หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  พลังแห่งการไม่ยอมแพ้
  -  บันได 6 ขั้น สู่ความสำเร็จ
  -  จงกล้าที่จะล้มเหลว
  -  พัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จ
  -  ทำงานให้สนุกและสร้างความสุขกับการทำงาน
  -  องค์ประกอบของการทำงานเป็นทีม
  -  การพัฒนาตนเอง
  -  ความรุ่งโรจน์อยู่ที่ตัวท่าน
  -  พลังแห่งชีวิต
  -  ฝึกฝึกและฝึก
  -  ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
  -  ทำงานอย่างไรให้มีความสุข
  -  นิสัยแห่งความสุข
  -  Think Big คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก
  -  Born To Win เกิดมาเพื่อชนะ
  -  หลักการทำงาน
  -  การทำงานให้เจริญก้าวหน้า
  -  ความเชื่อมั่นในตนเอง
  -  คุณก็เป็นผู้นำที่ดีได้
  -  จงแบ่งเวลาวันละ 1 ชั่วโมง
  -  เทคนิคการพูดในที่ชุมชน
  -  ชื่อ สโลแกน มีความสำคัญ
  -  ทำงานให้สนุกเป็นสุขกับการทำงาน
  -  จงเผชิญหน้ากับความตกต่ำ
  -  หัวใจนักปราชญ์
  -  ทำไมไม่กำหนดเป้าหมายในชีวิต
  -  จงเรียนรู้ตลอดชีวิต
  -  ท่านสามารถประสบความสำเร็จได้
  -  เข้าสังคมดีก็จะมีสิ่งดีๆเข้ามา
  -  เพียงคิดเป็นภาพความสำเร็จก็มีขึ้น
  -  พลังแห่งการให้
  -  เคล็ดลับความสำเร็จของมหาเศรษฐีระดับโลก
  -  ใช้ความราบรื่นเพิ่มความสุขให้ชีวิต
  -  ประตูสู่ความมั่งคั่ง
  -  ล้มได้ก็ลุกได้
  -  เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ...ท่านก็สามารถทำได้
  -  ผิดเป็นครู
  -  ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ
  -  ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า
  -  อ่านหนังสือได้เร็วชีวิตพัฒนาขึ้น
  -  จงกระตุ้นตัวเองเพื่อการกระตุ้นผู้อื่น
  -  ไม่มีข้ออ้างสำหรับความสำเร็จ
  -  จงรักในสิ่งที่ทำ จงทำให้สิ่งที่รัก
  -  ข้อดีของการให้ออกจากงาน
  -  ความล้มเหลวอาจเป็นสิ่งที่ดี
  -  ความล้มเหลวทำให้ท่านประสบความสำเร็จ
  -  ทำทันที(ททท.)
  -  ความสำเร็จเริ่มต้นที่ตัวเอง
  -  จงพัฒนาตนเอง ทุก 10%
  -  จงอย่าหยุดคิดริเริ่มสร้างสรรค์
  -  5 ส. สร้างสุขในการทำงาน
  -  กฎแห่งความสำเร็จ(กฎแห่งแรงดึงดูด)
  -  เป้าหมายชีวิต
  -  จินตนาการสู่ความสำเร็จ
  -  จงเชื่อมั่นในตนเอง
  -  เรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจ
  -  ปลุกศักยภาพในตัวคุณ
  -  ค้นให้พบโอกาสทอง
  -  อยากประสบความสำเร็จต้องมี Passion
  -  สู้ไม่ถอย
  -  ทำงานอย่างมีความสุข
  -  ปัญญามีมาก แต่ใจเท่าหัวไม้ขีดไฟ
  -  พัฒนาตนเองเพื่อความสำเร็จ
  -  เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกโอกาส
  -  จงทำงานอย่างมีชีวิตชีวา
  -  ความอดทนพากเพียรคือกุญแจสู่ความสำเร็จ
  -  ขุมทรัพย์แห่งความสำเร็จคือการให้
  -  วิชาชีพการโรงแรมและการท่องเที่ยวกับอาเซียน
  -  พลังแห่งการเคลื่อนไหวร่างกาย
  -  สมองเงินล้าน
  -  ก้าวไปให้ถึงจุดสุดยอดของชีวิต
  -  โมติเวท : คิดแบบเศรษฐี
  -  การสร้างพลังในตัวคุณ
  -   19 แนวคิดที่นำไปสู่ความสำเร็จ
  -  คุณก็สามารถร่ำรวยได้
  -  โมติเวท : ศาสตร์แห่งความร่ำรวย
  -  โมติเวท : ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะดีหรือร้าย
  -  โมติเวท : จงเรียนรู้ด้วยตนเอง
  -  ใจมีฝัน ใจมีหวัง ใจยังสู้
  -  ฉันทำได้
  -  อย่ายอมแพ้...หากว่ายังไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่
  -  15 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จในการทำงาน
  -  ทำไมท่านถึงไม่ประสบความสำเร็จในการทำงาน
  -  บัญญัติ 20 ประการทะยานสู่ความสำเร็จในการทำงาน
  -  ผู้นำที่ดีในการทำงาน
  -  วิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน
  -  รู้จักตนเอง...เพื่ออนาคตการทำงานของตนเอง
  -  นักขายต้องมีเป้าหมายและมีความฝัน
  -  ประสบความสำเร็จในการทำงานด้วยหลัก 5 ถึง
  -  ทำงานอย่างมีความสุข
  -  วิธีทำตนให้คนเกลียดในที่ทำงาน
  -  จงสร้างผลลัพธ์ในตัวคุณให้สูงสุด
  -  โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี
  -  อุปสรรค คือ สีสันของชีวิต
  -  สู้ไม่ถอย
  -  การสร้างแรงบันดาลใจ
  -  สร้างนิสัยแห่งความสำเร็จ
  -  ปลุกพลังในตัวคุณ
  -  คุณก็เป็นเศรษฐีได้
  -  เพื่อนคือทั้งหมดของชีวิต
  -  จอจ่อที่เป้าหมาย...ไม่ใช่จอจ่อที่อุปสรรค
  -  การทำงานด้วยหัวใจ
  -  อัจฉริยะพลิกสมอง....เปลี่ยนโลก
  -  อยากประสบความสำเร็จต้องลงมือทำ
  -   9 อุปนิสัยของคนที่ประสบความสำเร็จ
  -  ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
  -  จะทำงานอย่างไรให้ก้าวหน้า
  -  เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน
  -  กล้าฝัน กล้าไล่ล่าฝัน
  -  รู้ทิศทาง รู้ทำ รู้ทนทาน
  -  บางครั้งการล้มเหลวก็เป็นสิ่งที่ดี
  -  ผมมีความฝัน ฉันมีความฝัน
  -  ทำไมเราถึงล้มเหลว
  -  คุณมีความสามารถมากกว่าที่คุณคิด
  -  อยากสำเร็จต้องออกแรง
  -  7 วิธีสู่ความสำเร็จในชีวิต
  -  จงมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อนำไปสู่ความเป็นเลิศ
  -  การให้อภัยศัตรู
  -  อภัยทาน
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
จงกระตุ้นตัวเองเพื่อการกระตุ้นผู้อื่น
จงกระตุ้นตัวเองเพื่อการกระตุ้นผู้อื่น
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
การจะเป็นผู้นำผู้อื่นและทำให้ผู้อื่น เกิดความศรัทธา เชื่อถือ ปฏิบัติตาม ผู้นำคนนั้นจะต้องมีคุณสมบัติบางอย่างที่ทำให้ผู้อื่นคล้อยตามได้ ซึ่งคุณสมบัติต่างๆที่ผู้นำมีเพื่อเป็นการกระตุ้นตัวเอง เมื่อผู้นำกระตุ้นตนเองแล้วก็จะส่งผลเพื่อเป็นการกระตุ้นผู้อื่นหรือผู้ตามไปในตัว สิ่งที่ผู้นำควรกระตุ้นตนเองมีดังนี้
1.การตัดสินแน่วแน่ว่าตนต้องการอะไร มีเป้าหมายอะไร แล้วสามารถอธิบายให้ผู้ตามล่วงรู้ได้ ก็จะทำให้ผู้ตามเกิดความศรัทธา เกิดแรงกระตุ้น อยากที่จะช่วยเหลือ สนับสนุนให้ผู้นำไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้ การสร้างเป้าหมายแล้วตัดสินใจแน่วแน่และมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดใจให้ทั้งผู้นำและผู้ตาม มีทิศทางเดียวกัน เช่น ผู้นำตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะขยายกิจการและมีเป้าหมายในการทำธุรกิจให้ได้ 100 ล้านบาท ภายในปีหน้า เป็นต้น
