติ และหน้าที่ การช่วยคนกระทำผิดให้พ้นผิด ถ้าคนคนนั้นคือ พรรคพวกเดียวกัน แต่ถ้าคนละพวก ก็ไม่ให้การช่วยเหลือ ทำให้ขาดการเสมอภาคในสังคมไทย


ดังนั้น ถ้าเราเรียกหา จริยธรรมของคนในสังคมไทย เราคงต้องแก้ไขทั้งระบบของสังคม ไม่ว่าเราจะประกอบอาชีพอะไร? ต้องมีจริยธรรมอยู่ในตัวเราเสมอ เช่น


สื่อมวลชนซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นฐานันดรที่ 4 เคยพิจารณาตัวเองบ้างไหม ว่าวางตัวเป็นกลางหรือไม่


เสนอข่าวตรงไปตรงมาหรือเปล่า ไม่ทำตามคำสั่งใคร รับใช้นายทุนมากเกินไปหรือไม่


พ่อค้า แม่ค้า ไม่คิดเอาเปรียบลูกค้า โดยเอาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพมาขาย ไม่ผสมสิ่งแปลกปลอม ซึ่งเป็นอันตรายให้ผู้บริโภคทาน


ครู อาจารย์ เป็นอีกอาชีพหนึ่ง ที่เป็นตัวอย่างให้กับสังคม รวมทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษา และตามหลักวิชาชีพ ครู อาจารย์ ต้องเสียสละ แต่ปัจจุบันเห็นข่าวคราวเรื่อง การขาดจริยธรรมของ ครู อาจารย์ เกิดขึ้นบ่อย ตามหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และสื่อต่างๆ


ข้าราชการตั้งแต่ระดับเล็กไประดับใหญ่ ตามหน้าที่คือต้องรับใช้ประชาชน ให้บริการแก่ประชาชน


ทุกระดับ ทุกเรื่อง แต่ปัจจุบันลองไปดู การบริการบางแห่งมีการลัดคิว เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พรรคพวกและคนมีเงิน และมีการทุจริตในหน้าที่ในหน่วยงานรัฐบางแห่งโดยเฉพาะหน่วยงานที่ดูแลผลประโยชน์มาก


พระสงฆ์ ความจริงตามหลักต้องมีจริยธรรม เหนือประชาชนทั่วไป แต่พระสงฆ์ บางรูป มีพฤติกรรม ที่ขาดจริยธรรม ยิ่งกว่าคนโดยทั่วไปเสียอีก เราจะเห็นได้ตามสื่อต่างๆ จน ทำให้คนบางส่วนของสังคมไทย ขาดความนับถือใน ศาสนาไปเลยก็มี ไม่ว่าการมีเพศสัมพันธ์กับสีกาหรือผู้หญิง ทั้งๆที่เป็นข้อห้ามทางศาสนา


การสะสมวัตถุ เงินทอง ต่างๆ ของ พระสงฆ์ ซึ่ง ตามหลักศาสนาให้ ลด ละ สิ่งต่างๆ เหล่านี้


ดังนั้น เราคงต้องมาช่วยกัน ดูแล ควบคุม จริยธรรมของคนในสังคมไทย ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ยาก แต่อย่างน้อย การประกอบอาชีพใด ก็ควรมีจริยธรรมในอาชีพนั้น

...
  
แฟชั่น นักศึกษา
โดย บ้านเมืองออนไลน์ เมื่อเวลา 8:53:00 วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2550

คอลัมน์ : บ้านเมืองเรื่องวังจันทร์ : แฟชั่นของ นิสิต นักศึกษา

แฟชั่นของ นิสิต นักศึกษา
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
ถ้าพูดถึงปัญหาเรื่องแฟชั่นการแต่งกายของนิสิตนักศึกษา ได้มีการพูดถึงกันมานานหลายปีทีเดียว โดยเฉพาะ การแต่งกายตามแฟชั่นของนิสิต นักศึกษา หญิง ทั้งมหาวิทยาลัยรัฐและมหาวิทยาลัยเอกชน ที่นิยมสวมเสื้อติ้วรัดรูปโชว์ส่วนสัด กับกระโปรงสั้นเอวต่ำ