2.ความเชื่อมั่นในตนเอง ของผู้นำจะทำให้ผู้ตามเกิดความเชื่อมั่นในตนเองได้ แต่ถ้าหากผู้นำเกิดลังเล จับจด เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ก็จะทำให้ผู้ตามเกิดความสับสนและมองภาพลักษณ์ว่าผู้นำไม่มีความเด็ดขาด ผู้นำอ่อนแอ ไม่กล้าหาญ หากผู้นำสามารถกระตุ้นตนเองให้มีความเชื่อมั่นในตนเอง ว่าตนสามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน แรงกระตุ้นนั้นก็ส่งผลไปยังผู้ตามกล่าวคือทำให้ผู้ตามเกิดความเชื่อมั่นในตนเองว่าเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถทำให้ทีมงานไปถึงเป้าหมายได้เช่นกัน
3.เป็นนักสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ตนเองและผู้อื่น การมีมนุษย์สัมพันธ์ของผู้นำมีความสำคัญก็จริงอยู่ แต่การมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีก็ไม่สามารถสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ การที่ผู้นำจะสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่นั้น ผู้นำจะต้องสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่นให้ได้เสียก่อน เขาจึงจะถือได้ว่าเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพสูง จงสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นแก่ตนเองเพื่อไปกระตุ้นแรงบันดาลของผู้ตาม
4.จงกล้าที่จะเสี่ยง ผู้นำที่ไม่กล้าตัดสินใจ ผู้นำที่คอยระมัดระวังตัวและผู้นำที่ระแวงลูกน้องตลอดเวลา มักทำให้ลูกน้องไม่กล้าที่จะริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นในงาน ตรงกันข้ามกับผู้นำที่กล้าที่จะเสี่ยง ย่อมกระตุ้นให้ทีมงานเกิดความกล้าทดลองสิ่งแปลกๆใหม่ๆและเกิดนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นภายในบริษัทหรือองค์กร ดังนั้นผู้นำจึงควรกล้าที่จะเสี่ยงเพราะการกล้าเสี่ยงของผู้นำจะเป็นการกระตุ้นให้ลูกน้องมีความกล้าหาญในการทำงานมากยิ่งขึ้น
5.จงสนุกกับชีวิต พวกเราลองคิดดูว่าคุณต้องการผู้นำในลักษณะใด เช่น ผู้นำที่มีลักษณะเป็นคนขี้บ่น เป็นคนอมทุกข์ เป็นคนหดหู่ หรือ ผู้นำที่มีลักษณะ ร่าเริง แจ่มใส มีความสนุกตื่นเต้น กระตือรือร้นในการทำงาน ดังนั้น หากผู้นำแสดงให้ผู้ตามเห็นว่า ตนมีความสนุกกับการทำงานและเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นราวกับถูกไฟเผา ผู้ตามก็จะรู้สึกถึงอารมณ์ การแสดงออกต่างๆของผู้นำได้
ดังนั้น การแสดงออก อารมณ์ ความรู้สึก สิ่งต่างๆที่ผู้นำกระทำจึงเป็นสิ่งที่มีผลกระทบไปยังความรู้สึก นึกคิด อารมณ์ต่างๆของผู้ตามอีกด้วย ดังนั้นผู้นำที่ดี ที่มีประสิทธิภาพ ต้องเป็นผู้นำที่สามารถกระตุ้นตนเองได้ เมื่อผู้นำสามารถกระตุ้นตนเองผู้นำคนนั้นก็จะสามารถกระตุ้นผู้อื่นได้ จงกระตุ้นตนเองเพื่อการกระตุ้นผู้อื่น
...
  
ไม่มีข้ออ้างสำหรับความสำเร็จ
ความสำเร็จไม่มีข้ออ้าง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนจำนวนมากที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตมักมีข้ออ้างต่างๆมากมาย ซึ่งข้ออ้างต่างๆ มักจะทำให้ตนเองจะได้ไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคิด การกระทำ เช่น ข้ออ้างฉันไม่มีวันประสบความสำเร็จเนื่องมาจาก อายุมากแล้ว , ร่างกายไม่สมประกอบ , หน้าตาไม่ดี , เป็นคนต่างจังหวัดคงสู้คนกรุงเทพฯไม่ได้ , การศึกษาไม่สูง , ไม่มีเวลา , เกิดมายากจน ฯลฯ
แต่แท้ที่จริงแล้ว ข้ออ้างดังกล่าว เป็นเพียงสิ่งที่เราคิดปรุงแต่งไปเอง ความคิดของคนที่ไม่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักคิดในทางลบมากกว่าคิดในทางบวก อีกทั้งในความเป็นจริง บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักจะไม่มีข้ออ้างดังกล่าว เช่น
- ข้ออ้างเรื่องอายุมากแล้ว ผู้พันฮาร์แลนด์ ดี.แซนเดอร์ส์ เจ้าของไก่ทอด เคนตั๊กกี้ อายุตั้ง 66 ปี แล้วพึ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ อีกทั้งชีวิตในอดีต เขาพบความล้มเหลวมาตลอดชีวิต ทั้งนี้หากผู้พันฮาร์แลนด์ ดี.แซนเดอร์ส์ คิดว่าตนเอง อายุมากแล้ว พวกเราคงไม่ได้รับประทานไก่ทอดที่อร่อยและคนรู้จักไปทั่วโลกในขณะนี้
- ข้ออ้างเรื่องร่างกายไม่สมประกอบ นิค วูจิซิค คนพิการหัวใจสู้ เขาเกิดมาไม่มีมือ มีแขน ขา ทั้งสองข้าง แต่เขาก็สามารถดำรงชีวิตได้เหมือนกับคนโดยปกติ อีกทั้งยังสามารถทำอะไรอีกหลายอย่าง บางอย่างคนปกติที่ไม่มีความพิการ ก็ไม่สามารถทำได้ เช่น การว่ายน้ำ , การพูดต่อหน้าที่ชุมชน ฯลฯ ปัจจุบันเขาเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนไปทั่วโลก
- ข้ออ้างเรื่อง หน้าตาไม่ดี หลายท่านอยากเป็นดารา นักร้อง นักแสดง แต่มีข้ออ้างให้กับตนเอง แต่ความเป็นจริงแล้ว ในยุคปัจจุบัน คนหน้าตาไม่ดี เป็น ดารา นักร้อง นักแสดง กันมากมาย ดังที่เราจะเห็นได้ตามสื่อต่างๆ
- ข้ออ้างเรื่อง เป็นคนต่างจังหวัดคงสู้คนกรุงเทพฯไม่ได้ ข้ออ้างนี้ เป็นปมด้อยของคนต่างจังหวัดหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา วิทยากร นักร้อง นักแสดง ฯลฯ แต่ความจริงแล้ว มันเป็นเพียงแค่ความคิด คนต่างจังหวัดที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีความสามารถ มีตั้งมากมาย บางคนมีความสามารถและประสบความสำเร็จมากกว่าคนกรุงเทพฯ อีกต่างหาก
- ข้ออ้างเรื่องการศึกษาไม่สูง เป็นข้ออ้างสำหรับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จบางกลุ่ม แต่ในโลกปัจจุบัน คนที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ บางคนยังไม่จบปริญญาตรีด้วยซ้ำไป แต่มีความสามารถจ้าง คนที่จบปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก ทำงานให้ เช่น สตีฟ จอบส์ , บิล เกตต์ , เฉินหลง ฯลฯ
- ข้ออ้างเรื่องไม่มีเวลา คนเรามีเวลาเท่ากันคือ 24 ชั่วโมง บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เขาสามารถทำอะไรได้ตั้งมากมาย ซึ่งแตกต่างกับบุคคลที่ล้มเหลว มักมีข้ออ้างเรื่องไม่มีเวลา เมื่อผู้ที่ประสบความสำเร็จเขาสามารถบริหารเวลาได้ เราทุกคนก็ต้องสามารถบริหารเวลาได้เช่นกัน
- ข้ออ้างเรื่องเกิดมายากจน เป็นข้ออ้างของคนส่วนใหญ่ ที่ต้องการความร่ำรวย แต่ตนเองไม่ได้เกิดมาในตระกูลที่พ่อแม่ร่ำรวย แต่ในความเป็นจริง หากว่าพวกเราได้มีโอกาสอ่านประวัติของเศรษฐี มหาเศรษฐี เราจะพบว่า มหาเศรษฐีจำนวนมาก เกิดมาก็ไม่ได้เกิดในตระกูลที่ร่ำรวย หากแต่เขามาสร้างเนื้อสร้างตัวในภายหลัง
และยังมีข้ออ้างอีกตั้งมากมาย ซึ่งข้ออ้างต่างๆ มีเหตุผล ประกอบร้อยแปด ซึ่งเหตุผลดังกล่าวเป็นเหตุผล
ส่วนตัวของบุคคลที่ไม่ประสบความสำเร็จ ในการใช้อ้าง เพื่อที่หาความชอบธรรมให้แก่ตนเอง ดังนั้น หากท่านต้องการประสบความสำเร็จ ท่านต้องปราศจากข้ออ้างใดๆ ท่านต้องมีเป้าหมายชัดเจน ท่านต้องลงมือกระทำเพื่อไปสู่เป้าหมายอย่างจริงจัง และท่านต้องมีพัฒนาปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ




...