ถามว่ารูปแบบเหล่านี้ ถูกต้องตามระเบียบการแต่งกายหรือ ยูนิฟอร์ม ในชุดนิสิต นักศึกษา ของมหาวิทยาลัยหรือไม่ ตอบว่า ไม่ถูกต้อง

การแต่งกายตามระเบียบหรือ ยูนิฟอร์ม ถือว่าเป็นการให้เกียรติแก่สถาบัน เนื่องจากสถาบันแต่ละแห่งได้กำหนดยูนิฟอร์มไว้แล้ว ก็ต้องเหมือนกันหมด การแต่งกายตามแฟชั่นจึงเป็นการไม่ให้เกียรติแก่สถาบัน ไม่ให้เกียรติแก่อาจารย์ผู้สอน อีกทั้งยังทำให้เสียภาพลักษณ์ของประเทศในด้านวัฒนธรรม ขนาดฝรั่งต่างชาติ ยังชี้ว่า ชุดนิสิต นักศึกษา เซ็กซี่มากเกินไป

การแต่งกายตามกระแสแฟชั่นของนิสิตนักศึกษาอาจทำให้หลายๆ คน ต้องยอมอดอาหารเพียงเพื่อต้องการสวมใส่เสื้อติ้วให้สวย การสวมใส่ชุดนิสิต นักศึกษา ตามแฟชั่น ถ้าไปถามนิสิต นักศึกษาชาย หรือผู้ชาย ส่วนใหญ่จะบอกว่า ชอบมอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย

การแต่งกายตามแฟชั่น ของนิสิต นักศึกษาหญิง ซึ่งถ้าเซ็กซี่มากเกินไป ก็อาจจะทำให้เกิดคดีอาชญากรรมขึ้น เช่น การถูกข่มขืน การแอบถ่ายจากพวกโรคจิต ฯลฯ โดยไม่คาดคิด

การที่กระทรวงวัฒนธรรม นำโดย คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและนายกสภามหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ออกมารณรงค์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งโดยส่วนตัว ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

จากกรณีดังกล่าว กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงวัฒนธรรม จึงร่วมกันจัดโครงการรณรงค์เรื่องการแต่งกายของนิสิตนักศึกษา โดยทำเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้นิสิตนักศึกษาแต่งกายด้วยชุดนิสิต นักศึกษาตามระเบียบของมหาวิทยาลัยและการแต่งกายด้วยชุดลำลองภายในมหาวิทยาลัย โดยเชิญรองอธิการบดีฝ่ายกิจการ นิสิต นักศึกษาของมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนกว่า 30 แห่งมาหารือกันในวันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ซึ่งมหาวิทยาลัยต่างๆ มีความเห็นตรงกันในเรื่องดังกล่าว โดยมีมาตรการต่างๆ เช่น รณรงค์การแต่งกายชุดนิสิต นักศึกษาโดยให้รุ่นพี่เป็นแบบอย่างรุ่นน้อง มีสโมสรนิสิต นักศึกษาช่วยดูแล จัดประกวดแต่งกายชุดนิสิต นักศึกษา มีป้ายรณรงค์ มีอาจารย์และหน่วยงานต่างๆ ในมหาวิทยาลัยดูแล หากแต่งกายไม่เหมาะสม จะไม่ให้เข้าเรียน ไม่ให้ติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ และมีบทลงโทษ เช่น ตักเตือน ตัดคะแนนความประพฤติ ส่วนชุดลำลองดูแลให้แต่งให้เหมาะสม บางแห่งมีการจัดเวทีเสวนาประชาสัมพันธ์โครงการและเวทีแถลงนโยบายการแต่งกายชุดนิสิต นักศึกษา ถูกระเบียบ ทำแผ่นปลิวจดหมายข่าวและโปสเตอร์เชิญชวนผลิตสปอตวิทยุ จัดบอร์ดรณรงค์การแต่งกายเคลื่อนที่ จัดทำสติ๊กเกอร์และที่คั่นหนังสือ จัดเวทีเดินแฟชั่นโชว์และการแสดงละครเวทีกลางแจ้ง ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้นิสิตระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัย ตระหนักถึงความสำคัญและหันมาแต่งกายถูกระเบียบเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้นขอฝากท่านอธิการบดี มหาวิทยาลัยทุกแห่ง รวมทั้งครู อาจารย์ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ตลอดจนตัวนิสิต นักศึกษา ช่วยกันตรวจตรา ดูแล ตักเตือน การแต่งกายให้ถูกระเบียบ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง

เป็นการให้แก่เกียรติสถาบัน ครู อาจารย์ และสร้างความปลอดภัยให้กับตัวเอง ทำให้ตัวนิสิต นักศึกษา เกิดความภาคภูมิใจในสถาบัน และชุดยูนิฟอร์มของสถาบันตัวเอง


...
  
ปัญหาสิ่งแวดล้อม
โดย บ้านเมืองออนไลน์ เมื่อเวลา 9:03:00 วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2550

คอลัมน์ : บ้านเมืองเรื่องวันจันทร์ : ปัญหาสิ่งแวดล้อม ใครรับผิดชอบ
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
ถามว่าปัญหาสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันใครเป็นผู้รับผิดชอบ ถ้าจะตอบว่า ต้องช่วยกัน ต้องร่วมมือกัน ก็ฟังดูดี แต่อาจเป็นข้อสรุปที่ง่ายเกินไป และอาจจะไม่มีใครปฏิบัติและรับผิดชอบ

ถามต่อว่า ถ้าอย่างนั้น ควรเป็นใครเป็นผู้รับผิดชอบ ในความเห็นของกระผมขอแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

กลุ่มแรก รัฐบาล เป็นกลุ่มที่มีอำนาจหน้าที่ กำกับ ดูแล โดยออกกฎหมายมาเพื่อใช้บังคับ ให้คนในประเทศปฏิบัติ อีกทั้งยังมีกลไก บุคลากร ข้าราชการ งบประมาณ เครื่องมือ ฯลฯ ในการดำเนินการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม

กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มธุรกิจ เป็นกลุ่มที่มีผลประโยชน์ จากการผลิตสินค้า บริการ โดยใช้ทรัพยากรต่างๆ ของประเทศ เพื่อทำการผลิตสินค้า และบริการ เพื่อจำหน่ายทั้งภายในและส่งออกต่างประเทศ เป็นกลุ่มที่ก่อให้เกิดสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ โดยเฉพาะในกระบวนการผลิต ที่ก่อให้เกิดสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ เช่น น้ำเสีย บางโรงงานปล่อยน้ำเสีย ของเสียทิ้งลงแม่น้ำลำคลอง ลำน้ำสาธารณะ โดยไม่มีการบำบัด อากาศเสีย บางโรงงานปล่อยควันพิษ ฝุ่นละอองที่เป็นพิษออกจากโรงงานโดยไม่มีการกรองอากาศ ฯลฯ

กลุ่มที่สาม คือ ประชาชน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มใหญ่สุด เป็นกลุ่มที่มีสถานะทั้งการผลิตและบริโภค ในฐานะผู้ผลิตคือ ผู้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ทั้ง ดิน น้ำ ป่าไม้ โดยเฉพาะทางด้านเกษตรกรรม ทำให้เกิดผลกระทบที่ตามมา เช่น ทำให้ดินเสื่อมคุณภาพ น้ำถูกปนเปื้อนด้วยสารเคมีซึ่งมาจากปุ๋ยและยาฆ่าแมลง อีกทั้งคนในกลุ่มนี้เป็นทั้งผู้บริโภค คือ ใช้สินค้าและบริการ ที่ฝ่ายธุรกิจผลิตออกมา ซึ่งสินค้าบางตัวอาจส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากน้อยต่างกัน ตัวอย่าง การใช้สินค้าที่ อุปโภค บริโภค โดยทิ้งสารตกค้าง หรือ ย่อยสลาย ไม่ได้ก่อให้เกิดขยะ หรือสิ่งที่พิษตามมามากมาย

ซึ่งทั้งสามกลุ่ม ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ใช่ รัฐ เก็บภาษีได้แล้ว ก็โยนความผิดให้กลุ่มธุรกิจและกลุ่มของประชาชน โดยอ้างว่า เพราะ ขยะ น้ำเสีย อากาศเป็นพิษ มาจากโรงงาน ถ้าจะโยนความผิดอย่างนี้ ก็คงยากที่จะแก้ไขได้