  
จงรักในสิ่งที่ทำ จงทำให้สิ่งที่รัก
จงรักในสิ่งที่ทำ จงทำให้สิ่งที่รัก
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
ผมเป็นคนหนึ่งที่มีความสงสัย อยากรู้ ว่าทำไมบุคคลที่ประสบความสำเร็จร่ำรวยเงินทอง เขาทำอย่างไรถึงได้ประสบความสำเร็จ กระผมจึงได้ศึกษาค้นคว้า อ่านหนังสือ ตำรา ต่างๆมากมาย จึงทำให้ทราบว่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จเขามีอะไรที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เขามักจะรักในสิ่งที่เขาทำและจะทำในสิ่งที่เขารัก
นักแต่งเพลงชื่อดังคนหนึ่ง เขาเคยรู้สึกสับสนตนเอง เนื่องจากงานเพลงที่เขาแต่งมักเกิดจากการจ้างวานหรือคนเสนอให้เขาเขียนเพลงแนวนั้นแนวนี้ จนเขารู้สึกว่า เขาต้องการสื่ออะไรกันแน่ในงานเพลงนั้นๆ ทำให้การใช้ภาษา การสื่ออารมณ์ต่างๆ ออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร จนในที่สุด เขาตัดสินใจพักงานทั้งหมด แล้วไปค้นหาตัวเองยังต่างประเทศ พร้อมด้วยคัมภีร์ไบเบิ้ล ซึ่งถือว่าเป็นคู่มือนำทางชีวิตของเขา จนในที่สุดเขาก็ค้นพบตัวต้นของเขาเองอีกครั้ง ว่าเขาสามารถแต่งเพลงได้ดีหากมันเกิดขึ้นจากความต้องการภายในมากกว่าการแต่งเพลงที่เกิดจากการจ้างวานด้วยเงินเป็นจำนวนมาก
เขาจึงหันกลับมาแต่งเพลงที่เกิดขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ จึงทำให้เขาพบความสุขมากยิ่งขึ้น อีกทั้งงานเพลงเหล่านั้นได้สร้างชื่อเสียงให้เขาได้อย่างมากมาย นักแต่งเพลงคนนั้นชื่อ บอย โกสิยพงษ์ หรือ นักแต่งเพลงรักในอันดับต้นๆของประเทศไทย
จงรักในสิ่งที่ทำ จงทำให้สิ่งที่ตนเองรัก มากกว่าการทำงานเพื่อเห็นแก่เงินจำนวนมาก ถ้าหากท่านทำให้สิ่งที่รักจนประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นชื่อเสียง เงินทอง ก็จะมาหาท่านเอง กระผมขอเขียนขยายความเรื่องของใจรักในงานว่ามีประโยชน์ต่างๆ ดังนี้
1. คนที่มีใจรักในงานที่ตนเองทำ ย่อมเป็นบันไดก้าวแรกซึ่งนำพาเราสู่ความสำเร็จ ความมีใจรักในงานที่ตนเองทำจะนำพาชีวิตเราก้าวสู่จุดหมายปลายทางของความสำเร็จ เช่น เฉินหลงรักในงานแสดง , เอดิสัน รักในงานประดิษฐ์ , ไทเกอร์ วูดส์ รักในกีฬากอล์ฟ , สตีฟ จอบส์ รักในงานค้นคว้านวัตกรรมทางเทคโนโลยี ฯลฯ
2. คนที่มีใจรักในงานที่ตนเองทำ งานนั้นจะเปลี่ยนแปลงตัวคุณได้ เราลองสังเกตดูว่า หากเราทำงานที่เราไม่ชอบ เราจะรู้สึกเบื่อหน่าย ท้อแท้ใจ ไม่อยากทำงาน ขี้เกียจ ไม่มีความกระตือรือร้น แต่หากเราลองได้ทำงานที่เรามีใจรัก ก็จะทำให้เราเกิดความรู้สึกอยากทำ มีความขยันขันแข็ง ทำงานนั้นด้วยความสนุกสนาน เกิดความกระตือรือร้นในงานที่ตนเองทำ
3. คนที่มีใจรักในงานที่ตนเองทำ งานนั้นจะช่วยเพิ่มพูนพลังใจ แก่ตัวเรา หากเรามีใจรักในงานที่ตนเองทำ งานนั้นจะช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี แจ่มใส อยู่เสมอ ยิ่งหากเราได้เห็นผลงานที่เราได้ทำสำเร็จชิ้นแล้วชิ้นเล่า เราก็จะมีความอิ่มเอมใจ แต่ตรงกันข้าม หากเราได้ทำงานที่เราไม่ชอบ ก็จะทำให้จิตใจเกิดความรู้สึกที่หดหู่ ไม่เบิกบาน ผลงานที่ได้ทำออกมาก็จะมีคุณภาพที่ไม่ดีเท่าที่ควร เราจะไม่มีความรู้สึกภาคภูมิใจในผลงานที่ทำออกมา
4. คนที่มีใจรักในงานที่ตนเองทำ มักสามารถเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เช่น สองพี่คนตระกูลไรต์ ประดิษฐ์เครื่องบินลำแรกของโลกได้ ก็เนื่องจากการมีใจรักในงานที่ตนเองทำ ซึ่งก่อนการประดิษฐ์เครื่องบินลำแรกของโลกนั้น คนทั่วไปมักบอกว่าเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งเคยมีคนตั้งมากมายได้พยายามประดิษฐ์เครื่องบินแล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ด้วยใจรักในงานที่ทำ ถึงแม้จะเกิดความผิดพลาดล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุดเครื่องบินลำแรกของโลกก็เกิดขึ้น จากสิ่งที่คนทั่วไปบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ก็เนื่องจากใจรักในงานที่ทำนั้นเอง
ดังนั้น การมีใจรักในงานที่ตนเองทำจึงเป็นสิ่งที่ผู้ประสบความสำเร็จพึ่งมี บัณฑิต อึ้งรังสี รักในงานวาทยกร
ซึ่งในยุคสมัยของเขา วาทยกรในประเทศไทยไม่เป็นที่นิยมหรือเป็นที่รู้จักกันมากนัก แต่ก็ด้วยใจรักในงานที่ตนเองทำ เขาฝึกฝนอย่างหนัก หาโอกาสต่างๆให้กับตนเอง เรียนรู้พัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง จนในที่สุด โลกก็จารึกชื่อของเขาให้เป็นวาทยกรระดับโลก
จงรักในสิ่งที่ท่านทำ จงทำในสิ่งที่ท่านรักแล้วท่านก็จะประสบความสำเร็จและมีความสุขในการทำงาน
...
  
ข้อดีของการให้ออกจากงาน
ข้อดีของการให้ถูกออกจากงาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ในช่วงสภาวะการที่องค์กรลดกำลังคน หรือ ในช่วงภาวะปกติ การว่างงาน การตกงานถือว่าเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา ของการใช้ชีวิตของการทำงาน และกระผมเชื่อแน่ว่าหลายๆท่าน ในขณะนี้ คงประสบกับภาวะการว่างงาน ดังกล่าวคือ การถูกไล่ออกจากงานหรือถูกให้ออกจากงาน หลายท่านทำใจได้ยาก นั่งกลุ้มใจ เป็นทุกข์ แต่ความเป็นจริงแล้ว การถูกให้ออกจากงาน มีข้อดีอยู่ไม่น้อยทีเดียว ข้อดีของการถูกให้ออกจากงาน คือ
1.ทำให้เป็นช่วงเวลาที่เรา มีอิสระ อย่างเต็มที่ เพราะชีวิตการทำงานที่ผ่านมา เรามักถูกควบคุมด้วย เรื่องของ กฎ ระเบียบ เวลา สถานที่ เจ้านาย เช่น การทำงานประจำมักต้องมีเวลาเข้าออกในการทำงาน , ต้องมีกฎระเบียบ วันลา วันหยุด วันทำงาน , ต้องทำงานตามสถานที่ที่องค์กรกำหนด ไม่ว่าจะต้องถูกย้ายไปอยู่ในจังหวัดหรืออำเภอต่างๆ , อีกทั้งยังเป็นอิสระจากเจ้านายที่คอยบ่น บังคับ ควบคุม ฯลฯ
2.ทำให้มีเวลาว่างมากขึ้น ซึ่งทำให้เราสามารถทำอะไรก็ได้ ตามใจที่เราปรารถนา ในขณะที่ตอนที่เราทำงานประจำเราไม่สามารถทำได้ เช่น ออกเดินทางไปต่างจังหวัดไปหรือไปต่างประเทศ ในช่วงระยะเวลานานๆ ได้ , ทำให้มีเวลาว่างในการอยู่กับครอบครัวมากขึ้น , มีเวลาในการออกกำลังกายมากขึ้น , มีเวลาไปปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิ มากขึ้น , ทำให้เราสามารถนอนพักผ่อนได้เป็นเวลาที่นานๆขึ้นกว่าตอนที่ต้องทำงานประจำที่ต้องตื่นนอนแต่เช้า ต้องลำบากในการเดินทางโดยใช้เวลานานๆ ฯลฯ
3.ทำให้เราได้มีโอกาสได้พัฒนาศักยภาพมากขึ้น เช่น ไปอบรมตามสถาบันต่างๆ , ไปอบรมในหลักสูตรต่างๆ ตัวอย่าง ไปพัฒนาทักษะการพูดต่อหน้าที่ชุมชน , ไปพัฒนาทักษะทางด้านการใช้ภาษาอังกฤษ , ไปพัฒนาทักษะในการเขียนหนังสือ , ทำให้เราได้มีโอกาสใช้เวลาว่างในการพัฒนาสร้างสรรค์ผลงานของเราให้ดียิ่งขึ้น หรือบางท่านอาจใช้เวลาว่างนี้ในการเรียนต่อในระดับปริญญาตรี , ปริญญาโท หรือปริญญาเอก ฯลฯ
4.ทำให้เราได้พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับผู้คนต่างๆ เช่น ทำให้เราใช้เวลาว่างในการไปเยี่ยมเยือนญาติที่ไม่ได้มีโอกาสติดต่อกันนาน , ทำให้เราได้มีโอกาสไปพบไปหาคุณพ่อคุณแม่ , ทำให้เราได้มีโอกาสไปพบปะเพื่อนฝูงที่ไม่ได้พบปะกันมานาน ฯลฯ การพบปะพูดคุยกันจะทำให้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้คนและเมื่อมีอะไรดีๆ เขาก็จะคอยให้ความช่วยเหลือเรา
5.เป็นข้อที่สำคัญที่สุด กล่าวคือ ทำให้เราได้มีโอกาสทบทวนตัวเอง ทำให้เราได้รู้จักตัวตนของเรามากขึ้น โดยหาตัวตนว่าสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เรารักจริงๆ คืออะไร ข้อดีของเรามีอะไรบ้าง ข้อบกพร่องของเรามีอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น บางท่านทำงานประเภทต่างๆ มามากมาย เปลี่ยนงานมาหลายสิบงาน แต่สุดท้ายถูกให้ออกจากงาน แล้วจึงกลับมาทบทวนตนเองดูว่าตนต้องการอะไร หรือ รัก ชอบ อะไร จริงๆ ในชีวิต ปรากฏว่า เขารักในการทำอาหาร ชอบทำอาหาร จึงได้เปิดร้านขายอาหาร หรือ ร้านขายขนม จนสร้างความร่ำรวยให้กับตนเองและครอบครัว และที่สำคัญที่สุดก็คือ เขามีความสุขเป็นอย่างมากในการทำอาหาร เป็นต้น
สรุป คือ ทุกสิ่งทุกอย่างมีทั้งด้านบวก ด้านลบ มีทั้งด้านดีและด้านเสีย หากเราสามารถมองโลกในแง่ดี เราก็สามารถมีความสุขในการใช้ชีวิต เนื่องจากชีวิตของคนเราสั้นนัก เราจึงไม่ควรอมทุกข์ การตกงานหรือการว่างงาน จึงมีข้อดี หากเราสามารถมองในด้านดี ซึ่งกระผมยังไม่ได้กล่าวถึงอีกหลายข้อ เช่น หากเราทำงานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี หรือ ทำงานเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เกิดมลภาวะ การถูกให้ออกจากงานจึงทำให้เรามีความปลอดภัยในเรื่องของสุขภาพ คุณภาพชีวิต อีกด้วย

...
  
ความล้มเหลวอาจเป็นสิ่งที่ดี
ความล้มเหลวอาจเป็นสิ่งที่ดี
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
 ความสำเร็จมักก่อตัวขึ้น จากเถ้าถ่านของความล้มเหลว...