การที่จะร่วมมือกันของทั้งสามกลุ่มได้ต้องอาศัยความเข้าใจในปัญหา การศึกษา การเก็บข้อมูล รวมถึงต้องสร้างจิตสำนึก ความรับผิดชอบ

ดังกรณี การใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร การใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูง จะทำให้สารตะกั่วออกจากท่อไอเสีย และตกค้างอยู่ที่ถนน เมื่อสูดเข้าไปจะมีผลกระทบกับระบบหายใจ ระบบประสาท ระบบสมอง ถ้ารับไปมากๆ ก็จะทำให้ความจำเสื่อม ดังนั้น รัฐบาลจึงเริ่มรณรงค์ให้ใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2534 โดยได้รับความร่วมมือ จากกลุ่มธุรกิจและกลุ่มประชาชน ทำให้สารตะกั่วในอากาศและตามท้องถนนลดน้อยลง

สิ่งที่ควรทำหรือควรปฏิบัติสำหรับการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
หลักใครทำ ใครทิ้ง ผู้นั้นจ่าย การผลิต ตามกระบวนการต่างๆ กลุ่มธุรกิจและกลุ่มประชาชน อาจก่อให้เกิด น้ำเสีย อากาศ เป็นพิษ ผู้นั้นจะต้องรับผิดชอบการกระทำ โดยอาจเสียค่าระบบป้องกันต่างๆ หรือ ถ้ามีผลกระทบต่อสังคมโดยรวม ต้องจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ควรกระจายความรับผิดชอบ ในการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยกระจายจากส่วนกลางไปยังส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น จนลงไปถึงประชาชน โดยสร้างจิตสำนึก สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน

ปัญหาสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย ทุกประเทศทั่วโลก ล้วนมีปัญหาเช่นกัน ดังนั้น ปัญหาสิ่งแวดล้อมจึงเป็นปัญหาของชาติที่ทุกคน ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน กระผมเชื่อว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่มีพลัง ถ้าต้องการแก้ไขอย่างแท้จริงและจริงจัง กระผมเชื่อว่า เราจะสามารถป้องกัน รักษา รวมถึงฟื้นฟูคุณภาพของสิ่งแวดล้อมของประเทศได้ดีขึ้น ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจาก ทั้งสามกลุ่มคือ รัฐบาล กลุ่มธุรกิจ และประชาชน



...
  
ปัจจัยในการบริหาร
ปัจจัยสำคัญสำหรับการบริหาร
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
การบริหารนั้น จะต้องยุ่งกับการจัดการ 4 เรื่องด้วยกัน คือ เรื่องของคน เรื่องของเงิน เรื่องของวัสดุสิ่งของและเรื่องของเครื่องจักรอุปกรณ์


ในบรรดา 4 เรื่องนี้ ถ้าใครเป็นนักบริหารก็คงจะทราบอยู่แก่ใจว่า การบริหารที่ยากที่สุดก็คือการบริหารคนหรือบุคลากรนั่นเอง


เพราะคน มีจิตใจ มีความอารมณ์ มีความรู้สึก มีชีวิต จิตใจ ไม่เหมือนกับ เงิน วัสดุสิ่งของหรือเครื่องจักรอุปกรณ์


ถ้าเราหยิบเงินออกไปใช้จ่ายซื้อข้าวซื้อของ เงินมันไม่เคยตั้งคำถามหรือบ่น เราใช้เครื่องจักรอุปกรณ์และวัสดุสิ่งของ ก็เหมือนกันมันไม่เคยบ่น หรือถ้าเราว่าใช้มันทำไม


แต่ถ้าเราใช้คนหรือลูกน้องสักคนให้ไปทำอะไร บางทีอาจถูกถามกลับว่า ทำไมถึงใช้ผม ทำไมไม่ใช้คนอื่น


การบริหารก็เช่นกัน บริหารคนหรือบุคลากรนั้นยาก ยิ่งถ้าใครที่จบจากต่างประเทศมา อาจร้อนวิชาที่ได้เรียนมาจาก ต่างประเทศ แล้วนำมาบริหารกับคนไทยอาจไม่ได้ผล เพราะ มันแตกต่างกัน เรื่องบางอย่าง อาจใช้กับคนไทยเราไม่ได้เหมือนกัน เล่นกับคนไทยก็ต้องใช้การบริหารแบบไทยๆ ให้เข้ากับนิสัยใจ วัฒนธรรมแบบคนไทยเรา