 ระดับความสำเร็จคือแรงสะท้อนจากการเคยประสบความล้มเหลวมาก่อน
 ไม่มีใครลุกขึ้นมาจากความล้มเหลวได้โดยไม่แข็งแกร่งและเฉลียวฉลาดกว่าเดิม
o กระผมเชื่อแน่ว่าท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินเกี่ยวกับประโยคเหล่านี้ที่มีความเกี่ยวข้องกับความล้มเหลว ซึ่ง
บุคคลที่ประสบความสำเร็จเกือบทุกคน มักจะต้องผ่านความล้มเหลวมาด้วยกันแทบทั้งสิ้น แต่พวกเราส่วนใหญ่มักจะชื่นชมว่าเขาเป็นคนเก่ง เป็นคนมีโชค วาสนา แต่หารู้ไม่ว่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จเกือบทุกๆคน มักจะต้องเคยผ่านความยากลำบาก เคยผ่านความล้มเหลวมาเกือบทุกคน
- บิล เกตส์ กว่าจะร่ำรวยและประสบความสำเร็จเหมือนทุกวันนี้ เขาต้องทุ่มเท กำลังใจ
กำลังกายและกำลังความคิด เขาต้องพบกับความล้มเหลวนานัปการในการเริ่มต้นธุรกิจของเขา เพื่อนมักจะดูถูกเขาว่าเป็นคนสกปรก บ้าคอมพิวเตอร์ อีกทั้งเขาเคยถูกบริษัท IBM ดูถูกว่าเขาเป็นแค่ เด็ก แต่ในที่สุด เขากลับกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก
- เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิลล์ อดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ บุรุษเหล็กแห่งมหาสงครามโลกครั้งที่ 2
ตอนเด็กๆ เขาเป็นคนติดอ่าง และมีปัญหาทางการพูดอย่างมาก เขาเคยล้มเหลวในการพูด เคยถูกดูถูกทำให้เขาได้รับความอัปยศอดสู แต่แล้วเมื่อเขาผ่านการฝึกฝน เขาไม่ย่อท้อต่อความล้มเหลวในที่สุด เขากลายเป็นนักพูดระดับชาติและผู้คนยอมรับเขาทั่วโลกในการพูดเลยทีเดียว มีครั้งหนึ่งที่ท่านได้ถูกนิสิต นักศึกษา ถามว่าทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จ เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิลล์ ตอบว่า “ Never ,Never ,Never , Never ,Never Give Up ” แปลว่า (ห้าม ห้าม ห้าม ห้าม ห้าม ล้มเลิก)
- วอลท์ ดีสนีย์ ราชาการ์ตูนวอลท์ ดีสนีย์ที่โด่งดังไปทั่วโลก ก็พบกับความล้มเหลวมาอย่างมาก
มาย เขาเคยตั้งบริษัทสร้างภาพยนตร์ แต่ถูกพนักงานบริษัทของเขายักยอกเงินหอบเงินหนีไป บริษัทของเขาประสบปัญหาจนล้มละลาย หลังจากที่เขาใช้หนี้จนหมด เขาจึงเริ่มสร้างภาพยนตร์ใหม่โดยการเช่าโรงรถของอาของเขา ความล้มเหลวไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง แต่เขาต่อสู้จนในที่สุด เขาประสบความสำเร็จในการสร้างภาพยนตร์การ์ตูนจนโด่งดังไปทั่วโลก
- และยังมีตัวอย่างของผู้ประสบความล้มเหลวอีกมากมายที่ต่อสู้จนประสบความสำเร็จในธุรกิจ
จงกล้าที่จะล้มเหลว เพราะบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยพบหรือเคยต่อสู้กับความล้มเหลวมาก่อน มักจะไม่ประสบความสำเร็จในการทำงานหรือทำกิจการใดๆ
ความจริงแล้ว ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของความพ่ายแพ้เพียงชั่วคราวเท่านั้นเอง แต่ถ้าหากว่า
เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน เราไม่ล้มเลิก สักวันหนึ่งเราก็จะประสบความสำเร็จ จงอย่าหยุดเสียกลางคัน จงอย่าเลิกล้มความพยายาม เพราะนักปราชญ์ในอดีตบางท่านได้กล่าวไว้อย่างสวยงามว่า “ หากท่านต้องการประสบความสำเร็จในอาชีพการงานของท่าน ถ้าหากว่าท่านล้มเหลวถึงสิบครั้ง แต่ท่านก็ยังได้พยายามต่อไป นั้นแสดงว่าความมีอัจฉริยะได้เกิดขึ้นในหน้าที่การงานของท่านแล้ว จงพยายามทำต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ
จงอย่าลืมว่าไม่มีใครสามารถตราหน้าเราได้ว่าเราเป็นคนล้มเหลวได้ นอกจากตัวเราเอง อย่าให้คำพูดของผู้อื่นมาตัดสินตัวเรา อย่าให้คำพูดของคนอื่นมากำหนดชะตาชีวิตของเรา “ ผู้ชนะไม่เคยยอมจำนน และผู้ยอมจำนนไม่มีวันชนะ ” เป็นคติพจน์ของคนโบราณแต่ก็ยังใช้ได้และให้แง่คิดกับเราได้เป็นอย่างดี
จงระลึกไว้ว่า ความล้มเหลว ความลำบาก ความทุกข์ยาก ทุกครั้ง ได้แฝงมาซึ่งประโยชน์ในอนาคตที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ
...
  
ความล้มเหลวทำให้ท่านประสบความสำเร็จ
ความล้มเหลวทำให้ท่านสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
“ ร้อยละเก้าสิบของคนที่ล้มเหลวแท้ที่จริงแล้วไม่ได้พ่ายแพ้...เขาเพียงแต่ล้มเลิกไป... ”
พอล เจ.เมเยอร์
เมื่อกล่าวถึงเรื่องราวระหว่างความล้มเหลวและความสำเร็จ ผู้คนโดยมากมักชอบพูดถึงแต่เรื่องความสำเร็จมากกว่าความล้มเหลว แม้แต่สื่อมวลชนเอง ก็มักจะสัมภาษณ์บุคคลที่ประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่ล้มเหลว แต่แท้ที่จริงแล้ว บุคคลที่ประสบความสำเร็จเกือบทุกๆคน มักเป็นคนที่ประสบความล้มเหลวมาก่อน โดยกันเกือบทั้งสิ้น
- อัลเบิรต์ ไอนสไตน์ ในวัยเด็กเขามักถูกครูและเพื่อนๆ มองว่าเป็นเด็กที่ผิดปรกติ ชอบ
จินตนาการ ชอบฝันกลางวัน เขาเคยสอบเข้าเรียนโรงเรียนโพลีเทคนิคซูริคซึ่งอยู่ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ไม่ได้ เขาเคยสอบตก เขาเป็นคนที่เรียนรู้ได้ช้า สาเหตุคงเกิดจากความพิการทางการอ่านและการเขียนของเขา แต่โลกทั้งโลกต้องตะลึงในความเป็นอัจฉริยะในตัวเขา กับการคิดค้นทฤษฏีสัมพัทธภาพ
- คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ใครๆ ก็บอกว่าเขาเป็นบ้า.... เขาเชื่อว่าโลกกลม...ซึ่งขัดแย้งกับผู้คนใน
ยุคนั้นที่เชื่อว่าโลกแบน อีกทั้งการเดินเรือแบบรอบโลกยังคงมีข้อจำกัดมากในเรื่องของอาหาร เทคโนโลยีการเดินเรือในสมัยนั้น เขาเป็นนักสำรวจ นักเดินเรือและพ่อค้า เขาถูกปฏิเสธหลายครั้งในการนำโครงการเดินเรือไปขอทุนต่อราชสำนักในโปรตุเกส เขาต่อสู้จนหาทุนทำโครงการเดินเรือได้ จนในที่สุดเขาคือผู้ค้นพบดินแดนต่างๆ มากมายซึ่งคนในสมัยนั้นไม่มีใครรู้จัก เช่น หมู่เกาะบาฮามาส , หมู่เกาะซานซัลบาดอร์ , หมู่เกาะเกรตเตอร์แอนทิลลิส ., โลกใหม่แห่งตะวันตก ฯลฯ จากการกระทำของเขาทำให้โลกสามารถเชื่อมไปมาหากันได้โดยทั่วโลก
- โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ นักกีฬาชาวอังกฤษ นักวิ่งคนแรกที่วิ่งทำลายสถิติ หนึ่ง
ไมล์(1,609 เมตรใช้เวลาน้อยกว่า 4 นาที ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สุขภาพได้ประกาศย้ำว่าเกินขีดความสามารถของมนุษย์ ใครๆก็บอกว่า ทำไม่ได้ หรือในสมัยนั้น ไม่มีใครสามารถทำได้ เขาพยายามฝึกซ้อมแต่ก็ล้มเหลวทุกครั้งในการวิ่ง หนึ่งไมล์(1,609 เมตร ใช้เวลาน้อยกว่า 4 นาที จนในที่สุด เขาสามารถทำได้ในปี 1954 เขาทำสถิติได้( 3 นาที 59.4 วินาที) แล้วอีกไม่นานต่อมาก็มีคนทำลายสถิติ การวิ่ง หนึ่งไมล์ใช้เวลาน้อยกว่า 4 นาที ได้อีกเป็นจำนวนมาก
- นีล แอลเดน อาร์มสตรอง ใครๆ ก็บอกว่า เป็นไปไม่ได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว กับการเหยียบดวง
จันทร์เป็นคนแรกกับยานอพอลโล 11 ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นแล้วก็ล้มเหลวแล้วล้มเหลวอีก จนในที่สุดปี พ.ศ.2512หรือ ค.ศ.1969 จึงประสบความสำเร็จ
- เนลสัน แมนเดลา นักโทษทางการเมือง ซึ่งต่อสู้ทางการเมืองมาอย่างยาวนาน ถูกคุมขังอย่าง
ยาวนานถึง 25 ปี เขาต้องอยู่ในคุกด้วยความยากลำบาก แต่เขาก็ไม่เคยทอดทิ้งอุดมการณ์ทางการเมืองและความเชื่อทางการเมืองของเขาเลยแม้แต่น้อย คงไม่มีใครคิดว่าเขาคงจะได้ออกจากคุกเพื่อมาเป็นอิสรภาพอีกครั้ง แต่ในที่สุด เขาคือประธานาธิบดีของชาวอาฟริกาใต้ ตอนอายุ 76 ปี
บุคคลดังกล่าวข้างต้นนี้ เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จโดยผ่านความล้มเหลว และความยากลำบากมาด้วยกันทั้งสิ้น เพราะถ้า อัลเบิรต์ ไอนสไตน์ , คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส, โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ , นีล แอลเดน อาร์มสตรอง และ เนลสัน แมนเดลา ยอมรับความพ่ายแพ้ ยอมเลิกล้ม ไม่ต่อสู้ต่อ ไม่ศรัทธาในสิ่งที่ตนเองทำ เขาเหล่านี้ก็ไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า คนที่ประสบความสำเร็จ มักเป็นคนที่ล้มเหลว เป็นคนที่ยากลำบาก เป็นคนที่ต้องต่อสู้กับสิ่งต่างๆมาอย่างมากมาย เขาจึงประสบความสำเร็จ จงอย่ากลัวความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวอาจจะนำท่านไปสู่ความสำเร็จและโอกาสใหม่ๆ ที่ท่านอาจคาดไม่ถึง
...
  
ทำทันที(ททท.)
ททท.หรือทำทันที
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
หลายๆ คนมีความคิดดีๆ มีคำพูดดีๆ แต่ก็ไม่ยอมลงมือทำเสียที ปล่อยให้ความคิดและคำพูด หายไปกับอากาศและสายลม แล้วจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างไร ตรงกันข้ามกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จ พวกเขามักเป็นคนที่ คิด พูดแล้ว ลงมือทำ ถึงแม้เรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่แปลกๆ ก็ตาม
สำหรับการที่คนเราไม่ยอมลงมือทำทันที(ททท.)อาจมีหลายสาเหตุ เช่น กลัวถูกวิพากษ์วิจารณ์, กลัวคนไม่ชอบ ,กลัวถูกตำหนิ อาย ความไม่มั่นใจ กลัวความล้มเหลว เป็นต้น
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนเกี่ยวกับการไม่ ททท.หรือทำทันที
1. ไม่กล้ายกมือถามเป็นคนแรก กระผมมีอาชีพเป็นวิทยากรอิสระ เมื่อบรรยายเสร็จแล้ว มักจะเหลือเวลาสัก 5-10 นาที เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้สักถาม แต่ปรากฏว่า ไม่มีใครกล้าถาม ดังนั้น หากท่านต้องการประสบความสำเร็จจงกล้าที่จะถามหรือแสดงความคิดเห็นเป็นคนแรกให้ได้ ทั้งนี้ ความคิดเห็นเป็นเรื่องที่ไม่มีถูกผิด เป็นความคิดเห็นส่วนตัวไม่จำเป็นต้องเป็นความคิดเห็นที่ยอดเยี่ยมก็ได้ หากท่านกล้ายกมือถามเป็นคนแรก ประโยชน์ก็จะตกกับท่านอีกมากมาย เช่น เป็นการสร้างท่านให้มีภาวะผู้นำเพิ่มมากขึ้น , ทุกคนในที่อบรมรู้จักท่านและอยากรู้จักท่านมากยิ่งขึ้น , เป็นการสร้างความมั่นใจในตนเอง ฯลฯ
2. ไม่กล้านั่งแถวหน้าสุด ในการฝึกอบรมแต่ละครั้ง กระผมเป็นวิทยากร กระผมมักสังเกตเห็นว่า คนมาก่อนมักนั่งหลัง คนมาหลังมักนั่งหน้า หากท่านอยากเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ จง ทำทันที(ททท.) นั่งด้านหน้าสุดครับ จากการอ่านหนังสือเรื่อง “ คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก ” กล่าวไว้อย่างน่าฟังว่า หากท่านต้องการเป็นผู้นำและเป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเอง ขอให้ท่านฝึกนั่งด้านหน้าสุดเสมอ
3. ไม่กล้าทำอะไรเนื่องจากแคร์สายตาหรือคนรอบข้าง หลายคนไม่กล้าลงมือทำอะไร หรือ ไม่กล้าทำสิ่งใดบางสิ่ง ก็เนื่องจากแคร์สายตาคนรอบข้าง ซึ่งการแคร์สายตาคนรอบข้าง ทำให้เราเสียโอกาสสำคัญๆ ไปอย่างน่าเสียดาย บางคนมีความฝัน เล่าให้เพื่อนๆ ฟัง หรือ คนรอบข้างฟัง แล้วเขาก็หัวเราะเยาะ จนในที่สุด เขาก็ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ความสำเร็จจึงไม่เกิดขึ้น จงกล้าที่จะทำแล้วท่านจะพบกับความสำเร็จ จงอย่าแคร์สายตาหรือคนรอบข้างมากจนเกินไป
4.ไม่มีจังหวะในการลงมือทำ หลายๆ คน ต้องรอดูจังหวะ รอดูดวง การรอจังหวะมากจนเกินไป ทำให้เกิดผลเสียคือ เขาจะไม่ยอมลงมือทำหรือลงมือปฏิบัติ หากต้องรอให้พร้อม 100 % ก็คงไม่ต้องทำอะไร ดังคำกล่าวของอดีตนายก ทักษิณ ชินวัตร ในงานพิธีเปิดโครงการปฐมนิเทศและพัฒนาผู้รับผิดชอบการบริหาร “ไม่มีการเปลี่ยนแปลงภายในข้ามคืนหรอก... ผมเป็นคนที่มีความคิดแล้วลงมือทำ ถ้ามองเห็นว่าไปได้เกิน 60 เปอร์เซ็นต์ ลุยเลย อีก 40 เปอร์เซ็นต์ไปแก้เอาข้างหน้า แต่ถ้า...รอให้ครบ 100 แล้วค่อยทำแล้ว ชาตินี้ไม่มีคำว่าร้อย ต้องรอตายอีกสิบชาติก็ยังไม่มีร้อย เพราะไม่อะไรสมบูรณ์”
5.ไม่ต้องการท้าทายแต่ต้องการความมั่นใจ หลายคนไม่กล้าลงมือทำทันที(ททท.) เนื่องจากกลัวเรื่องของความ
มั่นคง หลายคนไม่มีความสุขในการทำงานหรืออยู่ภายในองค์กรนั้นๆ แต่ก็ไม่กล้าลาออกเพื่อไปเริ่มงานใหม่ก็เนื่องจากกลัวความมั่นคง ปลอดภัย ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็เคยเป็นมาก่อน จนสุดท้ายต้องตัดสินใจลาออกจากงาน แล้วผู้เขียนจึงได้พบเจอกับคำว่า “อิสระ การไม่ยึดติดกับสภาพปัจจุบันปล่อยให้ไหลไปตามธรรมชาติแล้วว่ายตามมันไป ”
โดยสรุป คนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ในหน้าที่การงาน ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ไม่ยอมลงมือทำทันที(ททท.) ความลังเลสงสัย ความไม่กล้า ความอาย เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวคุณเองเพื่อที่จะเดินทางไปสู่ความสำเร็จ จง ทำทันที(ททท.)แล้วท่านจะประสบความสำเร็จ
...