เช่น เราคงเคยได้ยินคำว่า “ อเมริกันแชร์ ” วัฒนธรรมแบบนี้ฝรั่งอาจจะคุ้นเคยและพอใจแต่ถ้านำมาใช้กับคนไทยดูอาจไม่ถูกใจคนไทยเรามากนัก เพราะคนไทยเราเคยชินกับคำว่า “ เจ้าภาพจงเจริญ ” มากกว่า จนแต่งเป็นเพลงและร้องกันอย่างสนุกสนาน


ผู้บริหารหรือหัวหน้าฝรั่ง นั่งกินกาแฟกันสองคน เมื่อกินเสร็จลุกขึ้นต่างคนต่างจ่าย ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นผู้บริหารหรือหัวหน้าคนไทย กินกาแฟกันสองคน เมื่อกินเสร็จลุกขึ้นต่างคนต่างจ่าย รับรองได้ว่าหัวหน้าหรือผู้บริหารคนนั้น ถูกลูกน้องนำไปนินทาลับหลังว่า ขี้เหนียว ใจไม่กว้าง เพราะวัฒนธรรมนั่งเองที่แตกต่างกัน


ดังนั้น การเล่าเรียนมาจากต่างประเทศ ที่เกี่ยวกับทฤษฏีการบริหารต่างๆนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องนำมาปรับใช้กับสังคมไทยเรา รวมถึงการศึกษานิสัยใจคอของคนไทย จึงจะชนะใจลูกน้องซึ่งเป็นคนไทยได้


การตำหนิ อบรม ลูกน้องซึ่งเป็นคนไทย ผู้บริหารแบบไทยที่ดีนั้น ควรตำหนิลูกน้อง โดยเรียกคนที่จะถูกตำหนิมาพบแล้วจึงอบรม ตำหนิกันสองต่อสองในห้องทำงานของผู้จัดการหรือผู้บริหาร เพราะคนไทยเราไม่ชอบเสียหน้า ไม่ชอบถูกตำหนิ ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน


เวลาตำหนิลูกน้องก็ไม่ควรใส่ท่าทางหรืออารมณ์ความไม่พอใจผสมเข้าไปด้วย จะทำให้ลูกน้องรู้สึกว่าเจ้านายหรือผู้บริหาร เพิ่มดีกรีของความไม่พอใจขึ้นไปอีก


สำหรับการชื่นชม ลูกน้องแบบไทยมัก อยากเป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมงาน เราก็ควรชื่นชมลูกน้องต่อหน้าที่ประชุมหรือสาธารณชน จึงจะชนะใจของลูกน้องซึ่งเป็นคนไทยได้


ท้ายนี้ขอฝากมงคลชีวิตของพระธรรมดิลก (จันทร์ กุสโล) วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบทประพันธ์ที่ให้แง่คิดได้มากเลยทีเดียว สำหรับผู้บริหาร


ถ้าท่านอยากมีอำนาจ ก็อย่าขาดความยุติธรรม


ถ้าท่านเห็นแก่ได้ ก็อย่าหวังน้ำใจจากผู้อื่น

...
  
การเปลี่ยนแปลงกับการบริหาร
ผู้จัดการกับการเปลี่ยนแปลง
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
ในยุคสมัยปัจจุบัน ต้องถือว่า โลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ต่อเนื่อง และมีความไม่แน่นอน ดังนั้นผู้ที่จะเป็นผู้จัดการต้องทำความเข้าใจ อีกทั้งต้องมีการปรับตัว เพื่อความอยู่รอดขององค์กร ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อองค์กรที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ก็คือ เทคโนโลยี สื่อสารมวลชน ฯลฯ


ซึ่งทำให้ผู้จัดการต้องทำงานโดยใช้วิธีที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต


ลักษณะงานการจัดการในปัจจุบันมีความแตกต่างจากงานการจัดการในอดีต อาจกล่าวได้ว่ามีความแตกต่าง ดังนี้


1.ผู้จัดการต้องทำงานหนัก เนื่องจากมีภาระความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น และต้องทำงานให้เสร็จ จึงทำให้ในแต่ละวัน ผู้จัดการต้องแก้ปัญหามากขึ้น มีความเครียดในการทำงานมากขึ้นกว่าผู้จัดการในอดีต


2.ผู้จัดการต้องมีความสามารถหลากหลาย เนื่องจากการทำงานในยุคปัจจุบันผู้จัดการต้องทำงานและทำกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การเจรจาต่อรอง งานด้านเอกสาร การเป็นประธานในงานต่างๆ การประชุม การกล่าวปราศรัยในงานต่างๆ


3.ผู้จัดการต้องทำงานร่วมกับสื่อมวลชนทุกประเภทมากขึ้น การจัดการองค์การในยุคปัจจุบัน มีการแข่งขันสูง ผู้จัดการจึงต้องเป็นนักการตลาด นักประชาสัมพันธ์ บางสถานการณ์จะต้องถูกสัมภาษณ์จากสื่อสารมวลชน


4.ผู้จัดการต้องทำงานเกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสารมาก ในยุคปัจจุบันเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร


และสารสนเทศ ผู้จัดการจึงต้องมีระบบจัดเก็บข้อมูลข่าวสาร มีทักษะการใช้ข้อมูลข่าวสารสำหรับใช้ตัดสินใจ ตลอดจนการส่งข้อมูลข่าวสารถึงคนในองค์การ ต้องมีความชัดเจนและทั่วถึง


5.ผู้จัดการต้องทำงานร่วมกับบุคคลต่างๆมากขึ้น ไม่ว่าจะคนในองค์การหรือคนนอกองค์การ ต้องมีทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เนื่องจากต้องติดต่อกับคนทุกระดับ เช่น ติดต่อกับลูกค้า ติดต่อกับผู้บังคับบัญชา ติดต่อกับผู้ใต้บังคับบัญชา ติดต่อกับองค์การหรือหน่วยงานต่างๆ ติดต่อกับเพื่อนร่วมงาน


บางคนบอกกับผู้เขียนว่า ตนไม่มีความสามารถในด้านการจัดการ เนื่องจาก การเป็นผู้จัดการเป็นพรสวรรค์ที่ธรรมชาติหรือพระเจ้าให้มา แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เราอาจเห็นบางคนเป็นคนเงียบๆ แต่พอได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการ ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องวาทศิลป์ขึ้นมา เนื่องจากการได้ขึ้นเวทีบ่อยๆ นั่นเอง


ผู้จัดการที่ดีต้องมีทีมงานที่ดีและเก่ง บ่อยครั้งเราจะเห็นว่าผู้จัดการคนนี้เก่งจังที่ทำงานได้หลายหลากและมีความรอบรู้แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เนื่องจากไม่มีใครที่จะเชี่ยวชาญทุกด้าน อีกทั้งรอบรู้ไปหมดทุกเรื่อง ผู้จัดการที่ดีจะต้องมีทีมงานที่ดีและเก่ง คอยช่วยเหลือเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด


ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า การเป็นผู้จัดการในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ผู้จัดการในยุคปัจจุบันจำเป็นจะต้องเก่งกว่าผู้จัดการในยุคอดีต ทำงานหนักกว่า เรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา ทำงานร่วมกับหน่วยงานนอกองค์กรได้โดยเฉพาะสื่อมวลชน ต้องทำงานเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารมากขึ้น และต้องมีมนุษยสัมพันธ์ ทำงานกับผู้อื่นได้


ผู้จัดการสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ อีกทั้งความเป็นผู้จัดการที่ดีต้องขึ้นอยู่กับทีมงานที่ดีและเก่ง จึงจะทำให้ผู้จัดการคนนั้นขึ้นชื่อว่า ดีและเก่ง




...
  