  
ความสำเร็จเริ่มต้นที่ตัวเอง
ความสำเร็จเริ่มต้นที่ตัวเอง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
บุคคลที่ประสบความสำเร็จ มักพูดว่าความสำเร็จนั้นสามารถเรียนรู้ ศึกษา ฝึกฝนได้ โดยเริ่มต้นที่ตัวของคนเอง โดยการเปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคิด การพูดและการลงมือทำ ซึ่งทุกๆท่านก็สามารถประสบความสำเร็จได้โดยการเริ่มต้นที่ตัวเอง ดังนี้
1.จงเขียนเป้าหมายในชีวิต จงกำหนดทิศทางของตนเอง ว่าตนเองต้องการอะไรในชีวิต อย่าไปเสียเวลา เสียเงินทอง เสียพลังงาน กับสิ่งที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายของชีวิต จงกำหนดทิศทาง ของตนเองแล้วมุ่งไปในทิศทางดังกล่าว จงซื่อสัตย์กับตัวคุณเอง จงทบทวนตนเองว่าเรามีความต้องการอะไรจริงๆ ในชีวิตนี้
2.จงเขียนลงในกระดาษ ไม่ว่าจะเป็นแผนการ ปัญหาต่างๆ การเขียนลงในกระดาษเป็นตัวหนังสือ หรือเขียนลงในกระดาษเป็นรูปแบบต่าง เช่น Mind Map รูปภาพต่างๆ ฯลฯ จะทำให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ฉะนั้น เมื่อคิดแล้วจงเขียนลงในกระดาษดีกว่าจะคิดอยู่แต่ในสมองโดยไม่มีการเขียน
3.จงบริหารเวลาของตัวคุณเอง เวลาของทุกคนมีเท่ากัน แต่การบริหารเวลาของแต่ละคนนั้น ไม่เหมือนกัน คนที่ประสบความสำเร็จมักมีความสามารถในการบริหารเวลา ให้เกิดความสมดุลสำหรับชีวิต จงเรียนรู้เทคนิคการบริหาร จงใช้เครื่องมือต่างๆเข้าช่วยในการบริหารเวลา จงใช้เวลาให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด และที่สำคัญควรฝึกการ ปฏิเสธหรือไม่ ด้วย เมื่อเราลองมองย้อนกับไปในอดีต เราต้องเสียเวลาเป็นอันมากก็เนื่องมาจากความใจอ่อน ความขี้เกรงใจคน ความอยากช่วยเหลือผู้อื่นจนลืมนึกถึงเวลาของตนเองไป ซึ่งเราสามารถหลีกเลี่ยงการเสียเวลาของเราโดยการ ฝึกพูดคำว่า “ ไม่ ” หรือหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์โดยไม่มีความจำเป็น
4.กล้าทำ คนไม่มีความจำเป็นว่าต้องมีความพร้อมหรือความมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ก่อนแล้วจึงจะลงมือทำ จงกล้าทำ ถึงแม้สิ่งที่คุณทำจะเกิดปัญหาในอนาคตให้ต้องทำการแก้ไขก็ตาม และอย่าได้กลัวคำวิจารณ์ต่างๆ ขอให้จำไว้ว่า “ คนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดเลยก็คือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ” เราจึงเห็นได้ว่าในอดีต ในปัจจุบันและในอนาคต การเรียนการสอนต่างๆ ของเด็กๆ จึงต้องมียางลบ เพื่อนำไปลบคำผิดนั้นเอง
5.จงคิดบวกอยู่เสมอ การคิดบวกจะทำให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน จงใช้พลังในการทำงาน ไม่ใช่มัวแต่กังวล คิดลบ คิดว่าทำไม่ได้ คิดว่าตนเองไม่มีความสามารถ และเมื่อรู้ว่าตนเองคิดลบแล้ว จงรีบเปลี่ยนแปลงความคิดดังกล่าวเป็นคิดบวกทันที ก็จะทำให้เรามีพลังงานในการสร้างสรรค์ผลงานต่อไป
6.จงสร้างนิสัย ททท.หรือทำทันที การผัดวันประกันพรุ่ง เป็นนิสัยหรือธรรมชาติที่ไม่ดีของมนุษย์เรา หากรู้ว่างานใดควรทำให้เสร็จภายในวันนี้ ก็ควรรีบทำให้เสร็จ อย่าเปล่าให้งานที่ตนเองทำค้าง เหมือนคำสอนของคนโบราณที่กล่าวไว้ว่า “ ดินพอกหางหมู ” เพราะอีกนิด ดินนั้นจะมีโอกาสพอกตัวหมูไปด้วย
7.จงแบ่งงานให้เป็นชิ้นที่เล็กลง เมื่อเราเจองานใหญ่ ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำงานที่มาก เราควรแบ่งให้งานเป็นชิ้นที่เล็กลง เช่น เรามีแผนการจะเขียนหนังสือ จำนวน 20 บท จงวางแผนในการทำงานโดยการแบ่งงานแต่ละบท ว่าแต่ละบทมีเนื้อหาอะไร แล้วจึงลงมือเขียนที่ละบท เหมือนดังคำกล่าว “หากจะกินช้างซึ่งตัวใหญ่ เราไม่สามารถกินได้ทั้งตัว แต่เราสามารถกินช้างทั้งตัวได้โดยการกินที่ละคำ”
สรุป เราสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ โดยการเริ่มต้นที่ตัวเราเอง โดยการเขียนเป้าหมายในชีวิต , การเขียนลงในกระดาษ , การบริหารเวลา , กล้าที่จะทำ , การคิดบวกอยู่เสมอ , นิสัย ททท.หรือทำทันที และจงแบ่งงานให้มีชิ้นที่เล็กลง เป็นต้น
...
  
จงพัฒนาตนเอง ทุก 10%
จงพัฒนาตนเอง 10 % ชีวิตดีขึ้น
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่มีความสามารถหลายด้าน อีกทั้งยังเป็นคนที่มีศักยภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ความคิด การพูดและการกระทำ ซึ่ง คนเราทุกๆคน สามารถเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเองให้สู่ความสำเร็จได้ แต่หลายๆท่านอาจท้อแท้ เนื่องจาก ทางที่สู่ความสำเร็จในมันไกลเหลือเกิน แต่คนเราสามารถประสบความสำเร็จได้โดยการพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
พวกเราคงเคยได้ยินนิทานเรื่อง เต่ากับกระต่าย หาว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จในเส้นทางที่ยาวไกล ท่านก็ควรมีแนวความคิดเหมือนกับเต่า กล่าวคือ การเดินไปอย่างช้าๆ การพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ
ในบทความฉบับนี้ กระผมขึ้นต้นว่า จงพัฒนาตนเอง 10 % ชีวิตดีขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้อย่างแน่นอนครับ เพียงแค่คุณพัฒนาตนเองทุกๆวันแค่วันละ 10 % ภายใน 1 ปี คุณจะมองเห็นความแตกต่างในตัวคุณเองอย่างชัดเจนและจะส่งผลให้คุณประสบความสำเร็จได้เพิ่มขึ้น การหาบน้ำ 100 ถัง ในครั้งเดียวหนักและเหนื่อยไหมครับ แต่หากว่าเราหาบน้ำทีละ 10 ถัง 10 เที่ยว เราจะรู้สึกว่าเราทำได้และเหนื่อยน้อยลงใช่ไหมครับ
เราจะพัฒนาตนเองทุกๆวัน วันละ 10% ด้านใดบ้าง
1. บุคลิกภาพ เป็นสิ่งที่คุณควรพัฒนาตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครื่องแต่งกาย ทรงผม การเดิน การนั่ง การเคลื่อนไหว สีหน้าท่าทาง ฯลฯ เพียงคุณใช้เวลา 10 % ในการคิดถึงและปรับปรุงบุคลิกภาพ ก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของคุณดีขึ้นในสายตาของผู้อื่นอย่างรวดเร็ว โดยการพัฒนาตนเองอย่างง่ายๆ คุณลองหาต้นแบบของคนที่ประสบความสำเร็จว่าเขามีบุคลิกภาพอย่างไร แล้วเราก็ปรับปรุงพัฒนารูปแบบตามเขาแล้ว เราจึงนำมาแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในสไตล์ของเราเอง
2. สุขภาพ เป็นสิ่งที่คุณควรพัฒนาตนเอง เนื่องจากสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จหรือเป็นผู้นำคนใดในโลกที่ป่วยเป็นโรคต่างๆ ดังนั้น เราควรพัฒนาตนเองให้มีร่างกายแข็งแรงทุกๆวัน วันละ 10% แต่ไม่ใช่ว่าอ้วนขึ้นทุกๆวัน วันละ 10% นะครับ สิ่งที่คุณควรระวัง ควรควบคุมน้ำหนักและไขมันส่วนเกินอยู่เสมอ ออกกำลังกาย เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
3. การสื่อสาร เราสามารถพัฒนาการสื่อสารระหว่างบุคคลโดยการพัฒนาทุกวันๆละ 10% ได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพูด การเขียน การใช้ภาษากาย เมื่อคุณพัฒนาการสื่อสารทุกๆวัน วันละ 10% ก็จะทำให้หน้าที่การงานของคุณเจริญก้าวหน้า มั่นคงขึ้น
4. ควบคุมตนเองและสร้างวินัย หากเรามีสติควบคุมตนเองและสร้างวินัยให้ตนเองได้ ทุกๆวัน วันละ 10% ภายใน 3 เดือน ท่านจะเห็นว่าแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เช่น การมีวินัยในการทำงานให้ตรงต่อเวลา การควบคุมตนเอง ไม่ให้ออกนอกเส้นทางที่ท่านได้วางเป้าหมายไว้ เป็นต้น
5. การบริหารเวลา คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันทุกๆคน แต่คนที่ประสบความสำเร็จ สามารถบริหารเวลาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก หากท่านสามารถพัฒนาตนเองในเรื่องการบริหารเวลา การวางแผนการใช้เวลา ทุกๆวัน วันละ 10% ท่านก็เป็นคนหนึ่งที่สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้เหมือนกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จ
6. งานที่ท่านทำ คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักคิดถึงงานเป็นอันดับแรก หากท่านต้องการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ลองพัฒนาตนเองให้ทำงานให้ดีขึ้นทุกๆวัน วันละ 10% ท่านก็จะประสบความสำเร็จในหน้าการงานของท่านได้
จงจำไว้ว่า เราสามารถพัฒนาตนเองได้เกิน 100 % ต่อปี ก็ด้วยการพัฒนาตนเองทุกๆวัน วันละ 10% การพัฒนาตนเอง 10 X 10 % มีค่าเท่ากับ 100 % ได้ หากว่าท่านยึดหลัก จงพัฒนาตนเอง 10 % ชีวิตดีขึ้น แนวทางนี้ในการดำเนินชีวิตกระผมเชื่อแน่ว่าคุณจะได้ประโยชน์จากมันอย่างแน่นอน

...
  
จงอย่าหยุดคิดริเริ่มสร้างสรรค์
จงอย่าหยุดคิดริเริ่มสร้างสรรค์
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
นักปรัชญาชาวจีนผู้หนึ่งกล่าวไว้ว่า “ทุกวันเป็นวันใหม่ แม้แต่ปลายังไม่ว่ายน้ำอยู่ที่เดิม” จากคำกล่าวนี้ ทำให้เรารู้ว่า
โลกนี้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปทุกๆ วัน ก็เนื่องจากเกิดสิ่ง แปลกๆ ใหม่ๆ ขึ้นมาตลอดเวลา การที่เกิดสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ตลอดเวลา ก็เนื่องมาจากปัจจัยหนึ่งก็คือความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของมนุษย์เรานั่นเอง
- สตีฟ จอบส์ เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ เกี่ยวกับการคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สิ่งใหม่ๆ ของบริษัท Apple ซึ่งเขาและ
ทีมงานได้คิดค้น ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาด จนคนใช้กันทั่วโลก เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ให้แก่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ไว้เป็นประโยคสุดท้ายเพื่อฝากไว้ให้คิดและปฏิบัติตาม ซึ่งเขาก็ได้ยึดหลักการนี้และนำเอาไปใช้คือ “ จงหิวโหยอยู่เสมอ จงโง่เขลาอยู่เสมอ ” นั่นหมายถึงว่า จงรักที่จะเรียนรู้อย่างตลอดเวลา คิดริเริ่มสร้างสรรค์ สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลานั้นเอง
- โทมัส แอลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison) และทีมงาน ได้คิดค้นและจดทะเบียนลิขสิทธิ์สิ่งประดิษฐ์เป็น
จำนวน 1,093 ชนิด ในสหรัฐอเมริกาและรวมกับทั่วโลกอีกกว่า 3,000 ชนิด ก็ด้วยเกิดจากความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
- อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เป็นตัวอย่างได้ดีในเรื่องความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ หากอาจารย์เอาแต่วาดรูป ก็
ได้แค่สร้าง หอศิลป์ ในแก่ตัวเองซึ่งมีคุณค่าและสร้างความยิ่งใหญ่ให้ตนเองน้อยมาก อาจารย์จึงมีความริเริ่มสร้างสรรค์ตลอดเวลาโดยการสร้าง สถาปัตยกรรม ประติมากรรม ที่ยิ่งใหญ่ ดังเช่น วัดร่องขุ่น ซึ่งเป็นวัดสมัยใหม่ สวยงาม มีความหมายในเชิงพุทธศาสนา
การคิดสร้างสรรค์ จะทำให้เราได้วิธีการใหม่ๆ หรือเรียกว่าได้ “ ไอเดียใหม่” ซึ่งการคิดสร้างสรรค์นี้ เราทุกคนมีเหมือนกัน อีกทั้งเรายังสามารถสร้างขึ้นมาได้ แต่มันไม่ทำงานเนื่องจากพวกเราไม่ได้มีโอกาสได้นำมันมาใช้หรือไม่พยายามใช้มันนั้นเอง ฉะนั้นหากต้องการใช้มันในบางครั้งเราอาจจะต้องสร้างเงื่อนไขที่จะให้มันทำงาน เช่น ในการอบรม การประชุม ในการทำงาน หากให้องค์กรหรือหน่วยงาน ต้องการให้คนออกความคิดเห็นที่สร้างสรรค์หรือให้นโยบายบอกให้สร้างสรรค์งานออกมาให้ได้ กระผมเชื่อว่าหลายๆคน สามารถนำความคิดสร้างสรรค์ออกมาใช้ได้
ดังคำพูดของ มัทธิว 7:7.8 ในคัมภีร์ไบเบิ้ล กล่าวไว้ว่า “ จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน ” ดังนั้นหากท่านต้องการความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ จงขอแล้วท่านจะได้ จงแสวงหาแล้วท่านจะพบมัน จงเคาะแล้วสวรรค์ก็จะเปิดทางให้แก่ท่าน
แต่ในทางกลับกัน สังคมไทย มักเป็นสังคมที่ไม่ค่อยมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ แต่เป็นสังคมที่คัดลอก เลียนแบบ กัน ซึ่งบางกรณีถือว่าเป็นการผิดกฎหมายลิขสิทธิ์อีกด้วย
สำหรับปัจจัยที่ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์มีด้วยกันหลายปัจจัย เช่น
1. การคิดในแง่บวก, พูดบวก(เป็นไปได้,ทำได้) ความคิดและคำพูดเหล่านี้จะทำให้เราเกิดกำลังใจ และควรหลีกเลี่ยงความคิดในแง่ลบ,พูดลบ (การคิดว่าเป็นไปไม่ได้ , ทำไม่ได้ ) ความคิดและคำพูดเหล่านี้จะทำให้เกิดการบันทอนกำลังใจของเรา
2. จงคิดแตกต่างจากคนอื่นดูบ้าง สังคมไทยเป็นสังคมที่ไม่กล้าทำอะไรที่แตกต่างหรือโดดเด่นจากคนอื่น อาจเนื่องมาจากหลายสาเหตุ เช่นเกิดความกลัวต่างๆ ดังคำกล่าวที่ว่า “ อันความจริงคนเขาก็อยากให้เราดี แต่เราเด่นขึ้นทุกที คนเขาก็หมั่นไส้ จงทำดีอย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน ” คำกล่าวนี้ทำให้คนไทย มักทำอะไรตามๆ กัน เพื่อไม่ให้ตนเองเกิดความแตกต่างหรือเด่นเกินชาวบ้าน แต่ความคิดดังกล่าว เป็นความคิดที่ขัดขว้างความคิดที่ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ขึ้น
3. แสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ จากที่ต่างๆ การเปิดใจกว้างรับสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ จะทำให้ท่านเกิดประสบการณ์ที่ดีและมีความคิดเชิงสร้างสรรค์ขึ้น นักธุรกิจ นักฝึกอบรม จำนวนมาก มักนำสินค้าหรือหลักสูตรการฝึกอบรม ที่แปลกๆ ใหม่ๆ จากต่างประเทศเข้ามาขาย แล้วจึงประสบความสำเร็จ ร่ำรวย ขึ้นมา
4. ต้องอดทนรอคอยความสำเร็จ ความคิดสร้างสรรค์ เป็นความคิดที่ต้องอาศัยเวลา คนที่ไม่ประสบความสำเร็จบางคน มักไม่มีความอดทนรอคอย จึงล้มเลิกไปเสียก่อน ที่ความคิดสร้างสรรค์ดีๆ จะออกมา
ปัจจัยเหล่านี้ เป็นปัจจัยหนึ่งของคนที่ต้องการมีความคิดสร้างสรรค์ หากท่านต้องการมีความคิดริเริ่ม
สร้างสรรค์ ท่านก็ควรฝึกฝนตนเอง อีกทั้งควรศึกษาและเรียนรู้เพิ่มเติม
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.