น้ำมันลอยติดลมบน
น้ำมัน ...ลอยติดลมบน ประชาชน...ถูกเหยียบติดดิน
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ ม.นเรศวร พะเยา

ลง หนังสือกรุงเทพธุรกิจ ฉบับที่ 6 ธันวาคม 2550 ต่างจังหวัดวันที่ 7 ธันวาคม 2550

6 ธันวาคม พ.ศ. 2550 07:00:00


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ถ้าพูดถึงเรื่องราคาน้ำมันในบ้านเรามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเดือดร้อน และราคาน้ำมันทำท่าว่าจะไม่ลดลงง่ายๆ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว ซึ่งช่วงฤดูหนาวของทุกปีจะมีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นกว่าปกติ

อีกทั้งเกิดปัจจัยความตึงเครียดระหว่างตุรกีและอิรัก และปัญหาอื่นๆ เพิ่มความรุนแรง ส่งผลให้กองทุนเก็งกำไร หรือที่เรียกว่า "เฮดจ์ฟันด์" เข้ามาทำกำไร อาจทำให้น้ำมันมีการขาดแคลนในอนาคต

สำหรับราคาน้ำมันในบ้านเราขณะนี้ ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลขยับเข้าใกล้ 30 บาท/ลิตร ทุกขณะ ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 32.89 บาท/ลิตร หรือเกือบ 33 บาท/ลิตร

เมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้นในปัจจุบันก่อให้เกิดผลกระทบกับราคาสินค้าต่างๆ รวมไปถึงพลังงานอื่นๆ ด้วย เช่น ราคาก๊าซแอลพีจีที่ติดตั้งในรถแท็กซี่-รถยนต์ส่วนตัวและใช้ในครัวเรือน รัฐบาลมีนโยบายลอยตัวเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งสาเหตุก็คงเกิดจากคนเปลี่ยนมาใช้ก๊าซแอลพีจีกันมากขึ้นในรถยนต์ส่วนตัว จึงทำให้ต้องมีการปรับตัวตามความเป็นจริง

สำหรับพี่น้องประชาชนคนไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก ที่เห็นได้ชัดคือ ราคาสินค้าอุปโภค บริโภค ขนส่งมวลชน ไม่ว่าอาหารสด อาหารแห้ง อาหารทะเล ผัก ผลไม้ มีการขึ้นราคาตามมา รถโดยสารประจำทางก็มีการปรับราคาขึ้น สินค้าหลายตัวมีการปรับราคาขึ้น และกระผมเชื่อว่า หลังปีใหม่ เราคงได้เห็นสินค้าอีกหลายตัวทยอยขึ้นราคาตามมา ทำให้คนที่หาเช้ากินค่ำ ทำงานรายวัน เดือดร้อนไปตามๆ กัน

กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ขึ้นราคา ก็คือ มาม่าขอขึ้นอีกซองละ 1 บาท และได้รับไฟเขียวให้ขึ้นเรียบร้อยแล้ว ทำให้ประชาชนที่เป็นแฟนประจำของมาม่า ต่างร้องเป็นเสียงเดียวกันถึงความเดือดร้อนในการขึ้นราคาในครั้งนี้ น้ำมันพืชขอขึ้นอีก 5 บาท จาก 38 บาท/ขวด ขึ้นไปอีกไม่เกิน 43.50 บาท/ขวด โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงในการเปลี่ยนแปลงราคาในครั้งนี้ นมปรับราคา 20% ในช่วงเดือนสิงหาคม เนื่องจากต้นทุนน้ำนมดิบที่มีราคาสูงขึ้น

ด้านตัวเลขเงินเฟ้อในปีหน้าพุ่งขึ้น 4% อย่างไรก็ขอฝากธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงคลังและกระทรวงพาณิชย์ ช่วยดูแลด้วยครับ ไม่ให้ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงจนเกินไป

สำหรับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นในตอนนี้และในปีหน้า ก็ขอฝากกระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าภายใน) ช่วยดูแล ควบคุม เรื่องของราคาสินค้า การกักตุนสินค้า การขาดแคลนสินค้า รวมถึงการดูต้นทุนที่แท้จริงของการผลิต เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการขึ้นราคาเอาเปรียบผู้บริโภคมากจนเกินไป เพราะราคาสินค้าขึ้นได้ง่าย แต่โอกาสที่ราคาสินค้าจะถูกลงหรือลดลงมีความเป็นไปได้น้อยมาก

ถึงแม้รัฐบาลหรือครม. ได้ไฟเขียวให้ขึ้นค่าจ้าง 1-7 บาท ในวันที่ 1 มกราคม 2551 แต่เมื่อเทียบกับราคาสินค้าที่สูงขึ้นมาตอนนี้และหลังปีใหม่ การขึ้นค่าแรงแทบไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย

ด้านหนี้ในครัวเรือน สินเชื่อเพื่อบริโภคส่วนบุคคลก็เติบโตขึ้นอย่างน่าตกใจ เช่น สินเชื่อผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรพลาสติกที่มีการผ่อนชำระ มีการขยายตัวสูง และก่อให้เกิดหนี้คงค้างชำระบัตรเครดิตติดตามมา จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มผู้รายได้น้อย เป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายสินเชื่อด้านนี้สูงมาก อีกทั้งหนี้ในครัวเรือนก็มีมากขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง

ดังนั้น จึงขอให้รัฐบาลช่วยหาวิธีแก้ไข เยียวยา ความเดือดร้อนจากปัญหาราคาน้ำมัน ราคาสินค้า หนี้ในครัวเรือน เพราะถ้าประชาชนเดือดร้อนจากราคาน้ำมันกันมาก ก็จะเกิดเหตุความวุ่นวายได้ในอนาคต ดังจะเห็นได้จากประเทศเพื่อนบ้านของเราคือ ประเทศพม่า ไม่ใช่ราคาน้ำมันหรือ ที่ส่งผลกระทบต่อการครองชีพของประชาชนชาวพม่า จนทนไม่ไหวจึงออกมาประท้วงกันเป็นจำนวนมาก

เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเกิดความเดือดร้อนจากปัญหาราคาน้ำมัน ราคาสินค้า และค่าครองชีพ ก็อาจจะส่งผลกระทบกับปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น ปัญหาการปล้น การขโมย ปัญหายาเสพติด ปัญหาสังคม ปัญหาการฆ่าตัวตาย ฯลฯ

จากปัญหาดังกล่าวข้างต้นจะเห็นว่า ปัญหาใหญ่ก็คือ การดีดตัวของราคาน้ำมันเป็นต้นเหตุให้ราคาสินค้าเพิ่มราคาสูงขึ้น ดังนั้น รัฐบาล ผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงต้องช่วยกันดูแล และถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ควรที่จะศึกษา วิจัย พลังงานทดแทนใหม่ๆ มาทดแทนน้ำมันที่มีราคาสูงขึ้น

สำหรับการแก้ปัญหาราคาน้ำมันราคาแพง เราอาจทำได้หลายวิธีเช่น

การหาพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์ ก๊าซเอ็นจีวี ก๊าซแอลพีจี พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ พลังงานขยะ ฯลฯ พลังงานเหล่านี้สามารถใช้ทดแทนพลังงานจากน้ำมันได้ แต่ในปัจจุบันเราต้องยอมรับว่า เราขาดการวิจัย พัฒนา พลังงานเหล่านี้ เพื่อที่จะนำพลังงานเหล่านี้ขึ้นมาใช้ทดแทนพลังงานจากน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การแก้ไขปัญหาอีกวิธีก็คือ การประหยัด ประชาชนทุกคนควรช่วยกันประหยัดน้ำมัน ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรใช้รถยนต์ส่วนตัว เช่น ถ้าจำเป็นจะต้องเดินทางไปไหนในระยะทางที่ใกล้ๆ ก็ควรเดินไป หรือควรใช้จักรยาน ถ้าไกลไปอีกหน่อยก็ควรใช้จักรยานยนต์ แต่ถ้าจำเป็นต้องเดินทางระยะทางไกลๆ ก็ควรใช้รถโดยสารประจำทาง

อีกทั้งต้องหัดเป็นคนมีการวางแผนการเดินทาง ซึ่งการวางแผนการเดินทางนี้ จะทำให้เราสามารถประหยัดค่าน้ำมันและเวลาได้มากเลยทีเดียวครับ ถ้าจะไปทำธุระที่บริเวณใกล้เคียงกัน ก็ควรวางแผนไปทำธุระในวันเดียวกัน

ฉะนั้นคนไทยเราทุกคนต้องช่วยกันประหยัด จะเดินทางไปไหนควรต้องมีการวางแผนก่อน รัฐบาลหรือผู้บริหารประเทศควรส่งเสริม สนับสนุน วิจัย พัฒนา พลังงานทดแทนที่จะนำมาใช้แทนน้ำมัน เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำมันในอนาคต



...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.